การทำธุรกิจ “ขายของออนไลน์” ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีผู้อ่านหลาย ๆ คนคิดว่าการขายสินค้าออนไลน์นั้นเป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย เพียงแค่มีสินค้าที่ต้องการขาย จากนั้นวางขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ถ้าขายได้ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด! เพราะกระบวนการซื้อขายมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ทำให้เจ้าของธุรกิจหลาย ๆ รายไม่สามารถจัดการระบบหลังบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจไม่ราบรื่น มีต้นทุนสูงและไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่ต้องการ ในบทความนี้เราจะมาดูวิธีขายของออนไลน์มือใหม่ ตอบคำถามอยากขายของออนไลน์เริ่มต้นยังไงดี? ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!
การเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ จะต้องเริ่มต้นจากสิ่งที่ผู้ขายมีความสนใจ เพราะการมีใจรักในการทำ หรือสิ่งของอะไรสักอย่างจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผลงานออกมาดี มีความสุขกับสิ่งที่ทำและพยายามพัฒนาสิ่งที่ทำอยู่นั้นให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป จากนั้นเราก็จะมีการศึกษาและวางแผนในขั้นตอนต่อไป ดังนี้
การเริ่มต้นขายสินค้าจะต้องทราบก่อนว่าคุณอยากจะขายอะไร? อาจจะทำลิสต์รายการสินค้าที่ตนเองสนใจ หรือเป็นสินค้าที่ใช้ต้นทุนไม่สูงมากนักเพื่อช่วยให้ผู้ขายเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่สร้างรายการสินค้าที่ต้องการขายขึ้นมาแล้ว ให้ทำการศึกษาเทรนด์สินค้า สถิติความต้องการและการขาย ดูเทรนด์ตลาดในช่วงนั้นๆ สินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกสินค้ามาขายด้วย ลองดูข้อมูลสถิติสินค้ายอดนิยมในแต่ละปี เช่นปี 2024 สินค้ายอดนิยมจะเป็นประเภทสินค้าสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น แชมพูสำหรับผมทำสี หรือสินค้าประเภทเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
เงินทุนของร้านค้าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะจะต้องมีการนำเงินทุนไปใช้จ่ายในการดำเนินงาน การซื้อสินค้า การจัดจ้างแรงงาน การทำโปรโมชัน การจัดส่งสินค้า ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นการต่อยอดพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อและช่วยให้ธุรกิจได้รับผลกำไรมากขึ้น ดังนั้นการกำหนดเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในระยะต่าง ๆ ให้เหมาะกับสถานะของธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำการพิจารณา ทั้งจำนวนเงินทุนหมุนเวียนและเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินอย่างรอบคอบ
เมื่อมีสินค้าที่ต้องการขายแล้ว ธุรกิจจะต้องมองหา Marketplace หรือตลาดที่สามารถวางขายสินค้าได้ โดยอาจจะเริ่มต้นจากการทำเว็บไซต์ขายออนไลน์ที่เปรียบเสมือนเป็นหน้าร้านและทำการโฆษณาขายสินค้าคนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีช่องทางการขายออนไลน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Tiktok, Shopee, Lazada, Amazon ฯลฯ ที่สามารถทำ E-Commerce และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายกว่าในอดีต โดยเฉพาะการวางขายบนหลาย ๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถมองเห็นสินค้าของคุณได้มากกว่า หรือธุรกิจบางประเภทก็โฟกัสไปที่ช่องทางการขายเพียงแห่งเดียวเพราะต้องการเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีข้อจำกัด
การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อด้วยช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย จะช่วยทำให้ยอดขายของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านบริการ Internet Banking, QR Code, Paypal, E-Money เช่น True Money, Rabbit Pay, รวมไปจนถึงบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต หรือผ่อนชำระจากแพลตฟอร์มด้วย แน่นอนว่าการที่ผู้ซื้อมีตัวเลือกการชำระเงินที่เข้าถึงได้ง่าย ก็ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายดายมากยิ่งขึ้นด้วย
การทำการตลาดเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อเลือกชมสินค้า เป็นเทคนิคในการเพิ่มการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมรับรู้ในแบรนด์ได้มากขึ้น เช่น โปรโมชั่นซื้อเยอะแต่จ่ายถูกกว่า โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 โปรโมชั่นฟรีค่าจัดส่ง เป็นต้น หากลูกค้าซื้อสินค้าไปใช้แล้วรู้สึกว่าสินค้ามีคุณภาพและมีประสิทธิภาพก็สร้างโอกาสในการเป็นลูกค้าที่ภักดี หรือกลับมาซื้อซ้ำได้อีกในอนาคต
ในปัจจุบัน ร้านขายของออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมทำการขายสินค้าบนหลาย ๆ แพลตฟอร์มเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น แต่ก็ประสบพบเจอกับปัญหาการจัดการระบบหลังบ้าน เพราะจะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นกว่าการวางขายบนแพลตฟอร์มเดียว ดังนั้นเครื่องมือจัดการระบบหลังบ้านที่ดีจึงมีความสำคัญในการช่วยจัดการกระบวนการขายสินค้าให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งในส่วนของการดำเนินการที่ราบรื่น การจัดการคำสั่งซื้อ การวางแผนขายที่ครอบคลุมไปจนถึงค่าใช้จ่าย รายงานและสถิติ รวมทั้งการต่อยอดให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของการมีเครื่องมือจัดการระบบหลังบ้านที่ดีจะช่วยให้คุณมีข้อมูลในการทำธุรกิจและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพอยู่ในมือ โดยเฉพาะการจัดการพื้นฐานของการดำเนินงานที่เป็นระบบระเบียบ เริ่มต้นตั้งแต่การโปรโมทสินค้า การโพสต์ข้อมูลรายละเอียดและรูปภาพ โปรแกรมจัดการสต๊อกสินค้า เพื่อตรวจจำนวนคลังสินค้า ระบบการจัดการคำสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มทั้งหมด ระบบการตัดสต๊อกอัจฉริยะ การปริ้นท์ใบแปะหน้าคำสั่งซื้อ ระบบตอบแชทลูกค้า รายงานการซื้อขาย สถิติ ระบบติดตามการขนส่งและระบบจัดการสินค้าตีกลับ ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยให้การต่อยอดธุรกิจของคุณเป็นไปได้อย่างก้าวกระโดด พร้อม ๆ กับการประหยัดต้นทุน ลดความผิดพลาดและสร้างกำไรได้ง่ายมากขึ้น
การให้บริการหลังการขาย หรือการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำการวางแผนด้วย แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ พร้อมขายสินค้าและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้า เช่น ในกรณีที่ลูกค้ามีคำถาม ต้องการความช่วยเหลือ หรือให้คำแนะนำ/ติชมผลิตภัณฑ์ ฯลฯ การช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและมีความพึงพอใจในการบริการจะนำมาซึ่งรีวิวที่ดี สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ รวมทั้งการทำให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อสินค้าบ่อย ๆ ได้
ขายของออนไลน์ เริ่มต้นยังไงดี? หลังจากที่คุณผ่านการศึกษาเทรนด์สินค้า กำหนดเงินทุนและราคา เลือกช่องทางการขายที่มีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย มีการทำการตลาด ทำการโปรโมทสินค้า พร้อมกับบริการหลังการขายที่ดี โดยมีเครื่องมือจัดการระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมที่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ได้อย่างเต็มตัว ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่เพียงแค่คุณปรับตัวให้ทันกับความท้าทายของยุคสมัย พยายามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการขายเพิ่มเติมและมีตัวช่วยดี ๆ ในการจัดการระบบหลังบ้าน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถสร้างกำไรและทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลย
Source: https://www.statista.com/outlook/cmo/beauty-personal-care/worldwide#revenue
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที