ผลการค้นหา :

การเดินทางของมนุษย์จะต้องมีแผนที่ การสร้างตึก สร้างบ้าน จะต้องมีพิมพ์เขียว การทำธุรกิจเช่นกันจะต้องมีแผน แผนที่ว่านี้คือแผนธุรกิจ เพื่อความสำเร็จและขออนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือเวลาที่ท่านต้องการหุ้นส่วน เพื่อให้เขาเหล่านั้นเชื่อว่าการทำธุรกิจของท่านมีความน่าเชื่อถือเพียงใด มิใช่พูดแค่ลมปาก แต่เป็นจริงได้ ที่สำคัญชาวบ้าน ที่จะทำธุรกิจ ไม่มีรู้ความสามารถที่จะเขียนแผนธุรกิจได้ เพราะจะต้องอาศัยพื้นฐานความรู้ความเชียวชาญในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถเขียนขึ้นมาได้ บทความนี้ จะเขียนขึ้นอย่างง่าย ๆ สำหรับคนที่จะทำธุรกิจแต่ไม่มีพื้นฐานความรู้ ขาดความเชี่ยวชาญ ในการทำจัดทำแผนธุรกิจ และไม่เชียวชาญในการประกอบการธุรกิจ

จากตอนที่ 1 เมื่อหลักการถูกนำมาประยุกต์แล้ว สภาพจริงจะดำเนินการได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ กลวิธี และสติปัญญาของผู้บริหาร

บทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของ Wang MoMo คนวาดบอกว่า เพื่อนร่วมชั้นสมัยเด็กของเธอตั้งชื่อให้เธอว่า ‘Rabbit’ เพราะพวกเขาคิดว่าเธอนั้นเหมือนกระต่ายหลายประการด้วยกัน และดูเหมือนเธอจะชอบไม่นอย และเมื่ออัพ blog เมื่อไรก็ใช้กระต่ายเป็น ตัวแทนตัวเองในกิจกรรมที่เกิดขึ้นหลายอย่าง และตอนแรกได้ตั้งชื่อกระต่ายตัวเองว่า “Tuski.” ก่อนเปลี่ยนจากตัว s มาเป็นตัว z หลังจากได้อ่านเรื่อง “Spell My Name With An S” ของท่าน Isaac Asimovเจ้าแห่งมหากาพย์บนอวกาศ..อ่านแล้วงงนั่นแหละ ใครจำ Isaac Asimov ก็ให้นึกถึง Foundation หรือสถาบันสถาปนายังไงละ ตั้งไม่กี่เล่มจบ ยิ่งกว่าใจรอคอยโคนันซะอีกแน่ะ ในเนื้อเรื่อง “Spell My Name With An S” ตัวละครหลักอย่าง “Zebatinsky” มีเหตุการณ์ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปมากมาย หลังจากเปลี่ยนชื่อมาเป็นตัว s...... Mo เลยทำมั่ง คิดว่ากระต่ายของเธอจะเปลี่ยนไปจากหันมาใช้ z แทน s โดย Mo ได้ออกแบบเจ้า Tuzki เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนแรกก็ออกแบบง่ายๆ มีคลื่นที่แขน (ใครมีเจ้าตัวนี้แรกๆ จะจำได้ท่าเย้น โยกคลื่นแขนซ้ายแขนขวา) และหลังจากนั้นก็เขย่าหัวโยกเยกๆ.... เมื่อคุยกับเพื่อนผ่านโปรแกรมสนทนา QQ เธอก็ใช้ภาพนี้เป็น default เอาไว้ และเริ่มออกแบบ Tuzki ในท่าทางที่มากขึ้นมากขึ้น.... โดยอาศัยชีวิตตัวเองเป็นต้นแบบ กิจกรรมที่เกิดขึ้นแทบทุกวันกลายเป็นที่มาของท่าทางเจ้ากระต่ายหน้ากวนทีนนี้ หลังจากนั้นก็เริ่มวาดให้กระต่ายไปอยู่บน msn, postcard และก็บน poster สารพัดอยาง และเตรียมจะทำเป็นวิดิโอเจ้ากระต่ายด้วยเร็ว ๆ นี้

"...สายตรงสู่ความโดดเด่นและการนำชีวิตไปสู่ความรุ่งโรจน์เหนือผู้อื่นขึ้นอยู่กับความสามารถพูดและการสร้างมิตรภาพ..."

บันไดไปสู่การเป็นหัวหน้าที่ดี

ข้อเขียนนี้ตั้งใจให้เป็นกรณ๊ศึกษาสำหรับที่ปรึกษามือใหม่ หรือหัวหน้างาน ตลอดจน Facillitator ที่ต้องบริหารโครงการให้สำเร็จ

มีหลายคนที่สับสนในความหมายของตัว KPIsระหว่าง Efficiency(ประสิทธิภาพ), Effectiveness(ประสิทธิผล) และ Productivity(ผลิตภาพ) ซึ่ง KPIs ทั้งสามตัวเป็นวัดผลจากการบริหารงาน ในบทความนี้จะพูดถึงความแตกต่างระหว่างควมหมายของ KPIs ทั้งสามตัวนี้ผ่านการยกตัวอย่าง

การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JPET ปี 2008ใกล้เข้ามาแล้ว วันที่7 ธันวา หลายคนเริ่มเตรียมตัวแล้ว แต่บางคนยังแต่จะเริ่มตอนนี้ก็ไม่น่าจะช้าเกินไป สำหรับคุณข้อสอบส่วนใดยากที่สุด ตัวผู้เขียนขอยกให้ "การอ่านและไวยากรณ์" เพราะข้อสอบชุดนี้อยู่ท้ายสุด หลังจากที่เราเหน็ดเหนื่อยจากการฟัง แล้วก็ตัวอักษรและคำศัพท์มาแล้ว.....แถมยังยาวเอามากๆด้วย แค่เห็นก็ท้อแล้ว บางคนเลิกทำเอาดื้อๆ บางคนอยากทำต่อแต่เวลาไม่พอ เลยบาย...แต่รู้มั้ย ว่าข้อสอบส่วนนี้เนี่ยคะแนนแต่ละข้อเยอะมาก ราวๆข้อละ 5 คะแนนเลยทีเดียว การอ่านเป็นปรับเอาความรู้เรื่องของศัพท์และไวยากรณ์มาใช้ เราจะทำอย่างไรที่จะพิชิตข้อสอบส่วนนี้ได้ อย่างน้อยได้ตามเกณฑ์ของแต่ละระดับก็ยังดี(เนอะว่ามั้ย) จะขอเน้นที่ระดับ2นะ แต่คิดว่าจะนำไปใช้ได้ทุกระดับการสอบ....สู้ๆ อย่าเพิ่งท้อแท้นะ (ลองเอาไปใช้ดูนะ เผื่ออาจเป็นประโยชน์)

เป็นหัวหน้า ก็ต้องเป็นผู้นำทั้งกายและใจ อย่าให้ผีได้มาเข้าๆออกๆ

ภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า"อะนิเมะญี่ปุ่น" เป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสนใจจากทั่วโลก นอกจากความบันเทิงยังเป็นแรงบันดาลใจหรือแรงกระตุ้นหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมจำนวนไม่น้อยสนใจในวัฒนธรรมหรือภาษาญี่ปุ่น ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น ความประทับใจในเรื่องราวของ อิคคิวซัง ทำให้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น,เรื่องราวญี่ปุ่นรวมถึงวัฒนธรรม และเมื่อได้พบกับผลงานของ Hayao Miyazaki พ่อมดมหัศจรรย์ของวงการอะนิเมะญี่ปุ่น ในเรื่อง Totoro ก็ได้ตั้งเป้าว่าจะทำงานวิจัยเกี่ยวกับอะนิเมะสักเรื่องเมื่อมีโอกาส และโอกาสนั้นก็มาถึง ขอนำเสนองานวิจัย(ชิ้นไม่ใหญ่โตนัก...และอาจจะไม่แปลกใหม่) ให้ได้รู้หรืออ่านเล่นเพลินๆกัน ขอออกตัวไว้ก่อนว่า เป็นงานที่ไม่สมบูรณ์เลย หากมีใครอยากต่อยอดก็เชิญได้

มาดูกันครับว่าตำนานของงานบุญกฐินมีความเป็นมาอย่างไรกัน นะครับ ^_^

"...พอใจในสิ่งที่มี หาความสุขเล็กๆใกล้ๆตัว จะสุข หรือ ทุกข์ อยู่เราเลือกที่จะมอง...."

ในปัจจุบันหลายท่านไม่เคยทราบเลยว่าการที่เรารักาอาหารในตู้เย็นนั้นมีผลกระทบอัไรย้างกับสุขภาพของเราและมีผลต่อเงินที่เสียไปกับค่าไฟโดยใช่เหตุ

บทกวีที่เขียนขึ้น เพื่อเทอดพระเกียรติองค์พระราชา พระราชินีของไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ ผู้เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ...อุ่นเกล้าชาวไทย ตราบนานเท่านาน...

ท่องเที่ยวอย่างได้ความรู้...ได้ความรู้จากความสนุกสนาน...สนุกสนานกับการทดลอง ที่นี่!

หากคุณเคยมองภาพของเรื่องราวในอดีตว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ หากคุณเคยคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นเพียงการท่องจำ และหากคุณเคยคุ้นกับพิพิธภัณฑ์ที่ห้ามถ่ายรูป ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามจับ...ไม่ว่าคุณจะเคยรู้สึก-นึก-คิด อย่างไร ทั้งหมดนี้ จะเปลี่ยนไป เมื่อคุณได้มาเยือน พิพิธภัณฑ์สยาม Discovery Museum สุดยอดแหล่งการเรียนรู้ที่แตกต่างอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ณ พ.ศ.นี้

บทความในส่วน ของ Cross Function Team นี้ ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมเองนั้น มิได้เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง แต่บทความที่เขียนนี้ เขียนขึ้นจากประสบการณ์ ที่ได้ลงมือปฏิบัติในหน่วยงานคุณภาพขององค์กร ซึ่งองค์กรที่ผมทำงานอยู่ได้ พยายามสร้างระบบคุณภาพ ที่มุ่งสร้างพฤติกรรม การทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในองค์กร โชคดีที่ผู้บริหารระดับสูง ให้ความสำคัญ และพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนเป็น 4 ปี บทความนี้จะเป็นการบันทึกประสบการณ์จากจุดเริ่มต้นจนสู่ความสำเร็จ ซึ่งหวังว่าจะผู้อ่านจะสามารถนำไปแนวทาง เพื่อพัฒนาสู่การปฏิบัติ ในองค์กรของตนได้ 13/10/2008 เรื่องเด่นวันนี้ ขอบคุณผู้อ่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมบทความเล็กๆ เรื่องนี้ อย่างไรก็ดีหากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปช่วยติชมด้วยทั้งจากผู้อ่าน และผู้รู้เพื่อการพัฒนาต่อยอดครับ หรือผู้อ่านต้องการให้เสริมในมุมไหนผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่าน ที่กรุณาแวะเข้าชม บทความของผม บทความเรื่องความฝันนี้ ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา ที่แนะนำว่าน่าจะเอาคำพูดที่ ให้แรงบันดาลใจ ที่ผมใช้ในการ Morning Brief พนักงานทุกวัน เพื่อให้กำลังใจ และสร้างนิสัยที่คิดบวกให้เกิดขึ้นกับการทำงานทุกวัน เก็บไว้ แรกๆ ผมเขียน และใช้วิธีส่ง เป็น Mail ส่งให้เพื่อนร่วมงานในฝ่ายบริการ ที่ผมทำงานอยู่ ปรากฏว่า ได้การตอบรับที่ดี จนในที่สุด เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้แนะนำว่า ให้ลองนำมาลง TPA Writer ดู จากคำแนะนำดังกล่าว จึงเกิดบทความ 3 บทแรกขึ้น....และจะพยายามเขียนอย่างต่อเนื่องครับ อย่างไรก็ดีในฐานะ นักเขียนหน้าใหม่ ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะรับฟังคำติชม เพื่อนำมาแก้ไข และพัฒนา เพื่อนำไปเขียนในบทต่อไปครับ อย่าลืม Comment นิดนึงนะครับ ขอแสดงความนับถือ ธ. นันทวศิน,. Memo: เรื่องเด่นวันนี้ ประจำวันที่ 12/10/2008

LOVE or NOT LOVE

เผอิญได้ไปดูงานที่ม. ฟูคุโอกะมาคับ ก็เลยเขียนเรื่องเงินๆ ทองๆ มาเล่าสู่กันฟัง

ทุกครั้งที่มีการประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย สิ่งที่ตามมาก็คือจำนวนเรือนแสนของนักศึกษาที่พลาดโอกาสการศึกษาต่อ ในสถาบันที่ตนเองต้องการ และไม่ว่าจะเป็นเพราะระบบการสอบเข้า การเลือกคณะ หรือ

ทำเลที่ตั้ง คือ Key success factorของธุรกิจการค้า แต่ มีศาสตร์ที่เรียกว่า ฮวงจุ้ย เป็นเครื่องมือในการเสริมความสำเร็จของกิจการ เป็นศิลป์แห่งความลงตัวของการวางตำแหน่งเครื่องประดับ เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินชีวิต อย่างมีความสุข

เพื่อนที่คุณรักเป็นคนอย่างไร?

เพื่อนๆ...ฉลองวันเกิดกันอย่างไร?

ทำไม ? ทำไม ? ทำไม ? ทำไม ? และ ทำไม ? คำว่า ทำไม ? ดูจะเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขเพื่อพาเรา ไปสู่คำตอบ เมื่อมีข้อสงสัย หรือ ปัญหาต่างๆประดามี. พวกเรา ทุกคน ต่างคุ้นเคยกับคำถาม ทำไม ? มาตั้งแต่เด็ก. ในญี่ปุ่น บริษัทโตโยตา ได้นำเอาคำสำคัญนี้ พัฒนาขึ้นเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา. เครื่องมือนั้น เรียกกันว่า 5 whys เมื่อเราประสบปัญหา เราจะถามหาสาเหตุ ว่า ทำไม ? โดยทั่วไป เมื่อเราถามคำถามดังกล่าว และ ได้คำตอบ เราก็มักจะพึงพอใจ แล้ว จัดการแก้ปัญหา ตามที่เราค้นหาพบ. สำหรับแนวคิดใหม่นี้ เราจะไม่หยุดอยู่ที่การถามเพียง ทำไม ? ครั่งเดียว. เมื่อได้คำตอบ (หรือสาเหตุ) ของปัญหาจากการถาม ทำไม ? (ครั้งแรกแล้ว) เราก็จะนำสาเหตุนั้น เป็นจุดเริ่มต้น( หรือ เป็นปัญหาใหม่) แล้วถาม ทำไม ? ที่สอง. เราจะถามเช่นนี้ ซ้ำกับ คำตอบใหม่ ที่ได้มา กระทั่งครบห้าครั้ง. เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่า การตั้งคำถาม ทำไม ? ต่อเนื่องห้าครั้ง สามารถช่วยให้เรา เจาะค้นลงลึกไปถึง “ราก” ของปัญหา(root cause) ได้. ขณะที่ การถาม ทำไม ? เพียงครั้งเดียว เราอาจจะรู้ สาเหตุ ที่ยังผิวเผิน. ซึ่งแม้เราจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ก็ยังอาจไม่สามารถ แก้ปัญหาได้โดยสิ้นเชิง. เทคนิค 5 whys นี้ สามารถใช้ ในการเจาะหารากของปัญหาต่างๆ ซึ่งเกิดในที่ทำงานของพวกเรา หรือ แม้กระทั่ง ในชีวิตประจำวันของเราได้. ในที่นี้ จะลอง ยกกรณีตัวอย่าง มาเพื่อประกอบ ให้เราสามารถทำความเข้าใจได้ดีขึ้น. ตัวอย่าง กรณีที่รถยนต์ของผมสตาร์ตไม่ติด (ปัญหาที่ผมประสบอยู่) 1.ทำไม? รถยนต์จึงสตาร์ตไม่ติด - เพราะแบตเตอรี่ไม่มีไฟ (คำตอบต่อ ทำไม ? ตัวแรก) 2.ทำไม? แบตเตอรีจึงไม่มีไฟ ? - เพราะตัวชาร์จไฟไม่ทำงาน (คำตอบต่อ ทำไม ? ตัวที่สอง) 3.ทำไม? ตัวชาร์จไฟจึงไม่ทำงาน? - เพราะสายพานของอัลเตอร์เนเตอร์ขาด (คำตอบต่อ ทำไม ? ตัวที่สาม) 4.ทำไม? สายพานของอัลเตอร์เนเตอร์จึงขาด? เพราะสายพานใช้จนเกินอายุใช้งาน (คำตอบต่อ ทำไม ? ตัวที่สี่) 5.ทำไม? สายพานจึงใช้จนเกินอายุใช้งาน? เพราะ ผมไม่ได้ดูแลบำรุงรักษารถยนต์ ตามที่มีการแนะนำในหนังสือ คู่มือรถยนต์ (คำตอบต่อ ทำไม ? ตัวที่ห้า) จากกรณีข้างต้น เราคงพอมองเห็นได้ว่า หากเราถาม ทำไม ? เพียงครั้งเดียว และสรุปสาเหตุของปัญหาเพียงเท่านั้น. วิธีแก้ไขปัญหาของเรา ก็คือ การซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่ง ย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาได้. เพราะในที่สุด แบตเตอรีก็จะหมดไฟอยู่ดี. ทั้งนี้ เป็นเพราะ ระบบการชาร์จไฟไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ. คราวนี้ หลายท่าน ก็คงจะมีคำถาม ทำไม ? กับผมเช่นกัน. กล่าวคือ ทำไม ต้องเป็น 5 whys ทำไมไม่เป็น 4 หรือ 6 หรือ 7 ? ผมคงตอบคำถามนี้ อย่างมั่นใจเต็มร้อยไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้คิดพัฒนาเครื่องมือนี้ขึ้นมา. สิ่งที่ผมคาดคิด ก็คือ การกำหนด whys 5ครั้ง ก็คงเพราะ โดยทั่วไป การตั้งคำถาม ทำไม ? จนถึงครั้งที่ห้า มักจะช่วยให้เรา สามารถมองเห็น “ราก” ของปัญหาได้แล้ว. อย่างไรก็ตาม หากจำเป็น เราย่อมสามารถ ถาม ทำไม ? ครั้งที่ 6, 7, หรือ 8 จนกระทั่งเรามั่นใจว่า สามารถค้นพบถึงรากเหง้าของปัญหาได้. แนวคิดสำคัญ ของญี่ปุ่น คือ การพยายามสร้าง “นิสัย” จากการประพฤติปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง. 5 whys จะมีลักษณะเช่นเดียวกับ 5 S กล่าวคือ เป็นแนวปฏิบัติ ที่มุ่งให้พัฒนากระทั่งเป็นนิสัย. เมื่อผู้คน มีนิสัยดังกล่าวแล้ว เขาก็ย่อมสามารถนำไปใช้ ให้เป็นประโยชน์ ทั้งในที่ทำงาน และ ในชีวิตส่วนตัว. เจตนาสำคัญ ของแนวคิด 5 whys น่าจะมีสองประการ คือ ประการแรก สร้าง นิสัยที่ชอบ “สงสัย” หรือ ความอยากรู้อยากเห็น ให้เกิดขึ้น. ประการที่สอง สร้างนิสัย ที่มุ่งค้นคว้า จนถึงรากเหง้าของปัญหา โดยไม่ยอมเพียงแก้ปัญหาผิวเผิน หรือ ที่เปลือกผิว. สำหรับชาวไทย พวกเราคงต้องหันกลับไปเป็นเด็ก. นำนิสัย ขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น สงสัยใคร่ถามกลับมาใหม่. สิ่งที่ต้องเพิ่มขึ้น จากนิสัยตอนเด็ก ก็คือ การมุ่งมั่นหาคำตอบ ซึ่งไม่ใช่แค่คำตอบผิวเผิน แต่เป็นคำตอบที่ลงถึง รากเหง้า ของปัญหา.

สถาบันการศึกษาเอกชนในยุคปัจจุบันจะต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อการแข่งขันกับสถาบันของรัฐ หรือแม้แต่เอกชนด้วยกันเองเพราะเนื่องมาจากพลวัตรของโลกการศึกษาที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา เช่น มีการขยายโอกาสรับนักศึกษามากขึ้น โอกาสจากนโยบายการให้เงินกู้เพื่อการศึกษา ตลอดจน มีการเปิดหลักสูตรใหม่และเพิ่มจำนวนนักเรียนนักศึกษามากขึ้น สถาบันการศึกษาทุกแห่งจะต้องปรับกระบวนทัศน์การบริหารจัดการอย่างมากเพื่อความอยู่รอดและอยู่ได้ ดังนั้นหากประยุกต์ระบบบริหารจัดการ ISO มาใช้จะเป็นไปได้หรือไม่ มีข้อจำกัดอย่างไร

ขึ้นชื่อว่า “ของฟรี” มีใครไม่อยากได้ เทรนด์ Free Love (รักนี้มีแต่ให้กับให้)

พลังของการรวมตัวกันในชุมชนในการสร้าง Community Brand เพื่อกระตุ้นให้เกิด ตลาดกลาง อันเป็นการส่งเสริมการบริโภคภายในชุมชนได้เป็นอย่างดี

แนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับ การบริหารจัดการ ที่ควรอ่าน

In trend กับวัยรุ่นไทย - ร้ายแต่ไม่ไร้สาระ ไม่ว่าท่านจะอายุเท่าไหร่ เด็ก วัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน หรือผู้ปกครอง ท่านสามารถจะตามทันกระแสของวัยรุ่นไทยได้ โดยดิฉันจะเป็นผู้จับกระแสวัยรุ่นมาบอกเล่าให้ทราบเอง วันนี้ขอเสนอของเล่นที่กำลังฮิตและ In มากๆ มาทำความรู้จักกันค่ะ เผื่อใครจะอยากเอาไปเล่นแก้เครียดเวลาทำงานก็ได้นะคะ