การช่างซ่อมไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าภายในบ้าน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนการจ้างซ่อมไฟฟ้าภายในบ้าน ว่าควรรู้รายละเอียดอะไรบ้าง ทราบถึงสาเหตุที่ควรจ้างช่างซ่อมไฟฟ้า และข้อดีของการซ่อมไฟฟ้า
ปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้า เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้หากมีการวางระบบไฟฟ้าที่ไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากตั้งแต่เริ่มก่อสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัย ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยคือปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร เป็นปัญหาที่มักเกิดจาก การไหลของกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงและประกายไฟ อาจนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ หรืออันตรายต่อชีวิต เพราะฉะนั้นควรมีการเรียกช่างซ่อมไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน และซ่อมแซมปัญหาเรื่องไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
สาเหตุของการซ่อมไฟฟ้า
เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าเกิดขึ้น ย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ดังนั้น การหมั่นตรวจสอบและซ่อมไฟฟ้าอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยก่อนที่จะเรียกช่างซ่อมไฟฟ้า ต้องรู้สาเหตุก่อน เช่น
-
ฟิวส์ขาด หมายถึง ฟิวส์ทำงานตัดวงจรไฟฟ้าเพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า เกิดจากกระแสไฟฟ้าไหลผ่านฟิวส์เกินค่าที่กำหนดไว้
-
หลอดไฟขาด หมายถึง ไส้หลอดไฟขาด ส่งผลให้แสงสว่างดับลง เกิดจากหมดอายุการใช้งาน หรือหลอดไฟที่ถูกกระแทกหรือสั่นสะเทือนบ่อย ๆ อาจทำให้ไส้หลอดไฟขาดก่อนเวลาอันควร
-
สายไฟชำรุด หมายถึง สายไฟมีสภาพเสื่อมโทรม เสียหาย หรือใช้งานไม่ได้ ส่งผลต่อการไหลของกระแสไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้บ้าน หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย
-
อุปกรณ์ไฟฟ้าช็อต หมายถึง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยไม่ได้ผ่านวงจรปกติ ส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย เกิดความร้อน อาจเกิดประกายไฟ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
-
ปลั๊กไฟชำรุด หมายถึง ปลั๊กไฟมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่งผลต่อการจ่ายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า อาจเกิดอันตราย เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้บ้าน หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย
รายการบริการซ่อมไฟฟ้า
ในการซ่อมไฟฟ้าแต่ละครั้งก็จะมีบริการให้เลือกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ตัวอย่างปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าที่เกิดขึ้น และต้องเรียกช่างซ่อมไฟเช่น
ซ่อมสายไฟ
ก่อนเริ่มการซ่อมแซมสายไฟ ต้องปิดสวิตช์ไฟหลักที่จ่ายไฟไปยังบริเวณที่สายไฟเสียหาย ทดสอบว่าไม่มีไฟฟ้าที่สายไฟด้วยไขควงวัดไฟ และสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือยาง แว่นตานิรภัย และรองเท้าบู๊ท จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
-
ตัดส่วนที่เสียหายของสายไฟออก ใช้คีมตัดสายไฟเพื่อตัดส่วนที่เสียหายของสายไฟออก ตัดให้ห่างจากจุดที่เสียหายประมาณ 1 นิ้ว
-
ปลอกสายไฟ ใช้มีดคัตเตอร์หรือเครื่องมือปลอกสายไฟเพื่อปลอกฉนวนออกจากปลายสายไฟแต่ละเส้น ปลอกสายไฟให้ยาวประมาณ 1/2 นิ้ว
-
ต่อสายไฟ ใช้ขั้วต่อสายไฟหรือเทปพันสายไฟเพื่อต่อสายไฟเข้าด้วยกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อนั้นแน่นและปลอดภัย
-
หุ้มฉนวนสายไฟ ใช้เทปพันสายไฟเพื่อหุ้มฉนวนสายไฟที่เปลือยเปล่า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเทปพันสายไฟทับซ้อนกันอย่างน้อย 1 นิ้ว
-
เปิดสวิตช์ไฟหลัก และทดสอบว่าสายไฟได้รับการซ่อมแซมแล้ว
เปลี่ยนคัทเอาท์
ก่อนเปลี่ยนคัทเอาท์ ปิดสวิตช์ไฟหลักที่จ่ายไฟไปยังบริเวณที่ติดตั้งคัทเอาท์ใหม่ ทดสอบว่าไม่มีไฟฟ้าที่คัทเอาท์เก่าด้วยไขควงวัดไฟ เตรียมเครื่องมือที่จำเป็น เช่น ไขควง คีมตัดสายไฟ และเทปพันสายไฟ จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
-
ถอดคัทเอาท์เก่าออก ใช้ไขควงเพื่อถอดสกรูที่ยึดคัทเอาท์เก่ากับแผงไฟฟ้า ถอดคัทเอาท์เก่าออกจากแผงไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง
-
ติดตั้งคัทเอาท์ใหม่ เชื่อมต่อสายไฟเข้ากับคัทเอาท์ใหม่ตามสีที่ตรงกัน ยึดคัทเอาท์ใหม่กับแผงไฟฟ้าด้วยสกรู
-
เปิดสวิตช์ไฟหลัก และทดสอบว่าคัทเอาท์ใหม่ทำงาน
เปลี่ยนฟิวส์
ก่อนเปลี่ยนฟิวส์ ควรปิดสวิตช์ไฟหลัก ที่จ่ายไฟไปยังบริเวณที่ติดตั้งฟิวส์ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
-
หาฟิวส์ที่ขาด โดยฟิวส์จะอยู่ในกล่องฟิวส์ ซึ่งมักจะอยู่ใกล้กับมิเตอร์ไฟฟ้า หรือแผงสวิตช์ไฟหลัก เปิดกล่องฟิวส์ และหาฟิวส์ที่ขาด ฟิวส์ที่ขาดจะมีเส้นลวดภายในที่ขาด
-
ถอดฟิวส์ที่ขาดออก โดยใช้คีมคีบฟิวส์ หรือดึงฟิวส์ออกด้วยมือ ระวังอย่าสัมผัสส่วนโลหะของฟิวส์
-
ใส่ฟิวส์ใหม่ที่มีขนาดและค่าแอมแปร์ที่ถูกต้อง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟิวส์ใหม่เสียบแน่นในปลั๊ก
-
เปิดสวิตช์ไฟหลัก และลองเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า หากอุปกรณ์ไฟฟ้ายังไม่ทำงาน ควรติดต่อช่างไฟฟ้า
เปลี่ยนหลอดไฟ
ก่อนเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปิดสวิตช์ไฟที่จ่ายไฟไปยังหลอดไฟที่ต้องการเปลี่ยน เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต หลอดไฟที่เพิ่งใช้งานอาจร้อนมาก ควรทิ้งไว้สักครู่ให้เย็นลงก่อนสัมผัส จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
1. หลอดไฟแบบขาสปริง:
-
จับหลอดไฟไว้แล้วดันขึ้นเบาๆ
-
หมุนหลอดไฟทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออกจากตัวล็อก
-
นำหลอดไฟใหม่ใส่เข้าไปในตัวล็อก
-
หมุนหลอดไฟตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
2. หลอดไฟแบบขาทั่วไป:
-
หมุนหลอดไฟเก่าทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออกจากตัวล็อก
-
นำหลอดไฟใหม่ใส่เข้าไปในตัวล็อก
-
หมุนหลอดไฟตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
3. หลอดไฟแบบตะเกียบ:
-
ดึงหลอดไฟเก่าออกจากตัวล็อก
-
นำหลอดไฟใหม่ใส่เข้าไปในตัวล็อก
-
กดหลอดไฟเข้าที่จนแน่น
เปลี่ยนปลั๊กไฟ
การเปลี่ยนปลั๊กไฟเป็นงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง ควรปิดสวิตช์ไฟหลัก ก่อนทำการเปลี่ยนเสมอ จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
-
เตรียมอุปกรณ์ ได้แก่ ไขควงปากแฉก ไขควงปากแบน ปลั๊กไฟใหม่ คีมตัดสายไฟ กระดาษทราย และเทปไฟฟ้า
-
หากล่องฟิวส์หรือสวิตช์ไฟหลัก ปิดสวิตช์ไฟหลัก เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต
-
ถอดฝาครอบปลั๊กไฟเก่าออก ใช้ไขควงปากแฉกคลายเกลียวที่ยึดปลั๊กไฟกับผนัง ถอดปลั๊กไฟเก่าออกจากสายไฟ
-
ใช้คีมตัดสายไฟตัดสายไฟเก่าประมาณ 1 นิ้ว เผื่อไว้สำหรับต่อกับปลั๊กไฟใหม่ ปอกเปลือกฉนวนสายไฟประมาณ 1/2 นิ้ว
-
พันสายไฟเข้ากับปลั๊กไฟใหม่ตามสัญลักษณ์ L (สายไฟไลน์) N (สายไฟนิวตรัล) และ G (สายดิน) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟพันแน่น ใช้เทปไฟฟ้าพันสายไฟที่ต่อกับปลั๊กไฟใหม่
-
ใส่ปลั๊กไฟใหม่เข้าไปในผนัง ขันเกลียวที่ยึดปลั๊กไฟกับผนังให้แน่น ใส่ฝาครอบปลั๊กไฟใหม่
-
เปิดสวิตช์ไฟหลัก ทดสอบการทำงานของปลั๊กไฟใหม่
ข้อดีของการจ้างซ่อมไฟฟ้า
การจ้างช่างซ่อมไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตนั้นมีหลายข้อดี ดังนี้
-
มีความปลอดภัย เพราะช่างบริการซ่อมไฟฟ้าได้รับการฝึกอบรมและมีความรู้ รวมถึงใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
-
มีความมั่นใจ เพราะช่างรับซ่อมไฟฟ้าสามารถวินิจฉัยปัญหาไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง และสามารถแก้ไขปัญหาไฟฟ้าได้ตามมาตรฐาน
-
มีความสะดวก เพราะช่างไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และสามารถจัดการกับงานไฟฟ้าทุกประเภท
สรุปเกี่ยวกับการซ่อมไฟฟ้า
การหาช่างซ่อมไฟฟ้า เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าขึ้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องรีบแก้ไขและซ่อมไฟฟ้าให้ไวที่สุด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
- ตอนที่ 1 : การช่างซ่อมไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าภายในบ้าน