ผ่าต้อกระจก อีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถรักษาโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ โดยการผ่าต้อกระจกมีรูปแบบการผ่าตัดที่หลากหลาย สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดอีกครั้ง
เมื่ออายุอยู่ในช่วง 50 ปีขึ้นไป เข้าสู่วัยผู้สูงอายุ คุณจะเริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง มองเห็นไม่ค่อยชัด เหมือนมีหมอกบังสายตา และมีความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยมากขึ้น โรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุมากที่สุดอย่างหนึ่ง มักจะเป็นโรคต้อกระจก ซึ่งวิธีการรักษาโรคต้อกระจก จะต้องเป็นการผ่าต้อกระจก ที่จะมีประสิทธิภาพ ทำให้ดวงตากลับมามองเห็นชัดได้เหมือนปกติ
ผ่าต้อกระจก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถรักษาโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุให้หายจากโรคนี้ได้ โดยการผ่าต้อกระจกจะต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุด หากปล่อยให้อาการรุนแรงมากขึ้น อาจจะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด ผ่าต้อกระจกควรรักษากับจักษุแพทย์ผู้ชำนาญ และโรงพยาบาลผ่าต้อกระจก เท่านั้น
ผ่าต้อกระจก (Cataract Surgery) คือวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจก ซึ่งการผ่าต้อกระจกตาโดยจักษุแพทย์จะทำการเอาเลนส์ตาเดิมของผู้ป่วยที่มีอาการมองเห็นไม่ชัด ขุ่นมัวออก และนำเอาเลนส์ตาเทียมแทนที่เข้าไป ทำให้ผู้ป่วยโรคต้อกระจกกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ผ่าต้อกระจกเป็นวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกให้หายจากโรคนี้ได้ ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อย่างปกติ เพราะในปัจจุบันยังไม่มียารักษาตัวไหนที่จะรักษาโรคต้อกระจกได้ โดยวิธีผ่าต้อกระจกจะแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้
เป็นวิธีการผ่าตัดต้อกระจกแบบดั้งเดิมที่ใช้ในอดีต ซึ่งในปัจจุบันอาจจะไม่นิยมใช้ในการรักษาด้วยวิธีนี้ แต่จะรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกในกรณีที่ผู้ป่วยต้อกระจกชนิดรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ของดวงตา เช่นต้อกระจกสุก และแข็งจนไม่สามารถสลายต้อได้ ทางจักษุแพทย์จึงจะเลือกใช้วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง โดยขั้นตอนการผ่าต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง ดังนี้
เป็นวิธีการผ่าตัดต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ วิธีนี้รักษาโรคต้อกระจกแบบใหม่ และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากสูงสุดในปัจจุบัน เพราะว่าการรักษาต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อจะใช้เวลาการรักษาเพียงแค่ประมาณ 30 นาที และไม่ต้องใช้ยาสลบก่อนการผ่าตัดสลายต้อกระจก ที่อาจจะมีความเสี่ยงกับผู้ป่วยที่แพ้ยาสลบ อีกทั้งผู้ป่วยไม่นอนพักฟื้นดูอาการที่โรงพยาบาล หลังผ่าตัดต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อสามารถกลับบ้านได้เลย โดยขั้นตอนสลายต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ ดังนี้
การผ่าตาต้อกระจก เป็นวิธีรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจก โดยทางจักษุแพทย์จะทำการเอาเลนส์ตาเดิมที่เป็นต้อกระจก ขุ่นมัวออก และแทนที่ด้วยเลนส์ตาเทียมเข้าไป ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
ส่วนเลนส์แก้วตาเทียมเปรียบเสมือนอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาผ่าตัดต้อกระจก ซึ่งเลนส์แก้วตาเทียมมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดขึ้นอยู่ผู้ป่วยต้องการมองเห็นในระยะแบบไหน หรือต้องการรักษาสายตาเอียง โดยชนิดของเลนส์แก้วตาเทียม เช่น
ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคต้อกระจกด้วยผ่าตัดต้อกระจก โดยทางจักษุแพทย์จะทำการตรวจประเมินสภาพดวงตาก่อนผ่าต้อกระจก 2 ข้าง ซึ่งขั้นตอนการตรวจประเมินสภาพดวงตา ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนผ่าต้อกระจก ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และลดอาการข้างเคียงหลังผ่าต้อกระจกที่อาจจะเกิดขึ้น ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่าต้อกระจก ดังนี้
การดูแลตัวเองหลังผ่าต้อกระจกจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็วหลังผ่าต้อกระจก โดยการดูแลหลังผ่าต้อกระจก และข้อห้ามหลังผ่าต้อกระจก ดังนี้
ถึงแม้ว่าการผ่าตัดต้อกระจกเป็นวิธีรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกที่มีประสิทธิภาพที่สุด และปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีโอกาสที่อาจจะเกิดอาการแทรกซ้อน ขึ้นอยู่สภาพร่างกาย และการปฏิบัติตัวหลังผ่าต้อกระจก โดยอาการแทรกซ้อนที่อาจพบหลังผ่าต้อกระจก เช่น
โรคต้อกระจกเป็นอีกหนึ่งโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งวิธีรักษาโรคต้อกระจกคือการผ่าตัดต้อกระจกสามารถรักษาให้หายได้ ปลอดภัย และผ่าต้อกระจกมีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น หากพบว่าตัวเองเป็นโรคต้อกระจก ควรรีบทำการรักษาให้เร็วที่สุด ไม่ควรปล่อยอาการทิ้งไว้ อาจจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น หรืออาจจะสูญเสียการมองเห็นได้ และควรรักษากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที