IP Address คืออะไร เครื่องมือสำคัญที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตควรรู้
IP Address คือ ตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันของแต่ละอุปกรณ์ เปรียบเสมือนเลขที่บ้านของอุปกรณ์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถตรวจสอบเลขที่อยู่ไอพีของตนเองได้หลากหลายวิธี
ทุกครั้งที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บไซต์ เล่นเกม หรือแชทกับเพื่อน ๆ ล้วนมีตัวเลขชุดหนึ่งที่คอยระบุตัวตนของแต่ละคนบนโลกออนไลน์ นั่นคือ "IP Address" หรือ "เลขที่อยู่ไอพี" โดย IP address คืออะไร IP คือตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันของแต่ละอุปกรณ์ เปรียบเสมือนเลขที่บ้านของคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนบนอินเทอร์เน็ต ทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ สามารถส่งข้อมูลมาหาได้อย่างถูกต้อง IP Address จึงทำให้โลกออนไลน์มีระเบียบและเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความรู้จักกับ IP Address ว่า คืออะไร?
IP Address หรือ เลขที่อยู่ไอพีนั้น เปรียบเสมือนเลขที่บ้านของอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ เลขที่อยู่นี้จะไม่ซ้ำกัน ทำให้สามารถส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ที่ต้องการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ กล่าวได้ว่า IP Address คือ หมายเลขประจำตัวอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่ง IP ย่อมาจาก Internet Protocol นั่นเอง
แล้ว IP Address มีกี่แบบ โดยปัจจุบันมี IP Address อยู่ 2 แบบหลัก ๆ คือ
-
IPv4 เป็นรูปแบบดั้งเดิมที่ใช้กันแพร่หลาย มีโครงสร้างเป็นตัวเลข 4 ชุด แยกด้วยจุด เช่น 192.168.1.1 แต่เนื่องจากจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ IPv4 เริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ
-
IPv6 เป็นรูปแบบใหม่ที่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า IPv4 แต่มีจำนวนที่อยู่ให้ใช้มากมายมหาศาล สามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า IPv4 หลายเท่า
นอกจากนี้ IP Address ยังมีการแบ่งอีก 4 แบบ คือ
-
แบบ Public เป็น IP Address ที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
-
แบบ Private เป็น IP Address ที่ใช้ภายในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น เครือข่ายภายในบ้านหรือสำนักงาน
-
แบบ Dynamic เป็น IP Address ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
-
แบบ Static เป็น IP Address ที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
แล้ว IP Address มาจากไหน
IP Address นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มีกระบวนการในการกำหนดและจัดสรรที่ซับซ้อน เพื่อให้ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีเลขที่อยู่ไอพีที่ไม่ซ้ำกันและสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถอธิบายที่มาของ IP Address คือ
-
องค์กรกำกับดูแล อย่างเช่น
-
Internet Assigned Numbers Authority (IANA) เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการจัดสรรทรัพยากรบนอินเทอร์เน็ต เช่น ช่วงของ IP Address, Domain Name และอื่นๆ
-
Regional Internet Registries (RIRs) เป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่ได้รับมอบหมายจาก IANA ให้ดูแลการจัดสรรทรัพยากรในแต่ละภูมิภาค เช่น APNIC (เอเชียแปซิฟิก), ARIN (อเมริกาเหนือ), RIPE NCC (ยุโรป)
-
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ต่าง ๆ ทั่วโลกจะได้รับการจัดสรรช่วงของ IP Address จาก RIRs เมื่อมีการสมัครใช้บริการอินเทอร์เน็ต ISP จะนำช่วงของ IP Address ที่ได้รับมาจัดสรรให้กับลูกค้าแต่ละราย โดยอาจจะเป็น IP Address แบบคงที่ (Static IP) หรือแบบไดนามิก (Dynamic IP)
-
อุปกรณ์ของตนเอง เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายของ ISP อุปกรณ์จะได้รับการกำหนด IP Address โดยอัตโนมัติผ่านโปรโตคอล DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol)
กล่าวได้ว่า IP Address ไม่ใช่สิ่งที่ถูกส่งมา แต่เป็นค่าที่ถูกกำหนดให้กับอุปกรณ์ ทั้งมาจาก ISP และ Router ในเครือข่ายภายในบ้านหรือองค์กร โดย Router จะทำหน้าที่จัดสรร IP Address ให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่
IP Address แบ่งออกเป็นกี่ระดับ
IP Address นั้น ถูกแบ่งออกเป็นระดับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการและกำหนดขอบเขตการใช้งาน โดยการแบ่งระดับนี้ จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของตัวเลข IP Address เอง ซึ่งในปัจจุบัน การแบ่งระดับของ IP Address คือ
-
Class A มีช่วงตัวเลขตั้งแต่ 1.0.0.0 ถึง 127.255.255.255 ใช้สำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่ เช่น เครือข่ายขององค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีจำนวน IP Address ให้ใช้งานได้มาก
-
Class B มีช่วงตัวเลขตั้งแต่ 128.0.0.0 ถึง 191.255.255.255 เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดกลาง เช่น เครือข่ายของมหาวิทยาลัยหรือองค์กรขนาดกลาง
-
Class C มีช่วงตัวเลขตั้งแต่ 192.0.0.0 ถึง 223.255.255.255 เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดเล็ก เช่น เครือข่ายภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก
-
Class D มีช่วงตัวเลขตั้งแต่ 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255 ใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบ Multicast ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลไปยังกลุ่มของอุปกรณ์พร้อมกัน
-
Class E มีช่วงตัวเลขตั้งแต่ 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.255 เป็น IP Address ที่สงวนไว้สำหรับการใช้งานในอนาคต
โดยในแต่ละคลาสของ IP Address จะแตกต่างกันตามการจัดการและกำหนดขอบเขตการใช้งานของแต่ละเครือข่าย โดยแต่ละคลาสจะมีจำนวน IP Address ที่แตกต่างกัน และเหมาะสมกับการใช้งานที่ต่างกันไป
วิธีในการตรวจสอบ IP Address คืออะไร?
การตรวจสอบ IP Address นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก และมีหลายวิธีให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน โดยวิธีตรวจสอบ IP Address คือ
วิธีตรวจสอบ IP Address บน Windows
-
ผ่าน Command Prompt ด้วยขั้นตอน ดังนี้
-
เปิด Command Prompt กดปุ่ม Windows + R พิมพ์ cmd แล้วกด Enter
-
พิมพ์คำสั่ง พิมพ์ ipconfig แล้วกด Enter
-
ผลลัพธ์ที่ได้ จะมีรายละเอียดของการเชื่อมต่อเครือข่าย รวมถึง IP Address (โดยปกติจะอยู่ที่ IPv4 Address)
-
ผ่าน Settings ด้วยขั้นตอน ดังนี้
-
ไปที่ Settings คลิกขวาที่ไอคอนเครือข่ายที่แถบงาน แล้วเลือก Open Network and Internet settings
-
เลือก Ethernet หรือ Wi-Fi เลือกประเภทการเชื่อมต่อ (Ethernet สำหรับสายแลน และ Wi-Fi สำหรับไร้สาย)
-
ดูรายละเอียด ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น จะมีรายละเอียดของการเชื่อมต่อ รวมถึง IP Address
วิธีตรวจสอบ IP Address บน macOS
-
เปิด System Preferences คลิกที่โลโก้ Apple ที่มุมซ้ายบน แล้วเลือก System Preferences
-
เลือก Network คลิกที่ไอคอน Network
-
เลือกการเชื่อมต่อ เลือกการเชื่อมต่อที่ใช้งานอยู่ (Ethernet หรือ Wi-Fi)
-
ดูรายละเอียด ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น จะมีรายละเอียดของการเชื่อมต่อ รวมถึง IP Address
วิธีตรวจสอบ IP Address บนสมาร์ตโฟน
-
Android ไปที่ Settings > Network & internet > Wi-Fi หรือ Settings > Network & internet > Ethernet แล้วดูรายละเอียดของการเชื่อมต่อ
-
iOS ไปที่ Settings > Wi-Fi หรือ Settings > Cellular แล้วดูรายละเอียดของการเชื่อมต่อ
วิธีตรวจสอบ IP Address ผ่านเว็บไซต์
-
เปิดเว็บเบราว์เซอร์ เช่น Google Chrome, Mozilla Firefox
-
ค้นหา "what is my ip"
-
เข้าไปยังเว็บไซต์ที่ให้บริการตรวจสอบ IP Address
-
เว็บไซต์จะแสดงIP Address ทันที
สรุปแล้ว IP Address คืออะไร?
IP Address คือ ส่วนสำคัญในการทำงานของอินเทอร์เน็ต ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เปรียบเสมือนเลขที่บ้าน ช่วยระบุตัวตนของอุปกรณ์แต่ละเครื่องบนอินเทอร์เน็ต โดยแบ่งออกเป็น 5 คลาสตามความเหมาะสมในการใช้งาน นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบ IP Address ได้ด้วยตนเองหลากหลายวิธีอย่างง่าย ๆ เพื่อให้สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและรู้เท่าทัน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
- ตอนที่ 1 : IP Address คืออะไร เครื่องมือสำคัญที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตควรรู้