Romeo

ผู้เขียน : Romeo

อัพเดท: 16 ต.ค. 2024 17.51 น. บทความนี้มีผู้ชม: 70 ครั้ง

Mobile Application คืออะไร ทำไมหลายธุรกิจถึงมีพนักงาน Mobile Application เป็นของตัวเอง พร้อมเผยจุดเด่น และความแตกต่างของ Mobile application แต่ละประเภท


Mobile Application เครื่องมือสำคัญ ช่วยให้ธุรกิจเติบโต

Mobile Application

Mobile Application คืออะไร ทำไมหลายธุรกิจถึงมีพนักงาน Mobile Application เป็นของตัวเอง พร้อมเผยจุดเด่น และความแตกต่างของ Mobile application แต่ละประเภท ในยุคปัจจุบัน เลี่ยงไม่ได้เลยว่าโทรศัพท์มือถือ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนมากมายอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งตัวอย่างที่ชัดที่สุดนั่นก็คือ การจ่ายเงินจากเดิมที่จ่ายเป็นเงินสด ทำให้เกิดปัญหาที่ต้องพกเงินติดตัวไว้ตลอดเวลา อาจจะศูนย์หาย หรือเกิดความเสียหายได้ แต่ปัจจุบันผู้คนได้หันมาจ่ายผ่าน Mobile application กันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีความปลอดภัย สะดวกสบาย และง่ายต่อการใช้ชีวิต


ทำให้เจ้าธุรกิจหลาย ๆ คนได้หันมาทำ Mobile application กันเป็นจำนวนมาก โดยบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักถึงความสำคัญของ Mobile application, Mobile application มีกี่แบบ, ข้อดี หรือไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสปความสำเร็จด้วย Mobile application

 

Mobile Application คืออะไร

Mobile application คือ Software ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Application ให้ความบันเทิงอย่าง Streaming application, เกม หรือ แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอ นอกจากนี้ Mobile application ยังมีอีกหลายหลายหมวดหมู่ เช่น แอปจองคิว, แอปให้ความรู้ หรือแอปแต่งรูป เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์พกพาเคลื่อนที่อย่าง โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บแล็ต

Mobile Application มีกี่ประเภท?

หากธุรกิจอยากจะหันมาทำ Mobile application นั้นจำเป็นจะต้องมีทักษะเฉพาะด้านสูงมาก จึงทำให้หลาย ๆ องค์กรเลือกที่จะจ้างบริษัท Application หรือ it support outsource ที่มี Mobile Application service โดยเฉพาะ เพื่อรังสรรค์ให้แอปพลิเคชั่นมีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดย Moble application ประกอบไปด้วย
 

Hybrid Application : เป็น Mobile application ที่หลายธุรกิจนิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจาก Hybrid Application สามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ IOS ผ่าน Framework อย่าง React Native หรือ Flutter
 

Native Application : Native Application คือแอปที่เขียนขึ้นมาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้น ๆ ด้วยภาษาที่เฉพาะเจาะจง เช่น ระบบปฏิบัติการ Android ใช้ภาษา Kotlin หรือ Java ส่วนระบบปฏิบัติการ IOS ใช้ภาษา  Swift เป็นต้น โดยมีข้อดีคือ ประสิทธิภาพที่สูงกว่าแอปพลิเคชั่นแบบอื่น ๆ ทั้งในด้านของความเร็ว และการเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ของอุปกรณ์


Web Application : ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทของ Mobile application ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดย Web application สามารถเปิดผ่าน Browser ได้หากคุณมีอินเทอร์เน็ต ทำให้ใช้ทรัพยากรพื้นที่น้อยที่สุด เหมาะสำหรับแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรมาก

ข้อดีของการนำ Mobile Application มาใช้ในธุรกิจ

เข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง : Mobile application ทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การบริการ หรือการติดต่อสอบถาม ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น 


สร้างประสปกรณ์ที่ดีแก่ลูกค้า : เจ้าของธุรกิจสามารถใช้ Mobie application เป็นตัวกลางในการสนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยการออกแบบฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการ


สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาวิเคราะห์แนวทางได้ : Mobile application คือเครื่องมือที่สำคัญของนักการตลาดที่จะช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้า ว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีพฤติกรรม ความชอบ หรืองบประมาณเท่าไหร่ ในการใช้บริการ เพื่อนำมาวิเคราะห์ และนำไปออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของ Mobile Application

Mobile Application คือ


การมี Mobile Application สำหรับธุรกิจไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แต่ยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของนักการตลาดในการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

Mobile application สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก เนื่องจากการที่ธุรกิจเลือกทำ Mobile application ก็เหมือนเป็นการเอาธุรกิจของตัวเองลงไปโปรโมทในโลกดิจิทัล ที่ User สามารถมองเห็นเราได้ทั่วโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต จึงเป็นการสร้างโอกาสในการโฆษณาของธุรกิจได้ดีกว่าธุรกิจที่ไม่ได้ทำ Mobile application

สร้าง Brand Royalty

ธุรกิจที่สามารถสร้าง Conversion ได้ คือธุรกิจที่ประสปความสำเร็จ แต่ใช่ว่าธุรกิจที่ประสปความสำเร็จจะสามารถสร้าง Brand Royalty ได้ ซึ่งการที่ธุรกิจเลือกทำ Mobile application ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือสามารถแก้ไข Pain point ของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


หากธุรกิจสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ มีโอกาสสูงมาก ๆ ที่ลูกค้าจะเกิด Brand Royalty ต่อธุรกิจของคุณ ยกตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชั่นเรียกรถ ที่ปัจจุบันคนนิยมใช้กันเยอะมากในประเทศไทย, แอปสั่งอาหาร หรือแอปจองคิวร้านอาหาร เป็นต้น Mobile application เหล่านี้ถือเป็น Mobile application ที่มี Brand Royalty สูงมาก เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพนั่นเอง

เป็นการตลาดที่ช่วยสร้าง Engagement 

เนื่องจาก Mobile application มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยให้ธุรกิจทำการตลาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น ฟีเจอร์การสะสมแต้ม จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และกระตุ้นความอยากซื้อสินค้าของเรามากยิ่งขึ้น หรือฟังก์ชั่นการให้คำแนะนำ ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยการให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้

ธุรกิจเติบโตขึ้นได้ด้วย Mobile Application

Mobile Application ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลให้ประสปความสำเร็จ ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดขายมีโอกาสโตขึ้นได้หลายเท่า สร้าง Brand Royalty ได้ และยังเป็นช่องทางในการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจให้มีความแม่นยำ การนำ Mobile Application มาใช้จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจให้เติบโต และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที