การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจนเกิดภาวะโลกร้อน ปัญหาระดับโลก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศในระยะยาว ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และมีผู้พลัดถิ่นที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สุดขั้วมากมาย หรือที่รู้จักกันดีว่า ภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นวิกฤตที่กำลังคุกคามความอยู่รอดของมนุษยชาติและสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ การตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และร่วมมือกันแก้ไขจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
มารู้จักกันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คืออะไร?
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศในระยะยาวของโลก โดยรวมถึงอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ลม และรูปแบบสภาพอากาศสุดขั้วต่าง ๆ เช่น ความร้อนจัด ภัยแล้ง หรือพายุรุนแรง โดยมีชื่อภาษาอังกฤษ คือ Climate Change ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ที่รู้จักกันดี นั่นคือ ปัญหาโลกร้อน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากสาเหตุใดบ้าง?
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้า และสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมของมนุษย์เอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและชีวิตของมนุษย์อย่างมาก โดยสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ
-
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
-
การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตพลังงานในการผลิตไฟฟ้า ขับเคลื่อนยานพาหนะ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกชนิดหลัก
-
การตัดไม้ทำลายป่า เพราะต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ การตัดไม้ทำลายป่าจึงส่งผลให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น
-
การทำเกษตรกรรมปล่อยก๊าซมีเทนออกมาจากการย่อยอาหารของสัตว์เลี้ยง เช่น วัว และจากการใช้ปุ๋ย
-
กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภทปล่อยก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น ๆ ออกมา เช่น ก๊าซไนตรัสออกไซด์
-
ภาวะเรือนกระจก ทำหน้าที่เหมือนผ้าห่มคลุมโลก ทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกไม่สามารถระบายออกไปได้หมด ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ เกิดเป็นภาวะโลกร้อน
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกอย่างหลากหลายและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลกระทบเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพของมนุษย์ด้วย สามารถสรุปผลกระทบหลัก ๆ ของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงได้ ดังนี้
-
สภาพอากาศสุดขั้ว
-
คลื่นความร้อน เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดความร้อนจัด ภัยแล้ง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์
-
พายุรุนแรง อย่างเช่น พายุเฮอริเคน ไต้ฝุ่น และพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงขึ้น บ่อยขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
-
ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำท่วมฉับพลันและน้ำท่วมขัง เกิดความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรและชุมชน
-
ภัยแล้ง เนื่องจากการขาดแคลนน้ำฝน ทำให้เกิดภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและระบบนิเวศ
-
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เนื่องจากการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น กัดเซาะชายฝั่ง ทำให้พื้นที่ชายฝั่งหายไป และคุกคามชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง
-
ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง เพราะสัตว์และพืชหลายชนิดไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ทำให้สูญพันธุ์ และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศ
-
ผลกระทบต่อสุขภาพในภาวะโลกร้อน
-
โรคติดเชื้อแพร่ระบาดมากขึ้น เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก
-
ปัญหาทางเดินหายใจจากมลพิษทางอากาศ
-
ความเครียดจากการสูญเสียบ้านเรือนและทรัพย์สิน
-
โรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น โรคฮีทสโตรก
-
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
-
การเกษตรได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
-
อุตสาหกรรมการประมงได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความเป็นกรดของน้ำทะเล
-
การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนและภัยธรรมชาติ
แนวทางในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้า และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ผลอย่างยั่งยืน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แนวทางหลักในการแก้ไขและรับมือกับปัญหา Climate Change คือ
-
การลดสาเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mitigation)
-
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
-
เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล
-
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ปรับปรุงอาคารให้ประหยัดพลังงาน ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการคมนาคมขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-
ดูแลรักษาป่าไม้ ปลูกป่าใหม่และฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม เพราะป่าไม้ทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์
-
พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศและกักเก็บไว้ใต้ดิน
-
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์, ลดการใช้พลาสติก, รีไซเคิลขยะ, เลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
-
การปรับตัวในสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Adaptation)
-
สร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า มีการพัฒนาระบบเตือนภัยเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง
-
เสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อย่างการสร้างเขื่อนกันน้ำ กำแพงกันคลื่น และระบบระบายน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม
-
ปรับปรุงระบบการเกษตร ด้วยการพัฒนาวิธีการทำการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เช่น การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การปลูกพืชที่ทนแล้ง
-
พัฒนาเมืองให้มีความยืดหยุ่น ด้วยการออกแบบเมืองให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว การปลูกต้นไม้
ยกตัวอย่างนโยบายและความร่วมมือระดับนานาชาติที่ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
-
ความตกลงปารีส เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก
-
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) คือ เป้าหมายระดับโลกที่มุ่งแก้ไขปัญหาความยากจน สิ่งแวดล้อม และความไม่เท่าเทียม
-
นโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน หลายประเทศทั่วโลกมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการพลัดถิ่นอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการพลัดถิ่นของผู้คนจำนวนมากทั่วโลกอีกด้วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทำให้
-
เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งขึ้นและรุนแรงมากขึ้น เช่น น้ำท่วม พายุไซโคลน ภัยแล้ง และไฟป่า ซึ่งบังคับให้ผู้คนต้องอพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อความปลอดภัย
-
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น กัดเซาะชายฝั่ง และทำให้พื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่เพาะปลูกจมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนจึงต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า
-
ส่งผลกระทบต่อการเกษตร ทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ผู้คนจึงต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่มีทรัพยากรเพียงพอ
-
เกิดการแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่ลดลง เช่น น้ำและที่ดินทำกิน อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง และบังคับให้ผู้คนต้องอพยพออกจากพื้นที่
-
สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้พวกเขาต้องย้ายถิ่นฐานไปยังพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า
ผู้พลัดถิ่น คือบุคคลที่ถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนหรือชุมชนเดิม เนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น สงคราม ความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพลัดถิ่นเป็นประสบการณ์ที่ยากลำบากและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้คน โดยผู้พลัดถิ่นมักจะต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมายในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น
-
ด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ หรือการค้ามนุษย์ การขาดที่พักอาศัยที่ปลอดภัยและมั่นคง ทำให้ผู้พลัดถิ่นรู้สึกไม่ปลอดภัยและวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา
-
ด้านสุขภาพ ประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาด ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพอนามัย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะและการขาดแคลนการดูแลสุขภาพ ทำให้ผู้พลัดถิ่นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ
-
ด้านเศรษฐกิจ ผู้พลัดถิ่นมักไม่มีงานทำหรือมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ทำให้ยากต่อการเลี้ยงดูครอบครัว รวมถึงขาดแคลนทรัพยากรทางการเงิน ทำให้ผู้พลัดถิ่นต้องเผชิญกับความยากจน และไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ และสวัสดิการสังคมได้อย่างเท่าเทียม
-
ด้านสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากการพลัดถิ่นทำให้ผู้คนต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียอัตลักษณ์เดิม
-
ด้านกฎหมาย ผู้พลัดถิ่นมักไม่มีเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง หรือใบเกิด ส่งผลให้สถานะทางกฎหมายไม่ชัดเจน ทำให้ผู้พลัดถิ่นไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและบริการต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น การช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น เพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูชีวิตและสร้างอนาคตใหม่ได้ โดยสามารถให้การช่วยเหลือได้ ดังนี้
-
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
-
การจัดหาอาหารและน้ำดื่มสะอาดเพื่อให้ผู้พลัดถิ่นสามารถดำรงชีวิตได้
-
การจัดหาที่พักพิงชั่วคราวหรือระยะยาวที่ปลอดภัยและสะอาด
-
การดูแลสุขภาพ ด้วยการจัดตั้งคลินิกเคลื่อนที่และให้บริการทางการแพทย์เบื้องต้น
-
การแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค
-
ความช่วยเหลือด้านจิตใจ
-
การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาเพื่อช่วยให้ผู้พลัดถิ่นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรับมือกับความเครียดและภาวะซึมเศร้า
-
การจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อให้ผู้พลัดถิ่นได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์กับผู้อื่นและแบ่งปันประสบการณ์
-
ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ
-
การฝึกอาชีพเพื่อให้ผู้พลัดถิ่นมีทักษะในการประกอบอาชีพและหารายได้
-
การให้กู้ยืมเพื่อให้ผู้พลัดถิ่นสามารถเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ได้
-
การสนับสนุนการประกอบอาชีพ ด้วยการช่วยเหลือในการหาตลาดและช่องทางในการจำหน่ายสินค้า
-
ความช่วยเหลือด้านสังคม
-
การช่วยเหลือในการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่และสร้างความสัมพันธ์กับคนในชุมชน
-
การคุ้มครองสิทธิของผู้พลัดถิ่นและให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change คือ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศในโลกในระยะยาว จนเกิดเป็นปัญหาโลกร้อน ทำให้เกิดผู้พลัดถิ่นจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดย UNHCR มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก Climate Change มุ่งเน้นไปที่การให้ความคุ้มครอง การสนับสนุนการกลับคืนถิ่น หรือการตั้งถิ่นฐานใหม่ และการผลักดันนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
- ตอนที่ 1 : การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจนเกิดภาวะโลกร้อน ปัญหาระดับโลก