ธนงทวย

ผู้เขียน : ธนงทวย

อัพเดท: 29 พ.ย. 2024 21.02 น. บทความนี้มีผู้ชม: 63 ครั้ง

เริมคืออะไร โรคติดเชื้อที่หลายคนมองข้าม มาทำความเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการป้องกันโรคเริมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อ


เริมคืออะไร? เรียนรู้วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

เริม

 

เริมคืออะไร โรคติดเชื้อที่หลายคนมองข้าม มาทำความเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการป้องกันโรคเริมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อ

 

เคยรู้สึกแสบร้อนบริเวณริมฝีปากหรือพบตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ หรือไม่? นั่นอาจเป็นสัญญาณของเริม โรคที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าที่คิด ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก และยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย ซึ่งเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีซซิมเพล็กซ์ การรู้จักโรคเริมให้ดีจะช่วยให้สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างถูกวิธี 

 

บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคเริมตั้งแต่สาเหตุการเกิดเริมที่ปากเกิดจาก อาการเริมหรือวิธีรักษาเริมที่ปากให้หายเร็วที่สุด พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดโอกาสการเกิดซ้ำได้


ทำความรู้จักกับโรคเริ่มให้มากยิ่งขึ้น

โรคเริม

 

เริม คือ โรคติดเชื้อเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งชื่อว่า เฮอร์ปีซซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณผิวหนัง เช่น เริมที่อวัยวะเพศ เป็นเริมที่ปาก หรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เริมอาการเริ่มต้นคือ ตุ่มน้ำใส แสบร้อน คัน หรืออาจมีไข้ต่ำ การติดเชื้อโรคเริมเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำใสหรือของเหลวจากแผลของผู้ติดเชื้อ เช่น การจูบ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย แม้ว่าจะรักษาแล้ว เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกายและอาจกลับมาทำให้เกิดอาการซ้ำได้


สาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายเกิดโรคเริม

โรคเริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลักคือ HSV-1 และ HSV-2 โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในร่างกายและสามารถแฝงตัวอยู่ในปมประสาทได้ เมื่อร่างกายมีภาวะอ่อนแอ เชื้อไวรัสก็จะกลับมาก่อให้เกิดอาการเริมซ้ำได้

 

สาเหตุหลักของเริมจากการติดเชื้อไวรัส HSV ได้แก่

การติดเชื้อไวรัส HSV-1 

การติดเชื้อไวรัส HSV-2

 

สรุปทั้ง HSV-1 และ HSV-2 สามารถทำให้เกิดโรคเริมได้ การติดเชื้อไวรัสทั้งสองชนิดนี้ จะแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำใสหรือของเหลวจากแผล วิธีป้องกันดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงการรักษาสุขอนามัยที่ดี


จะรู้ได้อย่างไร ว่าเป็นเริม

เริม เป็นโรคติดเชื้อมักจะแสดงอาการเป็นตุ่มน้ำใสขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ หรือผิวหนังส่วนอื่น ๆ แต่จะรู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเริมหรือไม่ ต้องสังเกตอาการหรือปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยลักษณะเฉพาะของโรคเริมในผู้หญิงและผู้ชาย มีดังนี้

1. เริมในผู้หญิง

ผู้หญิงที่เป็นเริมมักมีอาการดังนี้

 

2. เริมในผู้ชาย

 

ผู้ชายที่เป็นเริมมักมีอาการดังนี้


เริม รู้ตัวไว รักษาหายได้เร็ว

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเมื่อเป็นเริม จะช่วยให้อาการดีเร็วขึ้น และลดโอกาสการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้

 

1. รักษาความสะอาด:

2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณเป็นแผล

3. ใช้ยาตามแพทย์สั่ง

4. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว

5. บรรเทาอาการ


เริม ป้องกันได้เริ่มจากตัวเอง

เริม เป็นโรคติดเชื้อเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง แสดงอาการเป็นตุ่มน้ำใสตามริมฝีปาก อวัยวะเพศ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย วิธีป้องกันโรคเริมสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย การใช้ถุงยางอนามัย และรักษาความสะอาดร่างกายเสมอ แม้ว่าจะรักษาแล้ว เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกายและอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงหรือปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเริมซ้ำได้


 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที