ต่อมลูกหมากโตหรือที่เรียกว่า Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ชายเมื่ออายุมากขึ้น โรคนี้เกิดจากการเติบโตของต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งกดทับท่อปัสสาวะและก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น การปัสสาวะบ่อยครั้ง การรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่หมด หรือการมีปัสสาวะลำบาก อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
การดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตสามารถทำได้หลายวิธีตั้งแต่การใช้ยา การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ไปจนถึงการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีการทางการแพทย์ในกรณีที่อาการรุนแรง ซึ่งในบทความนี้จะเน้นไปที่การดูแลต่อมลูกหมากโตโดยใช้วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งวิธีดูแลต่อมลูกหมากโตนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากโต การดูแลจึงเน้นไปที่การไม่ใช้ยาและดูแลสุขภาพให้ดีมากที่สุด
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งโดยส่วนมากแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้ยาเพื่อทำให้ต่อมลูกหมากไม่โตเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเริ่มต้นและไม่รุนแรงมากนักแพทย์อาจจะแนะนำการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพมากขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
การดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตด้านอาหารและโภชนาการ
การดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตอันดับแรกที่ทำได้คือ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพราะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและลดอาการของต่อมลูกหมากโต อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้สดและผัก อย่างมะเขือเทศ ผักโขม และบลูเบอร์รี สามารถช่วยลดการอักเสบของต่อมลูกหมาก และการหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น อาหารจำพวกสเต๊ก ขนมปังขาว และอาหารเผ็ด จะช่วยลดความรุนแรงของอาการต่อมลูกหมากโต
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและช่วยในการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต การออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็วหรือการว่ายน้ำ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดอาการอักเสบ โดยเฉพาะการฝึกกล้ามเนื้อกะบังลมสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการปัสสาวะ
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ในการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำหนักที่มากจะเพิ่มแรงกดดันต่อต่อมลูกหมากและทำให้อาการของต่อมลูกหมากโตแย่ลง การรักษาน้ำหนักในระดับที่เหมาะสมผ่านการรับประทานอาหารที่สมดุลและการออกกำลังกายควบคู่กันจะช่วยในการบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวข้อง
การจัดการความเครียด
ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้อาการต่อมลูกหมากโตแย่ลงได้ การทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะและการทำสมาธิจะช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นส่วนในการดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรหาเวลาพักผ่อนจากงานที่อาจเกิดความเครียดได้โดยที่ไม่รู้ตัว เพื่อสุขภาพของต่อมลูกหมากและสุขภาพโดยรวมด้วย
การดูแลผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตนั้นจำเป็นต้องใส่ใจในหลายด้าน เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อบรรเทาอาการ เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการบริโภคอาหารที่กระตุ้นอาการ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลต่อมลูกหมากโตที่ได้ผล โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อกะบังลมและลดความเครียดในร่างกาย โดยรวมแล้วการดูแลต่อมลูกหมากโตต้องดูแลอย่างรอบด้านเพราะเป็นการดูแลที่ได้ทั้งต่อมลูกหมากโต การดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้ดีในระยะยาวอีกด้วย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที