เริมคืออะไร โรคติดเชื้อที่หลายคนมองข้าม มาทำความเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการป้องกันโรคเริมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อ
เคยรู้สึกแสบร้อนบริเวณริมฝีปากหรือพบตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ หรือไม่? นั่นอาจเป็นสัญญาณของเริม โรคที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าที่คิด ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก และยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย ซึ่งเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีซซิมเพล็กซ์ การรู้จักโรคเริมให้ดีจะช่วยให้สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างถูกวิธี
บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคเริมตั้งแต่สาเหตุการเกิดเริมที่ปากเกิดจาก อาการเริมหรือวิธีรักษาเริมที่ปากให้หายเร็วที่สุด พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดโอกาสการเกิดซ้ำได้
เริม คือ โรคติดเชื้อเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งชื่อว่า เฮอร์ปีซซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณผิวหนัง เช่น เริมที่อวัยวะเพศ เป็นเริมที่ปาก หรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เริมอาการเริ่มต้นคือ ตุ่มน้ำใส แสบร้อน คัน หรืออาจมีไข้ต่ำ การติดเชื้อโรคเริมเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำใสหรือของเหลวจากแผลของผู้ติดเชื้อ เช่น การจูบ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย แม้ว่าจะรักษาแล้ว เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกายและอาจกลับมาทำให้เกิดอาการซ้ำได้
โรคเริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลักคือ HSV-1 และ HSV-2 โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในร่างกายและสามารถแฝงตัวอยู่ในปมประสาทได้ เมื่อร่างกายมีภาวะอ่อนแอ เชื้อไวรัสก็จะกลับมาก่อให้เกิดอาการเริมซ้ำได้
สาเหตุหลักของเริมจากการติดเชื้อไวรัส HSV ได้แก่
สรุปทั้ง HSV-1 และ HSV-2 สามารถทำให้เกิดโรคเริมได้ การติดเชื้อไวรัสทั้งสองชนิดนี้ จะแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำใสหรือของเหลวจากแผล วิธีป้องกันดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงการรักษาสุขอนามัยที่ดี
เริม เป็นโรคติดเชื้อมักจะแสดงอาการเป็นตุ่มน้ำใสขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ หรือผิวหนังส่วนอื่น ๆ แต่จะรู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเริมหรือไม่ ต้องสังเกตอาการหรือปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยลักษณะเฉพาะของโรคเริมในผู้หญิงและผู้ชาย มีดังนี้
ผู้หญิงที่เป็นเริมมักมีอาการดังนี้
ผู้ชายที่เป็นเริมมักมีอาการดังนี้
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเมื่อเป็นเริม จะช่วยให้อาการดีเร็วขึ้น และลดโอกาสการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้
1. รักษาความสะอาด:
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณเป็นแผล
3. ใช้ยาตามแพทย์สั่ง
4. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
5. บรรเทาอาการ
เริม เป็นโรคติดเชื้อเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง แสดงอาการเป็นตุ่มน้ำใสตามริมฝีปาก อวัยวะเพศ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย วิธีป้องกันโรคเริมสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย การใช้ถุงยางอนามัย และรักษาความสะอาดร่างกายเสมอ แม้ว่าจะรักษาแล้ว เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกายและอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงหรือปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเริมซ้ำได้
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที