Jira

ผู้เขียน : Jira

อัพเดท: 08 ต.ค. 2024 11.24 น. บทความนี้มีผู้ชม: 64 ครั้ง

ฉีดฟิลเลอร์ (filler) คืออะไร ก่อนและหลังฉีดต้องรู้อะไรบ้าง? ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง? ฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดในแต่ละจุด ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์


ฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? ก่อนและหลังฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

ฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? ก่อนและหลังฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มผิวที่สังเคราะห์มาจากสาร Hyaluronic Acid หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า HA ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายของเรา ช่วยในการเติมเต็มช่องว่างในชั้นผิวและเส้นใยคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพหรือหายไป ฟิลเลอร์ช่วยกระชับผิวหน้า ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยดูเต่งตึง ชุ่มชื้น เรียบเนียน และทำให้ผิวดูสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและเปล่งปลั่ง ผลของการฉีดฟิลเลอร์ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์มี 5 คุณสมบัติที่สำคัญ ได้แก่

1. เติมเต็มร่องลึกหรือเสริมความแข็งแรงในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง

2. ลดเลือนริ้วรอยและชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต

3. ปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนและเป็นธรรมชาติ

4. กักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและอ่อนเยาว์

5. ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

 

ตำแหน่งที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้

ฟิลเลอร์สามารถฉีดในหลายตำแหน่งของใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและรูปหน้าที่ต้องการแก้ไข แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมตามความต้องการของผู้รับบริการ ตำแหน่งยอดนิยมที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้มีดังนี้

 

1. ขมับ – ขมับที่ตอบสามารถทำให้ใบหน้าดูแบนหรือไม่มีมิติได้ การฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับจะช่วยให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น มีมิติมากขึ้น และดูอ่อนเยาว์

2. หน้าผาก – ฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณหน้าผากช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ทำให้หน้าผากดูเรียบเนียนและสมมาตร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบน ยุบ หรือมีริ้วรอย

3. ใต้ตา – ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดเลือนริ้วรอยและความหมองคล้ำ ทำให้ดวงตาดูสดใสและใบหน้าดูอ่อนเยาว์

4. แก้มส้ม – การฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มส้มช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนังระหว่างโหนกแก้มกับจมูก ให้ใบหน้ามีความคมชัดและสวยงาม

5. ร่องแก้ม – ฟิลเลอร์ช่วยทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น แก้ปัญหาร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเต็มและมีความอ่อนเยาว์มากขึ้น

6. ปาก – ฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากช่วยให้ปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และยกมุมปากขึ้น ทั้งยังสามารถปรับรูปปากให้สวยได้หลากหลายทรง

7. คาง – ฟิลเลอร์ที่คางช่วยปรับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูสมส่วน กรอบหน้าคมชัดขึ้น แก้ปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม หรือคางตัดได้

8. กรอบหน้าหรือกราม – การฉีดฟิลเลอร์บริเวณกรอบหน้าช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และปรับแนวกรามให้คมชัด ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวและอ่อนเยาว์

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละจุด

1. ใต้ตา: 1-2 CC

2. แก้มส้ม: 1-3 CC

3. แก้มตอบ: 2-4 CC

4. คาง: 1-4 CC

5. ปาก: 1-2 CC

6. หน้าผาก: 2-8 CC

7. ขมับ: 2-4 CC

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีมากมาย เช่น

1. ลดเลือนริ้วรอยและช่วยชะลอวัย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์

2. เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีความเสี่ยงจากการวางยาสลบ

3. ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากอย. สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง และปลอดภัยต่อร่างกาย

4. ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

 

ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร

ฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป นี่คือตัวอย่างของฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองและได้รับความนิยมในประเทศไทย:

 

1. Restylane – ผลิตจากประเทศสวีเดน โดดเด่นในเรื่องความสามารถในการยกกระชับผิวและกักเก็บความชุ่มชื้น มีหลายรุ่น เช่น

   - Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง มักใช้ฉีดบริเวณใต้ตา

   - Restylane Vital Light เนื้อเจลอนุภาคเล็ก เหมาะสำหรับผิวบางและริ้วรอยเล็กน้อย

   - Restylane Volyme ใช้เพื่อเติมเต็มบริเวณที่ยุบตัว เช่น แก้มตอบ คาง

 

2. Neuramis – ผลิตจากประเทศเกาหลี เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ที่สามารถสลายได้เอง มีหลายรุ่น เช่น

   - Neuramis Deep เหมาะสำหรับร่องลึก เช่น ร่องแก้ม

   - Neuramis Volume เนื้อเจลหนืด เหมาะสำหรับการเติมเต็มปัญหาผิวที่ต้องการความคงตัวสูง

 

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

1. งดยาแอสไพริน ยาในกลุ่ม NSAIDs และวิตามินเสริมอย่างน้อย 1 สัปดาห์

2. งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำหัตถการ 1 วัน

3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและการสัมผัสความร้อน เช่น การซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น

4. หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ

 

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

1. อยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน หรืออาหารเสริม

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วง 2-3 วันแรก

4. ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้ดี

5. งดการทานอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น แอลกอฮอล์ ของหมักดอง และสูบบุหรี่

 

หากต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงปัญหาเรื่องผิวพรรณและใบหน้า สามารถปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที