BKKwriter

ผู้เขียน : BKKwriter

อัพเดท: 29 ต.ค. 2024 14.18 น. บทความนี้มีผู้ชม: 40 ครั้ง

ประเทศไทยได้สถานะความเป็นผู้นำในด้านการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ด้วยมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 ที่สูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่สำคัญและยืนยันถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต่อเศรษฐกิจไทย


อัญมณีไทยเปล่งประกายในตลาดส่งออก - แนวโน้มและการเติบโตในปี 2567

อัญมณีไทยเปล่งประกายในตลาดส่งออก - แนวโน้มและการเติบโตในปี 2567

ประเทศไทยได้สถานะความเป็นผู้นำในด้านการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ด้วยมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 ที่สูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่สำคัญและยืนยันถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต่อเศรษฐกิจไทย

ภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปี 2567

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดการส่งออกรวมถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโต 13.86% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้อัญมณีและเครื่องประดับกลายเป็นภาคการส่งออกที่มีมูลค่าอันดับสามของประเทศไทย โดยคิดเป็น 5.44% ของการส่งออกรวมทั้งหมดของประเทศ สะท้อนถึงคุณค่าของอุตสาหกรรมนี้ต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของไทย

การวิเคราะห์มูลค่าการส่งออก

แม้ว่ายอดมูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมดจะอยู่ที่ 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขนี้รวมไปถึงสัดส่วนของการส่งออกทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปด้วย ถ้าหากไม่นับรวมมูลค่าการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจริงของไทยจะอยู่ที่ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงเติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 6.65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลการวิเคราะห์นี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของมูลค่าการส่งออกทองคำที่มีต่อตัวเลขการส่งออกโดยรวมของภาคนี้ และความสำเร็จในการส่งออกทองคำในภาพรวมของประเทศไทย

การเปรียบเทียบรายปี: กรกฎาคม 2567 เทียบกับกรกฎาคม 2566

การวิเคราะห์มูลค่าการส่งออกรายปียิ่งเน้นให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปี 2567 โดยมูลค่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2567 เพียงเดือนเดียวอยู่ที่ 1.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 114.28% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2566 อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นับรวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกจริงจะลดลง 6.47% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งอยู่ที่ 547.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกรกฎาคม 2567 การลดลงนี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างการค้าที่มีผลต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในแต่ละเดือน

ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2567

อะไรคือปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปี 2567? ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับไทยในระดับสากลเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านการเจียระไนอัญมณีและการผลิตเครื่องประดับคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผู้ซื้อจากทั่วโลก

นอกจากนี้ นวัตกรรมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมความสำเร็จของตลาดส่งออกอัญมณีของไทย บริษัทอัญมณีไทยต่างๆ อาทิ วีรศักดิ์ เจมส์ (Veerasak Gems) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำบริษัทอัญมณีของไทย ได้นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการเจียระไนอัญมณีร่วมกับความชำนาญของช่างฝีมือ และทำให้ วีรศักดิ์ เจมส์ (Veerasak Gems) สามารถรังสรรค์ทับทิมเจียระไนอันงดงามที่มีมาตรฐานระดับโลกได้ นวัตกรรมและความคิดริเริ่มที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำด้านการส่งออกอัญมณีของโลก

ความท้าทายที่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต้องเผชิญ

แม้ว่าภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยจะเติบโต แต่ก็ยังมีความท้าทายที่อาจส่งผลต่อการเติบโตในอนาคต เช่นราคาทองคำที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของเครื่องประดับทองคำ นอกจากนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศผู้ส่งออกอัญมณีรายใหญ่อื่นๆ เช่น อินเดียและจีน รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เช่น ภาวะถดถอยหรือความผันผวนของค่าเงินในตลาดส่งออกในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งอาจลดความต้องการสินค้าจากประเทศไทยลงได้อย่างรวดเร็ว

โอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ

แม้ว่าจะมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ แต่ประเทศไทยยังคงมีโอกาสมากมายในการเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำในระดับโลกด้านการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ เนื่องจากตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ เปิดโอกาสให้แบรนด์เครื่องประดับไทยได้เข้าถึงเขตการขายใหม่

นอกจากนี้ ในขณะที่ความกังวลเรื่องความยั่งยืนกำลังเติบโตในระดับโลก ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำด้านการผลิตอัญมณีที่มีจริยธรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย ด้วยความร่วมมือทางการค้านี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยต่อไปในอนาคต


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที