Bancha

ผู้เขียน : Bancha

อัพเดท: 14 พ.ย. 2024 15.19 น. บทความนี้มีผู้ชม: 12 ครั้ง

ท้องผูกทำไง ใครทรมานเพราะถ่ายยากเป็นประจำทุกวัน แล้วไม่รู้แก้อาการท้องผูกทำยังไงให้ถ่ายคล่องสบายท้อง เพื่อสุขภาพที่ดีมาหาคำตอบกันว่าเวลาท้องผูกทำไงดีถึงหาย


ท้องผูกทำไง ไปดูสาเหตุหลักของโรค ก่อนบอกลาอาการท้องผูก

ท้องผูกทำไง ไปดูสาเหตุหลักของโรค ก่อนบอกลาอาการท้องผูก

ท้องผูกทำยังไงได้บ้าง ? คำถามชวนปวดหัวที่ใครหลายคนกำลังมองหาคำตอบว่าเวลาท้องผูกทำไงถึงขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าปล่อยไว้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ซึ่งบทความนี้เรามีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวิธีแก้ท้องผูกที่ทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันมาฝากทุกคน ถ้าอยากรู้ว่าเวลามีอาการท้องผูกทำไงดี ? ตามมาดูคำตอบกัน

อาการท้องผูก ถ่ายยาก เป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่มีสาเหตุมาจากการที่ลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าระหว่างย่อยอาหาร ทำให้ขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีอาการท้องอืด รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง ขับถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมาก รู้สึกถ่ายได้ไม่สุด หรือเจ็บขณะถ่ายอุจจาระ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้จนเป็นอาการเรื้อรังมีความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายได้
 

เช็กลิสต์สาเหตุของอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก มีอะไรบ้าง


แม้ว่าอาการท้องผูกจะเกิดขึ้นเพราะลำไส้เคลื่อนตัวช้าจนทำให้การขยับตัวของลำไส้เพื่อส่งอุจจาระทำงานช้าลง แต่อาการท้องผูกก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามเวลาท้องผูกทำไงดีอยู่บ่อย ๆ มีดังนี้

 

ทานอาหารที่มีกากใยน้อย

การไม่ทานผัก ผลไม้ หรือธัญพืชที่มีใยอาหารสูง จะทำให้ร่างกายขาดกากใยอาหาร ซึ่งตัวกากใยในอาหารมีหน้าที่เพิ่มปริมาณของเสีย หลังจากกากใยไปรวมกับอาหารอื่นที่ถูกย่อยและถูกดูดซึมแล้วจะทำให้ของเสียเหล่านั้นเคลื่อนตัวไปตามลำไส้ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าทานอาหารที่มีกากใยอาหารต่ำอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จนเป็นสาเหตุให้มีอาการท้องผูก

 

ร่างกายขาดน้ำ


การดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการในแต่ลวัน นอกจากทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่น ยังทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ยากขึ้น เพราะน้ำจากลำไส้ใหญ่จะดูดออกมาเพื่อใช้ในระบบอื่น ๆ ร่างกาย เป็นผลให้อุจจาระแห้งและแข็งกว่าปกติและทำให้ถ่ายได้ลำบาก

กลั้นอุจจาระบ่อย

การกลั้นอุจจาระนาน ๆ จะทำให้อุจจาระร่นกลับเข้าไปค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ และเมื่อน้ำภายในอุจจาระถูกดูดซึมกลับไปจะทำให้ครั้งต่อไปขับถ่ายได้ลำบากกว่าเดิม

ความเครียด

เนื่องจากสมองและลำไส้ของเรามีการทำงานสัมพันธ์กัน ทำให้เวลาเครียดหรือรู้สึกกดดันจะเกิดภาวะท้องผูก เพราะลำไส้ของเราจะหยุดบีบตัวชั่วคราวนั่นเอง ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ระบบขับถ่ายรวน ควรพยายามทำตัวรีแล็กซ์จะได้ไม่มีปัญหาสุขภาพ

 

ผลข้างเคียงของยา

การทานยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการท้องผูกขึ้นได้ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีมอร์ฟีน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ชนิดสเตียรอยด์ ยารักษาอาการอัลไซเมอร์ ยารักษามะเร็งบางชนิด ยารักษาอาการซึมเศร้า ยาลดความดันบางชนิด หรือยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เป็นต้น

นอกจากนี้การทานยาระบายหรือยาถ่ายเป็นประจำก็เป็นอีกสาเหตุของอาการท้องผูก เพราะเป็นการสร้างความคุ้นชินให้กับลำไส้แบบผิด ๆ ส่งผลให้ลำไส้จะทำการบีบตัวเพื่อขับถ่ายอุจจาระเฉพาะเวลาทานยากระตุ้นเท่านั้น

ขาดการออกกำลังกาย

การนั่งเฉย ๆ โดยไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานานหรือออกกำลังกายน้อยอาจนำไปสู่อาการท้องผูกได้ เพราะการขยับตัวหรือการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในลำไส้ให้มีการคลายและหดที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ทำงานได้เป็นระบบมากขึ้นด้วย

 

ท้องผูกทำไง รวมวิธีบอกลาอาการท้องผูกโดยไม่ต้องพึ่งยาถ่าย

 

ปัญหาท้องผูกทำไงดี  ? รวมมีวิธีการรักษาอาการท้องผูกให้กลับมาถ่ายคล่องโดยไม่ต้องพึ่งยาถ่าย ที่ใครก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนี้

 

เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง

 

เมื่อมีอาการท้องผูกทำยังไงดี เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารเช้าที่ถือเป็นมื้อหลักในการให้พลังงานกับร่างกายและยังมีส่วนกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นอาหารเช้าควรเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการและไฟเบอร์สูง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ลูกพรุน แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ลูกเกด กล้วย ถั่วลันเตา หรือมะเขือเทศ เป็นต้น

 

สำหรับใครที่ไม่คุ้นชินกับการทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอาจค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ทัน โดยในแต่ละมื้อควรมีทั้งเมนูผักและผลไม้ควบคู่กับเมนูเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน และเมื่อร่างกายได้รับปริมาณไฟเบอร์ที่เพียงพอในแต่ละวัน จะทำให้ลำไส้ใหญ่ให้ทำงานได้ง่ายขึ้น กากอาหารเดินทางเร็วขึ้น และกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี 

 

ดื่มน้ำให้มากขึ้น

 

ตามปกติคนเราควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เพราะการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอช่วยให้ใยอาหารดูดซับน้ำได้ดี อุจจาระจะนิ่มลงทำให้เบ่งออกมาได้ง่าย และยังช่วยป้องกันอาการท้องอืดจากการทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงหรือใยอาหารมากเกินไปอีกด้วย

 

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

นอกจากการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ที่มีส่วนทำให้ความเครียดและวิตกกังวลลดลงออกมามากขึ้นแล้ว การออกกำลังกายยังไปกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีการบิดช่วงเอวไปมาหลาย ๆ ครั้งจะช่วยให้ลำไส้ใหญ่หดและคลายตัวได้ดีขึ้น ดังนั้นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ ประมาณ 30 นาที เพื่อกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกายจริง ๆ การลุกขึ้นเดินไป เดินมาก็ช่วยได้

 

ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา


กิจกรรมประจำวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบมีส่วนทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย ฉะนั้นควรเริ่มปรับพฤติกรรมการขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายเกิดความคุ้นเคยและจดจำได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เราต้องเข้าห้องน้ำเพื่อขับถ่าย

 

นอกจากนี้ท่านั่งในการถ่ายอุจจาระก็สำคัญ เพราะท่านั่งที่ถูกต้องช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยเวลานั่งถ่ายบนชักโครกควรโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย และให้เอาเก้าอี้ตัวเล็กรองบริเวณเท้า เพื่อชันเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็จะได้ท่าที่ช่วยให้สะดวกต่อการขับถ่ายแล้ว

 

กระตุ้นการขับถ่ายด้วยโพรไบโอติกส์
 

โพรไบโอติกส์ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ดีที่ทำหน้าที่ช่วยรักษาสมดุลในลำไส้และช่วยกระตุ้นระบบย่อยและระบบขับถ่าย ฉะนั้นใครที่มีปัญหาท้องผูกแล้วอยากกระตุ้นการขับถ่ายโดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย การเลือกทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์สูงจะทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

 

ท้องผูกทำไง อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าควรไปปรึกษาแพทย์

 

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าการขับถ่ายเป็นเรื่องยาก และหลายครั้งที่จะต้องอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อเบ่งถ่ายอุจจาระ แล้วมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เกิดขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นที่รุนแรงมากขึ้น โดยอาการที่บ่งบอกว่าคนมีอาการท้องผูกควรไปพบแพทย์ มีดังนี้

หากมีอาการท้องผูกทำไงได้บ้าง ? ให้ถ่ายคล่องทุกเช้า บอกเลยว่าปัญหาท้องผูกทำยังไงดี ? สามารถแก้ไขได้ง่ายมากเพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เป็นสาเหตุของอาการท้องผูก อย่างการดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงทั้งผักและผลไม้ ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นแล้ว แต่ถ้าใครลองแก้ปัญหาตามบทความท้องผูกทำไงดีแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที