ผู้ชายสายบิวตี้

ผู้เขียน : ผู้ชายสายบิวตี้

อัพเดท: 25 ต.ค. 2024 12.24 น. บทความนี้มีผู้ชม: 38 ครั้ง

เซลลูไลท์ (Cellulite) เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังที่ถูกดันผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะเป็นรอยขรุขระ หรือมีลักษณะคล้าย "เปลือกส้ม" โดยเฉพาะในบริเวณต้นขา สะโพก ก้น และหน้าท้อง


ไขมันส่วนเกินเซลลูไลท์สะสม ทำยังไงให้หายไป

เซลลูไลท์ (Cellulite) เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังที่ถูกดันผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีลักษณะเป็นรอยขรุขระ หรือมีลักษณะคล้าย "เปลือกส้ม" โดยเฉพาะในบริเวณต้นขา สะโพก ก้น และหน้าท้อง

สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์:

  1. ไขมันใต้ผิวหนัง: เซลลูไลท์เกิดจากการสะสมไขมันใต้ผิวหนังที่ดันตัวขึ้นมาทะลุผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดเกาะกับผิวหนังด้านบน ทำให้เกิดลักษณะผิวที่ขรุขระหรือเป็นลอน

  2. ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน (Estrogen) อาจมีบทบาทในการพัฒนาเซลลูไลท์ เอสโตรเจนมีผลต่อการสะสมไขมันและการกระจายตัวของไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิง

  3. กรรมพันธุ์: พันธุกรรมมีผลอย่างมากต่อการเกิดเซลลูไลท์ หากมีประวัติครอบครัวที่มีเซลลูไลท์ โอกาสที่จะมีเซลลูไลท์ก็สูงขึ้น

  4. โครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน: เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีลักษณะเป็นแนวตั้งหรือเป็นเส้นทำให้ไขมันดันตัวขึ้นมาสู่ผิวหนังได้ง่ายกว่า ซึ่งทำให้เกิดลักษณะเซลลูไลท์ในบางพื้นที่

  5. การสะสมของน้ำและการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี: ระบบไหลเวียนเลือดและระบบน้ำเหลืองที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดการสะสมของของเหลวในบริเวณที่เกิดเซลลูไลท์ ทำให้ผิวดูบวมและขรุขระมากขึ้น

  6. การเพิ่มของน้ำหนัก: การเพิ่มของน้ำหนักอาจทำให้ไขมันสะสมมากขึ้น และทำให้เซลลูไลท์ปรากฏเด่นชัดขึ้น แต่เซลลูไลท์ไม่ได้เกิดเฉพาะในคนที่มีน้ำหนักเกินเท่านั้น คนผอมก็สามารถมีเซลลูไลท์ได้

  7. อายุ: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวหนังจะลดลง เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอาจเสื่อมสภาพ และทำให้เซลลูไลท์ปรากฏชัดเจนมากขึ้น

  8. วิถีชีวิต:

    • การขาดการออกกำลังกายอาจทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง และไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น
    • การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล เช่น อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง อาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันมากขึ้น
    • การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ก็อาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและการสะสมของเซลลูไลท์

การป้องกันและลดเซลลูไลท์:

  1. การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมัน เช่น การฝึกความแข็งแรง (strength training) และคาร์ดิโอ ช่วยลดการสะสมของไขมันและเสริมความกระชับให้กับผิวหนัง
  2. การรับประทานอาหารที่สมดุล: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และไขมันดี ลดอาหารที่มีไขมันทรานส์และน้ำตาลสูง
  3. การดูแลผิวพรรณ: การใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังอาจช่วยลดลักษณะของเซลลูไลท์ได้เล็กน้อย
  4. การนวดและเทคนิคอื่นๆ: การนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการระบายน้ำเหลือง หรือการใช้เทคโนโลยีเช่น การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ (radiofrequency) หรือเลเซอร์อาจช่วยลดเซลลูไลท์ในบางกรณี
  5. การดูดไขมัน : ดูดและสลายไขมันในบริเวณที่มีไขมันสะสมจับเกาะมากจนทำให้เกิดเป็นรอยบุ๋ม มองเห็นได้อย่างชัดเจน

เซลลูไลท์เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปและเกิดขึ้นได้ทั้งในคนที่มีน้ำหนักมากและน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร่างกาย

ต้องอออกกำลังกายแค่ไหนจึงจะช่วยลดเซลลูไลท์

การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดเซลลูไลท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน และวิถีชีวิต อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการลดเซลลูไลท์ การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมักต้องเน้นไปที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมัน รวมถึงกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ซึ่งควรทำเป็นประจำและต่อเนื่อง

คำแนะนำการออกกำลังกายเพื่อลดเซลลูไลท์:

  1. ความถี่:

    • ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีเซลลูไลท์
  2. เวลาในการออกกำลังกาย:

    • ควรออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30-60 นาที ในแต่ละครั้ง เพื่อให้เพียงพอต่อการเผาผลาญไขมันและกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
    • การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอควรใช้เวลาประมาณ 30 นาที และการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อประมาณ 30 นาที
  3. การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ: การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (cardio) จะช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของเซลลูไลท์ ตัวอย่างเช่น:

    • วิ่งจ๊อกกิ้ง
    • ปั่นจักรยาน
    • ว่ายน้ำ
    • กระโดดเชือก
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิกต่างๆ
  4. การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (Strength Training): การฝึกกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีเซลลูไลท์ เช่น ต้นขา สะโพก และก้น ช่วยทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังตึงขึ้น และลดการมองเห็นเซลลูไลท์ ตัวอย่างการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ:

    • Squats: เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาและก้น
    • Lunges: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและกระชับต้นขาและสะโพก
    • Step-ups: การก้าวขึ้นบันไดหรือใช้แท่นช่วยเพิ่มความแข็งแรงของขาและสะโพก
    • Deadlifts: ช่วยสร้างกล้ามเนื้อบริเวณขาและก้นให้แข็งแรงและกระชับ
    • Bridges: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสะโพกและก้น
  5. การยืดกล้ามเนื้อและการกระตุ้นการไหลเวียน:

    • การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ซึ่งช่วยลดการสะสมของของเหลวที่อาจทำให้เซลลูไลท์เห็นได้ชัด
    • ลองทำ โยคะ หรือ พิลาทิส เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของร่างกาย

การลดเซลลูไลท์อย่างมีประสิทธิภาพ:

 

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที