โรคติดต่อ ภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน มาทำความรู้จักกี่ยวกับโรคติดต่อ เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาด
โรคติดต่อเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสำคัญอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างใหญ่หลวง
ในประเทศไทย เรามีประสบการณ์กับโรคติดต่อที่หลากหลาย เช่น ไข้เลือดออก ซึ่งมักเกิดจากยุงลาย หรือไข้หวัดใหญ่ที่เคยสร้างความตื่นตระหนกในหลายช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีโรคที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เช่น โรคไข้หวัดนกที่มีความสัมพันธ์กับการเกษตร
ในต่างประเทศโรคที่สามารถติดต่อได้สร้างความกังวลในระดับโลก เช่น การระบาดของโควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก และโรคซาร์สที่มีประวัติการระบาดในเอเชีย ทำให้เราต้องเฝ้าระวังและเตรียมตัวรับมือกับโรคติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพ
การศึกษาโรคที่ติดต่อได้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเรียนรู้เพื่อป้องกันตนเอง แต่ยังเป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างประเทศในการจัดการและลดผลกระทบจากโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคติดต่อ คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อของจุลินทรีย์ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย รา หรือปรสิต ซึ่งสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนได้ โดยเชื้อเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายและทำลายเซลล์ ทำให้เกิดอาการป่วยต่างๆ โรคติดต่อสามารถแพร่กระจายผ่านหลายวิธีและมีลักษณะการแพร่กระจายที่แตกต่างกัน ดังนี้
ซึ่งจะแตกต่างจากโรคระบาด ที่เป็นสถานการณ์ที่โรคติดต่อแพร่กระจายออกไปในระดับกว้างมากกว่าปกติ เช่น ในชุมชน เมือง หรือประเทศ โรคระบาดอาจเกิดขึ้นเมื่อมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระดับที่ไม่ปกติและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้างมากกว่า เช่น การระบาดของโควิด-19 โรคไข้หวัดใหญ่ หรือการระบาดของโรคซาร์ส เป็นต้น
โรคติดต่อหรือโรคระบาดที่รุนแรงตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีมากมายหลายโรคด้วยกัน แต่โรคที่รุนแรงมากที่สุดที่ทำให้คนทั้งโลกต้องจดจำ โรคติดต่อมีอะไรบ้าง? คงหนีไม่พ้นโรคพวกนี้ ซึ่งได้แก่ โรคฝีดาษวานร (Monkeypox), COVID-19, โรคมาลาเรีย, ไข้หวัดใหญ่ (Influenza), ไข้เลือดออก (Dengue Fever) และวัณโรค (Tuberculosis) แล้วโรคติดต่อส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร? สามารถอ่านข้อมูลได้เลย
สาเหตุ: เกิดจากไวรัส Monkeypox ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับไวรัสฝีดาษ
อาการ: เริ่มด้วยไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ต่อมาจะเกิดตุ่มน้ำใสที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตุ่มหนอง แล้วแห้งเป็นสะเก็ด อาการอื่นๆ ได้แก่ ต่อมน้ำเหลืองโต
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำใส สารคัดหลั่งจากตุ่ม หรือของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย สามารถแพร่ผ่านทางเดินหายใจได้ แต่ไม่ง่ายเท่าการสัมผัสโดยตรง
การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย สัตว์ป่าที่ติดเชื้อ และวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อ ฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษ (ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝีดาษวานรได้บางส่วน)
สาเหตุ: เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2
อาการ: ไข้ ไอแห้ง เหนื่อยล้า ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหัว สูญเสียการรับรสหรือกลิ่น บางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่ออกมาจากการไอ จาม หรือพูดคุยใกล้ชิด สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า
การป้องกัน: สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างทางสังคม ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
สาเหตุ: เกิดจากปรสิตชนิดหนึ่งที่อยู่ในยุงก้นปล่อง เมื่อยุงกัดคน ปรสิตจะเข้าสู่กระแสเลือดและไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง
อาการ: ไข้สูง หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องเสีย
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านการถูกยุงก้นปล่องกัด
การป้องกัน: นอนในมุ้ง กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ใช้ยาไล่ยุง ฉีดวัคซีนป้องกัน (สำหรับบางชนิดของมาลาเรีย)
สาเหตุ: เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา Influenza ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เช่น Influenza A, Influenza B
อาการ: ไข้สูง ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่ออกมาจากการไอ จาม หรือพูดคุยใกล้ชิด
การป้องกัน: ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย
สาเหตุ: เกิดจากไวรัสเดงกี ที่มีสี่สายพันธุ์ (Dengue Virus Serotype 1-4) ซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูล Flavivirus ซึ่งแพร่กระจายโดยยุงลาย
อาการ: ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ (bone-breaking fever) มีผื่นแดง อาเจียน อาการรุนแรงอาจมีเลือดออกตามอวัยวะภายใน
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านการถูกยุงลายกัด
การป้องกัน: กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ใช้ยาไล่ยุง
สาเหตุ: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis
อาการ: ไอเรื้อรังที่มีเสมหะหรือไอเป็นเลือด น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ไข้ต่ำๆ
การแพร่ระบาด: แพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่ออกมาจากการไอ จาม ของผู้ป่วย
การป้องกัน: ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) ตรวจสุขภาพเป็นประจำ รักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาโรคติดต่อร้ายแรงในผู้ลี้ภัย เป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากผู้ลี้ภัยมักเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพ เช่น การขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาด การอยู่อาศัยที่แออัด และการขาดแคลนการดูแลสุขภาพที่เพียงพอ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคสูงกว่าประชากรทั่วไป
ปัญหาโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในผู้ลี้ภัย
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หวัด โรคปอดอักเสบ มักแพร่ระบาดง่ายในที่พักพิงที่แออัด, โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เกิดจากการบริโภคน้ำและอาหารที่ปนเปื้อน, โรคติดเชื้อผิวหนัง เช่น หิด เริม งูสวัด เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดและการขาดแคลนการดูแลสุขอนามัย, โรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรค มาลาเรีย เอชไอวี/เอดส์ มักพบในผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดสูง, โรคติดเชื้อที่เกิดจากการขาดสารอาหาร เช่น โรคขาดวิตามิน โรคขาดธาตุเหล็ก เกิดจากการขาดแคลนอาหารที่มีประโยชน์
ผลกระทบจากปัญหาโรคติดต่อในผู้ลี้ภัย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ลี้ภัยติดเชื้อโรค
การแก้ไขปัญหา
ในประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศต่างให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของผู้ลี้ภัย โดยมีการจัดตั้งคลินิกสุขภาพในค่ายผู้ลี้ภัย การจัดอบรมให้ความรู้ และการรณรงค์ให้ผู้ลี้ภัยเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาโรคติดต่อในผู้ลี้ภัยยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้ลี้ภัย
UNHCR มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการดูแลสุขภาพของผู้ลี้ภัยผ่านการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีกว่า การป้องกันโรค การจัดการสุขอนามัย และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ลี้ภัยได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมีคุณภาพ โดยทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือ UNHCR ได้มีการเร่งแก้ไขปัญหาโรคติดต่อให้แก่ผู้ลี้ภัย ดังนี้
โรคติดต่อ หมายถึงโรคที่สามารถแพร่กระจายจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้ง่ายผ่านหลายวิธี เช่น การสัมผัส การแพร่กระจายทางอากาศ หรือการบริโภคอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน โรคที่เกิดจากสัตว์หรือแมลงพาหะ เช่น มาลาเรียและไข้เลือดออก ก็สามารถแพร่กระจายได้ในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพาหะ
โรคติดต่อสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรง เช่น ไข้สูง อ่อนเพลีย หรือปัญหาสุขภาพเรื้อรัง บางโรคอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น วัณโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหาปอดเรื้อรัง
การแพร่กระจายของโรคติดต่อสามารถทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงในการรักษาพยาบาลและทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และการดำรงชีวิตของครอบครัว รวมทั้งเพิ่มภาระด้านระบบสุขภาพในการจัดการกับการระบาด
การขาดการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการป้องกันและรักษาโรคเป็นปัญหาหลัก รวมถึงการขาดความรู้และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคก็เป็นอุปสรรคในการควบคุมการแพร่กระจายของโรค
การระบาดของโรคติดต่อมักต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็วและประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการฉีดวัคซีน การจัดหาบริการสุขภาพที่เพียงพอ การจัดการสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการแพร่กระจายของโรค
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที