ปลูกย้ายรากผมถาวรด้วยเทคนิค FUT และ FUE ต่างกันยังไง

ปลูกผม FUT หรือปลูกผมแบบแผลตัดเย็บ Strip FUT (Follicular Unit Transplant)

เป็นวิธีการย้ายเซลล์รากผมวิธีแรกที่ได้รับการยอมรับ และถูกใช้กันมาเกือบ 30 ปี  และยังคงมีการใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพสามารถรักษาอาการหัวล้านที่ค่อนข้างรุนแรงได้ เมื่อก่อนการปลูกผม FUT ไม่ได้ปลูกทีละกราฟท์ แต่แพทย์จะปลูกเป็นกระจุก ผลออกมาจึงไม่เป็นธรรมชาติ แต่เทคนิค FUT ก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนเป็นการปลูกทีละกราฟท์อย่างในปัจจุบัน ที่ทำให้ผลการปลูกผมดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม

ข้อดีของการปลูกผม FUT

• สามารถเก็บกราฟท์ผมได้จำนวนมากโดยผมจะไม่บางลง อาจจะเก็บได้มากกว่า 4,000 กราฟท์ ขึ้นไป 
• ใช้เวลาในการผ่าตัดปลูกผมสั้นกว่า
• มีราคาปลูกผมที่ถูกกว่าการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUT

• มีรอยแผลเป็นรอยยาวหลังปลูกผม อยู่ที่ช่วงท้ายทอย
• หากไว้ผมสั้นมากหรือโกนผม จะเห็นแผลเป็นได้อย่างชัดเจน
• และหากมีการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT เพิ่มอีกในอนาคต แผลเป็นที่ท้ายทอยจะหนาและมีความนูนมากขึ้น 
• ผู้ที่หนังศีรษะตึง ไม่ยืดหยุ่น ไม่สามารถทำได้ เพราะจะทำให้แผลเย็บที่ท้ายทอยตึงเกินไป

ปลูกผม FUE หรือปลูกผมแบบเจาะ (Follicular Unit Excision)

เทคนิคการปลูกผม FUE เป็นเทคนิคที่ใหม่กว่าปลูกผมแบบ FUT โดยเทคนิคนี้มีจุดเด่นคือไม่สร้างแผลเป็นและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า เป็นวิธีการปลูกผมที่ยังคงมีการพัฒนาไปอยู่เรื่อย ๆ  เพื่อตอบโจทย์คนยุคสมัยใหม่ 

การปลูกผม FUE คือการปลูกผมที่จะย้ายรากผมโดยเจาะเอาเฉพาะรากผมเพื่อย้ายไปปลูก โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะเป็นขั้นๆ ออกมา โดยแพทย์จะเจาะรากผมด้วยเครื่องเจาะไฟฟ้า จากนั้นแพทย์จะดึงกราฟท์ผมออกมาจากหนังศีรษะ แล้วนำไปปลูกผม แต่จุดเด่นของการปลูกผม FUE คือการปลูกผมไร้รอยแผลเย็บ เนื่องจากเครื่องมือที่เจาะนำเซลล์รากผมออกม หัวเจาะมีขนาดเล็กเพียงแค่ 0.6 – 0.8  mm ทำให้หลังแผลหายแล้ว จะทิ้งรอยแผลเป็นขนาดเล็กไม่ถึง 1 mmเท่านั้น หากไม่สังเกตก็จะไม่สามารถเห็นรอยปลูกผมเลย 0.8 – 0.95 มิลลิเมตร

ข้อดีของการปลูกผม FUE

• แผลหลังการปลูกผมเป็นแผลเล็ก รอยแผลเป็นแทบมองไม่เห็น
• ใช้เวลาพักฟื้นสั้น
• ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังปลูกผม 

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUE

• เก็บกราฟท์ผมไม่ได้มากเท่าการปลูกผมด้วย FUT  เพราะหากเก็บมากไปจะทำให้ผมบาง อาจจะเก็บได้เพียง 3,000 – 4,000 กราฟท์
• ใช้เวลาผ่าตัดปลูกผมนานกว่าปลูกผม FUT เพราะขั้นตอนการเจาะกราฟท์ผมใช้เวลาค่อนข้างนาน
• ไม่เหมาะกับผู้ที่ผมช่วงท้ายทอยบางมากๆ อยู่ก่อนแล้ว
• ราคาสูงกว่าการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT 

บทสรุป

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผมบาง หัวล้าน หัวเถิก รวมไปถึงผู้ที่ต้องการจะเข้ารับทำการปลูกผม ไม่ว่าจะปลูกผมด้วยวิธีไหนก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม งบประมาณ และการตัดสินใจของตนเอง ควรวิธีเลือกวิธีและเทคนิคปลูกผมที่เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้แก่ โรงพยาบาล หรือ คลินิก ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย คุณภาพ รวมไปถึงผลลัพธ์อันเป็นที่น่าพอใจในท้ายที่สุด