มะเร็งปากมดลูกคืออะไร พร้อมบอกสาเหตุ และอาการมะเร็งปากมดลูก หากเป็นแล้วมีวิธีรักษาอย่างไร และจะป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกยังไง บทความนี้มีคำตอบ
มะเร็งปากมดลูก เป็นหนึ่งในโรคที่พบมากในผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยเจริญพันธุ์ โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูกที่มีการเจริญเติบโตอย่างควบคุมไม่ได้ และสามารถลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตประจำวันของผู้หญิงหลาย ๆ คน โดยบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับอาการมะเร็งปากมดลูก ว่ามะเร็งปากมดลูกอาการเป็นยังไงรวมไปถึงสาเหตุมะเร็งปากมดลูก ที่ควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อป้องกันการเกิดก่อนจะสายเกินแก้
โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณปากมดลูกของผู้หญิง ซึ่งปากมดลูกคือส่วนที่เชื่อมระหว่างมดลูกกับช่องคลอด โรคนี้มักเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในปากมดลูกที่กลายพันธุ์ผิดปกติ จนพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งที่สามารถแพร่กระจายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี โดยมะเร็งปากมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus), การมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
มะเร็งปากมดลูกระยะก่อนมะเร็ง หรือที่เรียกว่า ระยะเซลล์ผิดปกติ (Cervical Dysplasia) เป็นภาวะที่เซลล์บริเวณปากมดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ แต่ยังไม่พัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง โดยในระยะนี้ เซลล์ที่มีความผิดปกติยังคงจำกัดอยู่ในชั้นผิวของปากมดลูก และไม่ได้ลุกลามเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อที่ลึกขึ้น ซึ่งระยะนี้มักตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรอง เช่น การตรวจ PAP smear หรือ HPV test การตรวจพบตั้งแต่ระยะนี้ถือว่าโชคดีมาก เพราะสามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย และลดโอกาสการพัฒนาเป็นมะเร็งในอนาคต
อาการมะเร็งปากมดลูกระยะแรก เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งเริ่มพัฒนา แต่ยังอยู่ในบริเวณปากมดลูกเท่านั้น โดยยังไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะใกล้เคียง ระยะนี้แบ่งย่อยเป็น ระยะ 1A และ ระยะ 1B
โดยในระยะ 1A เซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กมาก มองเห็นได้เฉพาะทางกล้องจุลทรรศน์ และมักตรวจพบจากการตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) หรือการตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยเฉพาะ ส่วนในระยะ 1B เซลล์มะเร็งเริ่มใหญ่ขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้อง (Colposcopy) ในระยะนี้ยังมีโอกาสในการรักษาหาย
มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามออกจากปากมดลูกไปยังบริเวณเนื้อเยื่อรอบข้าง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปถึงผนังอุ้งเชิงกราน หรือส่วนล่างของช่องคลอด ระยะนี้แบ่งออกเป็น ระยะ 2A และ ระยะ 2B โดยในระยะ 2A มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดส่วนบน แต่ยังไม่เข้าสู่เนื้อเยื่อที่รองรับปากมดลูก ส่วนในระยะ 2B มะเร็งเริ่มลุกลามลึกขึ้น และส่งผลต่อเนื้อเยื่อรองรับปากมดลูก (Parametrium)
มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งลุกลามมากขึ้นจากบริเวณปากมดลูกไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง เช่น ผนังอุ้งเชิงกรานหรือช่องคลอดส่วนล่าง และอาจเริ่มส่งผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะการอุดตันของท่อไต (Ureter) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไตบวมหรือการทำงานของไตผิดปกติ
ระยะนี้แบ่งออกเป็น ระยะ 3A ซึ่งเซลล์มะเร็งลุกลามไปยังช่องคลอดส่วนล่างแต่ยังไม่ถึงผนังอุ้งเชิงกราน และ ระยะ 3B ซึ่งมะเร็งลุกลามไปถึงผนังอุ้งเชิงกราน หรือส่งผลต่อการทำงานของท่อไตอย่างชัดเจน
มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 เป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ระยะนี้เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายออกจากปากมดลูกไปยังอวัยวะใกล้เคียง และอวัยวะไกลในร่างกายอย่างชัดเจน ระยะนี้แบ่งเป็น ระยะ 4A และ ระยะ 4B
โดยในระยะ 4A เซลล์มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะที่อยู่ใกล้ปากมดลูก เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือไส้ตรง ส่วนในระยะ 4B มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ห่างไกล เช่น ปอด ตับ กระดูก หรือสมอง ระยะนี้มักมาพร้อมกับอาการที่ชัดเจน เช่น ปวดในอุ้งเชิงกรานอย่างรุนแรง อาการบวมน้ำจากระบบน้ำเหลืองอุดตัน หรืออาการผิดปกติในอวัยวะที่มะเร็งแพร่กระจายไป
มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พัฒนาอย่างช้า ๆ โดยในระยะแรกอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อโรคเริ่มลุกลาม โดยอาการเริ่มแรกมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อยได้แก่
การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาหลักสำหรับมะเร็งปากมดลูกในระยะแรก เช่น ระยะ 1 หรือ 2 ที่เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลามมาก โดยสามารถทำการตัดเฉพาะปากมดลูกบางส่วน (Conization) เพื่อเก็บมดลูกไว้ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการมีบุตร หรืออาจต้องผ่าตัดมดลูกออกทั้งหมด (Hysterectomy) ในกรณีที่มะเร็งลุกลามมากขึ้น รวมถึงการตัดต่อมน้ำเหลืองในบางกรณีเพื่อตรวจสอบว่ามะเร็งแพร่กระจายหรือไม่ การผ่าตัดมักใช้ในผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรง และสามารถฟื้นตัวได้ดี
การฉายรังสีเป็นการใช้พลังงานรังสีทำลายเซลล์มะเร็ง โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยในระยะที่มะเร็งลุกลาม เช่น ระยะ 2 หรือ 3 สามารถทำได้ทั้งการฉายรังสีจากภายนอก (External Beam Radiation) ซึ่งใช้เครื่องฉายรังสีเพื่อทำลายก้อนมะเร็ง และการฉายรังสีจากภายใน (Brachytherapy) ที่เป็นการฉายรังสีในระยะที่ใกล้ปากมดลูกมากกว่าแบบแรก การฉายรังสีสามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือร่วมกับเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
การให้เคมีบำบัดเหมาะสำหรับมะเร็งระยะ 3 หรือ 4 ที่เริ่มแพร่กระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียง หรืออวัยวะที่ไกลออกไป เช่น ปอดหรือกระดูก การรักษานี้ใช้ยาเคมีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย และมักใช้ร่วมกับการฉายรังสีในกรณีที่ต้องการควบคุมการลุกลาม เคมีบำบัดแบบเดี่ยวจะถูกนำมาใช้ในระยะที่โรคลุกลามมาก และไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว
โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้หากตรวจเจอเร็ว เนื่องจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกจากการติดเชื้อ HPV ไปจนถึงการพัฒนาเป็นมะเร็งต้องใช้เวลานานถึง 15 ปี ซึ่งช่วงเวลานี้สามารถรักษาได้ก่อนที่โรคจะลุกลาม โดยการป้องกันสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งในผู้หญิงที่มีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยโรคนี้พัฒนาช้า และตรวจพบได้ในระยะก่อนมะเร็งหากมีการตรวจคัดกรอง เช่น PAP smear หรือ HPV test อาการมักไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่ในระยะลุกลามอาจมีเลือดออกผิดปกติ ปวดอุ้งเชิงกราน หรือปัสสาวะปนเลือด การป้องกันที่ได้ผลคือการตรวจ hpv ฉีดวัคซีน HPV การตรวจสุขภาพประจำปี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี หรือการให้เคมีบำบัด การดูแลสุขภาพ และป้องกันอย่างเหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที