Bandwidth คือ ปริมาณข้อมูลส่งผ่านในระบบเครือข่ายในช่วงเวลาหนึ่ง มาทำความรู้จักถึงความสำคัญของแบนด์วิดท์ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ทำงานได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต มีแบนด์วิดท์ที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เรียนออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม การมีแบนด์วิดท์ที่ดีจะช่วยให้ทำงานทุกอย่างได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อยากรู้ว่า Bandwidth คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร หรือจะเลือก bandwidth ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ยังไง ตามมาอ่านบทความนี้กันเลย!
Bandwidth คือ ความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลของระบบเครือข่ายในช่วงเวลาหนึ่ง โดยวัดเป็นบิตต่อวินาที (bps) หรือในหน่วยใหญ่ขึ้น เช่น เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) หรือกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) ยิ่ง Bandwidth สูงเท่าไร สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น การสตรีมวิดีโอหรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ทำให้ดูวิดีโอ หรือเล่นเกมออนไลน์ได้เร็วขึ้น เพราะมีช่องทางส่งข้อมูลมากขึ้น
Bandwidth คือเปรียบเสมือนท่อที่ใช้ส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ยิ่งท่อใหญ่ก็ส่งข้อมูลได้มากขึ้น ยิ่ง Bandwidth สูงก็ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นนั่นเอง
หลักการทำงาน
สรุปง่าย ๆ แบนด์วิดท์เป็นเหมือนถนนใช้ส่งข้อมูล ยิ่งถนนกว้างก็ส่งข้อมูลได้เยอะและเร็วขึ้น
Bandwidth คือ ปริมาณข้อมูลสูงสุด สามารถส่งผ่านเครือข่ายได้ในหนึ่งหน่วยเวลา วัด Brandwidth ด้วยหน่วยที่เรียกว่า บิตต่อวินาที (bits per second) หรือ bps
ทำไมต้องวัดเป็นบิตต่อวินาที?
หน่วยวัดที่เกี่ยวข้องและขนาดที่พบเห็นทั่วไป
เนื่องจาก bps เป็นหน่วยที่เล็กมาก ในชีวิตประจำวัน จึงมักจะพบหน่วยวัดที่ใหญ่ขึ้น เช่น
ตัวอย่างการแปลงหน่วย
แบนด์วิธ คือตัวบ่งบอกความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย หากเข้าใจหน่วยวัดของ Brandwidth จะช่วยให้เลือกใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้อย่างเหมาะสมและแก้ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบนด์วิดท์ (Bandwidth), ความเร็ว (Speed), ทรูพุต (Throughput) และค่าแฝง (Latency) เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต แต่และคำมีความหมายและบทบาทเฉพาะแตกต่างกัน ดังนี้
หลายคนมักจะสับสนระหว่าง แบนด์วิดท์ (Bandwidth) กับ ความเร็ว (Speed) เพราะทั้งสองคำดูเหมือนจะหมายถึงสิ่งเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
Bandwidth คือปริมาณข้อมูลสูงสุดที่สามารถส่งผ่านเครือข่ายได้ในหนึ่งหน่วยเวลา โดยกำหนดขีดจำกัดความเร็วสูงสุดที่จะได้รับ ส่วนความเร็ว (Speed) คืออัตราการส่งข้อมูลจริงที่ได้รับ ซึ่งอาจจะน้อยกว่าหรือเท่ากับแบนด์วิดท์
ความแตกต่างและความเชื่อมโยง
bandwidth แปลว่า ศักยภาพสูงสุดของการส่งข้อมูล คล้ายกับขนาดของท่อประปา ส่วนความเร็วคือ ผลลัพธ์จริงที่ได้รับจากการใช้งาน ซึ่งอาจจะน้อยกว่าหรือเท่ากับแบนด์วิดท์ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
สรุปง่าย ๆ แบนด์วิดท์คือความเร็วสูงสุดที่สามารถได้รับ ส่วนความเร็วคือความเร็วที่ได้รับจริง
หลายคนมักจะสับสนระหว่าง แบนด์วิดท์ (Bandwidth) กับ ทรูพุต (Throughput) เพราะทั้งสองคำดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับความเร็วในการส่งข้อมูล แต่ความจริงแล้วมีความหมายแตกต่างกัน ดังนี้
แบนด์วิธ คือปริมาณข้อมูลสูงสุดที่สามารถส่งผ่านเครือข่ายได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ส่วนทรูพุต (Throughput) คือปริมาณข้อมูลส่งผ่านเครือข่ายได้จริงในช่วงเวลาหนึ่ง โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น แพ็กเก็ตข้อมูลที่สูญหาย การหน่วงเวลา และใช้ทรัพยากรเครือข่าย
ความแตกต่างและความเชื่อมโยง
Bandwidth คือศักยภาพสูงสุดของการส่งข้อมูล ส่วนทรูพุต คือผลลัพธ์จริงที่ได้รับจากการใช้งาน ปัจจัยส่งผลต่อทรูพุตคือ ระยะทางจากเซิร์ฟเวอร์ คุณภาพของสัญญาณ การรบกวน จำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่อ หรือโปรโตคอลที่ใช้สื่อสาร
สรุปง่าย ๆ แบนด์วิดท์คือทางด่วนที่กำหนดว่ารถสามารถวิ่งได้เร็วแค่ไหน ส่วนทรูพุต คือจำนวนรถ ที่วิ่งผ่านทางด่วนได้จริงในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะน้อยกว่าจำนวนเลนของทางด่วน เนื่องจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การจราจรติดขัด
แบนด์วิดท์ (Bandwidth) กับ เลเทนซี (Latency) ซึ่งทั้งสองคำดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ต แต่ความจริงมีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนี้
แบนด์วิธ คือปริมาณข้อมูลสูงสุดที่สามารถส่งผ่านเครือข่ายได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ส่วยเลเทนซีคือเวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยวัดเป็นมิลลิวินาที (ms)
ความแตกต่างและความเชื่อมโยง
แบนด์วิดท์ เกี่ยวข้องกับปริมาณของข้อมูลที่ส่งผ่าน ส่วนเลเทนซีเกี่ยวข้องกับเวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูล
สรุปง่าย ๆ แบนด์วิดท์คือความกว้างของถนนยิ่งถนนกว้างก็ขนส่งของได้มากขึ้น ส่วนเลเทนซี คือระยะเวลาใช้เดินทางบนถนน ยิ่งระยะทางสั้นเวลาเดินทางก็ยิ่งน้อย
การเลือก Bandwidth ให้เหมาะสมกับธุรกิจเปรียบเสมือนการเลือกขนาดถนนให้เหมาะสมกับปริมาณรถสัญจรไปมา หากถนนแคบเกินไป รถจะติดขัด วิธีทำงานของธุรกิจก็จะล่าช้า แต่หากถนนกว้างเกินไป ก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น เช่นเดียวกันเลือก Bandwidth คือน้อยเกินไปจะทำให้ทำงานของธุรกิจติดขัด เช่น เว็บไซต์โหลดช้า ประชุมออนไลน์สะดุด แต่หากเลือก Bandwidth มากเกินไป ก็จะเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
วิธีพิจารณาเลือก Bandwidth ให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือก Bandwidth ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานและความสำเร็จของธุรกิจ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อบริการอินเทอร์เน็ต ควรทำการวิเคราะห์ความต้องการใช้งานของธุรกิจให้รอบคอบ เพื่อให้ได้ Bandwidth เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
Bandwidth คือปริมาณข้อมูลสูงสุด สามารถส่งหรือรับผ่านอินเทอร์เน็ตได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ยิ่ง Bandwidth สูงยิ่งทำอะไรได้เร็ว เช่น ดาวน์โหลดไฟล์ใหญ่ได้ไว เล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหล หรือดูวิดีโอสตรีมมิ่งได้คมชัด การเลือกแบนด์วิดท์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
