Romeo

ผู้เขียน : Romeo

อัพเดท: 30 มิ.ย. 2024 13.17 น. บทความนี้มีผู้ชม: 167 ครั้ง

ไขคำตอบกับการโบท็อกกราม เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงภาพรวมของคำถามการฉีดกรามช่วยให้หน้าเรียวได้จริงหรือไม่ เลือกโบท็อกกราม ราคาเหมาะสมเป็นอย่างไร


โบท็อกกราม คืออะไร ช่วยให้หน้าเรียวปรับรูปหน้าให้ดีขึ้นได้จริง?

ไขคำตอบกับการโบท็อกกราม เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงภาพรวมของคำถามการฉีดกรามช่วยให้หน้าเรียวได้จริงหรือไม่ เลือกโบท็อกกราม ราคาเหมาะสมเป็นอย่างไร

ฉีดโบท็อกหน้าเรียว

 

โบท็อกกรามเป็นอีกหนึ่งในการเข้าใช้บริการทำหัตถการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งโบท็อกกรามจะช่วยแก้ปัญหาลดกรามหน้าเรียวได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ก่อนที่จะเข้าใช้บริการโบท็อกกรามจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการโบท็อกกราม ราคาเท่าไหร่ ควรโบท็อกกรามกี่ยูนิตถึงจะเห็นผลตามที่ต้องการ ฉีดโบลดกรามอยู่ได้นานไหม ฉีดโบท็อกหน้าเรียวจริงไหม รวมถึงข้อมูลการเลือกฉีดโบลดกรามที่ไหนดี เพื่อให้ท่านได้มองเห็นภาพรวมถึงการทำหัตถการนี้ และสร้างข้อควรระวังก่อนเข้าใช้บริการได้อีกด้วย

 


โบท็อกกราม คืออะไร ช่วยในเรื่องไหนบ้าง ? 

ฉีดโบท็อกหน้าเรียวจริงไหม

 

โบท็อกกราม เป็นการฉีดสาร Botulinum toxin type A (โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบท็อก (Botox) ซึ่งโบท็อกเป็นสารสกัดจากเชื้อแบคทีเรียที่นำมาใช้กับเสริมความงามที่ได้รับการยอมรับจากสากล ด้วยการฉีดโบท็อกเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อของร่างกายในบริเวณกรามและบริเวณใกล้เคียงกับกรามที่ต้องการแก้ไข โดยการโบท็อกกรามนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีดสารโบท็อกได้มีปฏิกิริยาการทำงานลดลงชั่วคราว ส่งผลให้ขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามบนใบหน้ามีขนาดเล็กลง ช่วยให้บริเวณใบหน้าดีมิติเรียวงามขึ้น  การทำหัตถการฉีดโบท็อกหน้าเรียวจะสามารถคงสภาพในระยะเวลาประมาณ 5 – 6 เดือนต่อการเข้าฉีดโบลดกราม 1 ครั้งนั้นเอง 

โบท็อกกราม เป็นหัตถการที่เหมาะกับใครบ้าง 

โบท็อกลดกรามจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาท่านที่มีรูปร่างกรามใหญ่ ซึ่งมีต้นเหตุมาจากกล้ามเนื้อกราม botoxกรามจะสามารถฉีดได้ทั้งในเพศชาย และเพศหญิง ช่วยให้สามารถปรับรูปใบหน้าให้ดูมีมิติเรียวมากขึ้นโดยไม่พึ่งพาการผ่าตัด เพียงแต่หากท่านเป็นผู้มีโครงสร้างของกระดูกกรามใหญ่ การแก้ปัญหาด้วยการฉีดโบท็อกกรามอาจจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในส่วนนี้ได้

 


โบท็อกกรามกับลิฟกรอบหน้า มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

ข้อแตกต่างระหว่างการทำหัตการโบท็อกกราม กับลิฟกรอบหน้า ที่เป็นการทำหัตถการในบริเวณใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันดังนี้ 

การฉีดโบท็อกกราม

จะเป็นฉีดโบท็อกกราม เพื่อฉีดลดกรามหน้าเรียว ด้วยการฉีดสาร Botox เข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อในบริเวณกราม (Masseter) เฉพาะจุด เพื่อให้สารที่ฉีดไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกรามในบริเวณเหล่านั้นเกิดการคลายตัว มีสภาพอ่อนแรงหดเล็กลง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยส่งผลให้ใบหน้าดูมีมิติ โครงร่างดูเรียวขึ้น แก้ไขปัญหาหน้าบานจากต้นเหตุที่เกิดจากกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่ได้อย่างตรงจุดนั้นเอง 

การลิฟกรอบหน้า

จะเป็นการฉีดโบท็อกเข้าสู่ใบหน้าในบริเวณกล้ามเนื้อ (Platysma) ในส่วนของลำคอของผู้ใช้บริการ เพื่อให้สาร Botox ได้ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการกระชับขึ้น ช่วยให้ช่วยบริเวณลำคอดูเรียวขึ้น สามารถมองเห็นโครงหน้า / กรอบหน้าได้ชัดเจนนั้นเอง 

 


การฉีดโบท็อกกรามกี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ 

botox กราม

 

หลายท่านคงสงสัยว่าฉีดโบลดกรามอยู่ได้นานไหม และฉีดโบท็อกหน้าเรียวจะสามารถเห็นได้ภายในกี่วัน เมื่อท่านได้รับการฉีดโบท็อกกรามเสร็จแล้ว ท่านจะรู้สึกตึงในบริเวณที่ฉีด ควรขยับกราม รวมทั้งเคี้ยวบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้โบท็อกได้กระจายตัวได้นั้นเอง และจะสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน ดังนี้

 

- ระยะเวลา 1 – 14 วัน สภาพผิวในบริเวณที่ฉีดโบท็อกกราม จะเริ่มเห็นผลมากขึ้น โดยทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นนิ่มขึ้น กล้ามเนื้อกรามจะไม่เด้งให้เด่นชัด

- ระยะเวลา 2 – 3 เดือน การฉีดโบท็อกกรามจะเริ่มเข้ารูปทรงเป็นรูปร่างมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าเรียวดูมีมิติ เพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นนั้นเอง

 

ระยะเวลาของการฉีดโบลดกรามอยู่ได้นานไหม และโบท็อกกรามอยู่ได้กี่เดือนนั้น จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ท่านเลือกใช้บริการ รวมไปจนถึงการดูแลตนเองของผู้ใช้บริการอีกด้วยที่จะช่วยยืดอายุของโบท็อก โดยส่วนมากอายุของโบท็อกทั่วไปจะอยู่ได้นานถึง 5 – 6 เดือนนั้นเอง

 


มาทำความเข้าใจเบื้องต้นกับยี่ห้อของโบท็อกกราม 

ก่อนเข้าใช้บริการโบท็อกกราม นอกจากจะต้องศึกษาถึงผลดีผลเสียของการฉีดโบท็อกหน้าเรียว แล้วการทราบถึงโบท็อกกราม ราคาเท่าไหร่ในการฉีดแต่ละครั้ง ควรฉีดกรามกี่ยูนิตจึงจะเห็นผลได้ชัดเจน จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้เข้าใช้บริการ การทำความรู้จักกับยี่ห้อของ Botox จะยิ่งช่วยให้ท่านสามารถคำนวณถึงระยะเวลาในการเติมโบท็อกกรามอีกครั้ง หากยังได้ผลลัพธ์ที่ยังไม่น่าพอใจ ในปัจจุบันชนิดของ Botox ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทยจะมีข้อมูลเบื้องต้นด้วยกันดังต่อไปนี้ 

 

1. Botox ยี่ห้อ XEOMIN: เป็นโบท็อกจากประเทศเยอรมัน มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดโอกาสในการดื้อยาของผู้ใช้บริการได้  

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  อยู่ได้โดยประมาณ 4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 50 ยูนิต กับ 100 ยูนิต

 

2. Botox ยี่ห้อ Allergan: เป็นยี่ห้อ Botox ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมากที่สุด ผลิตจากประเทศอเมริกา ซึ่งสามารถนำมาฉีดในบริเวณผิวส่วนอื่นของสภาพผิวบนใบหน้าได้ ด้วยความบริสุทธิ์มากถึง 99.5 % สามารถช่วยให้คงรูปร่างรูปทรงตามที่ต้องการได้นานกว่ายี่ห้ออื่น 

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  อยู่ได้โดยประมาณ 5 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 50 ยูนิต กับ 100 ยูนิต

 

3. Botox ยี่ห้อ Aestox : เป็นยี่ห้อโบท็อกจากประเทศเกาหลีใต้ที่ออกฤทธิ์ได้ไวกว่ายี่ห้ออื่น ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยจาก Korea Food & Drug Administration ( KFDA )

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้นานประมาณ  4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 50 ยูนิต ,100 ยูนิต , 200 ยูนิต

 

4. Botox ยี่ห้อ HUGEL : เป็นโบท็อกอีกหนึ่งยี่ห้อที่มีผู้ผลิตเดียวกันกับยี่ห้อ Aestox จากประเทศเกาหลีใต้

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้ประมาณ  5 – 6 เดือน (เมื่อฉีดหน้าผากหรือฉีดบริเวณกราม)

- มีขนาดปริมาณ : 50 ยูนิต , 200 ยูนิต

 

5. Botox ยี่ห้อ Botulax : โบท็อกอีกหนึ่งยี่ห้อซึ่งผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ ทั้งยังมีผู้ผลิตเดียวกันกับ Botox ยี่ห้อ Aestox กับยี่ห้อ HUGEL ที่ได้ผ่านการรับรองจาก Korea Food & Drug Administration (KFDA) 

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้นานประมาณ  4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 50 ยูนิต ,100 ยูนิต , 200 ยูนิต

 

6. Botox ยี่ห้อ NABOTA: เป็นยี่ห้อโบท็อกจากประเทศเกาหลีใต้อีกยี่ห้อหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สูง มีการออกฤทธิ์ไว ทั้งยังได้รับการรับรองจาก U.S. Food and Drug Administration (USFDA) 

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้ประมาณ  4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 100 ยูนิต (นำเข้าประเทศไทยเพียง 1 ขนาด)

 

7. Botox ยี่ห้อ CLODEW : เป็นยี่ห้อโบท็อกที่เป็นผู้ผลิตเดียวกันกับ Botox ยี่ห้อ NABOTA จากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเนื้อสารที่มีความบริสุทธิ์สูง สามารถออกฤทธิ์ไวนั้นเอง

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้ประมาณ  4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 100 ยูนิต 

 

8. Botox ยี่ห้อ Dysport: โบท็อกจากประเทศอังกฤษที่ช่วยสารที่ฉีดเข้าไม่กระจุกรวมตัวกันในบริเวณเดียว สามารถทำให้เกิดการกระจายตัวได้ 

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้ประมาณ  4 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 300 ยูนิต , 500 ยูนิต

 

9. Botox ยี่ห้อ BTXA : โบท็อกที่มาจากประเทศฮ่องกง เมื่อฉีกสารเข้าไปสามารถออกฤทธิ์ได้ไว เนื้อสารมีความบริสุทธิ์มาก

- ระยะเวลาในการคงอยู่ :  สามารถอยู่ได้ประมาณ  3 – 6 เดือน

- มีขนาดปริมาณ : 100 ยูนิต

การตรวจสอบยี่ห้อโบท็อกลดกรามควรดูจากอะไรบ้าง 

การตรวจสอบยี่ห้อของโบท็อกซ์กราม จะขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ กรรมวิธีการผลิตตัวยาให้ได้เนื้อสารที่มีความบริสุทธิ์ ทั้งขนาดของส่วนประกอบที่สำคัญ ความคงทนต่อการเก็บรักษาในแต่ละอุณหภูมิ รวมไปจงถึงข้อสังเกตยี่ห้อโบท็อกกราม ราคาที่เหมาะสมไม่แพงจนเกินไป หรือโบท็อกกราม ราคาถูกจนก่อให้เกิดความสงสัยว่าเป็นโบท็อกกรามปลอมได้ จะมีด้วยกันดังนี้ 

สภาพกล่องโบท็อกกรามที่ท่านต้องใช้ฉีดมีสภาพใหม่ ฝากล่องปิดแน่นสนิทจากโรงงานที่ผลิต กล่องสมบูรณ์ไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน 

- ระบุวันที่ผลิต / วันหมดอายุของกล่อง รวมถึงระบุเลขล็อตที่ผลิตแต่ละยี่ห้อได้อย่างชัดเจน  

- ฝาขวดก่อนฉีดมีสภาพสมบูรณ์ มีการแกะยืนยันจากกล่องก่อนฉีดให้ผู้ใช้บริการต่อหน้าทันที

- สามารถระบุชื่อของบริษัทที่นำเข้าโบท็อกได้อย่างครบถ้วน ทั้งยังสามารถตรวจสอบบริษัทที่นำเข้าได้ในทันที

- Botox บางยี่ห้อสามารถระบุเลขที่ผลิตล็อตที่ตรงกันทั้ง 2 จุดได้ เช่น เลขข้างกล่องกับเลขขวดต้องตรงกัน เป็นต้น ในบางยี่ห้อจะสามารถขูดแถบด้านข้างกล่อง เพื่อให้สามารถสแกนคิว อาร์โค้ดได้โดยตรง

- เนื้อตัวสารที่ใช้ในการฉีดต้องมีลักษณะสีขุ่นอยู่ในบริเวณก้นขวดเท่านั้น และการใช้งานต้องใช้เข็มผลิตที่ผสมน้ำเกลือในการเจือจางตัวยาดูดผสมโบท็อกก่อนลงมือฉีดจากแพทย์ที่ดูแล

ดังนั้นท่านควรศึกษาข้อมูลในการเข้าใช้บริการฉีดโบท็อกกรามให้ดีที่สุด หากท่านสังเกตเห็นความผิดปกติจากรายละเอียดที่ได้แนะนำไป รวมถึงการได้ทำหัตถการจากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลร้ายที่คาดไม่ถึง ทั้งด้านการดื้อยา การพบเจอยาปลอม และต้องรักษาผลข้างเคียงในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน

 


ควรเลือกโบท็อกกราม จากสถานพยาบาลที่ไหนดี

ฉีดโบลดกรามที่ไหนดี ควรเลือกพิจารณาจากอะไรได้บ้าง 

การฉีดโบท็อกกราม จะเป็นการนำสารโบท็อกเข้าสู่บริเวณที่ต้องการแกไขปัญหา เพื่อให้การทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ทำงานได้ช้าลงจนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามการเข้าใช้บริการโบท็อกกรามจะต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ทั้งความชำนาญของแพทย์ที่ได้ทำการดูแลรักษา เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยต่อผู้เข้าใช้บริการ ซึ่งท่านสามารถเลือกพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ 

 

การเลือกสถานพยาบาล 

ในการเลือกคลินิก หรือสถานพยาบาล ท่านควรเลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐานมีความปลอดภัย ซึ่งผ่านการรับรองใบอนุญาตในการเปิดให้บริการจากกระทรวงสาธารณสุข ที่มีเลขใบอนุญาต 11 หลัก รวมทั้งสถานที่ตั้งของคลินิกจะต้องมีความปลอดภัยได้มาตรฐาน มีความสะอาด สามารถมองเห็นที่ตั้งได้เด่นชัด ไม่อยู่ในมุมลับสายตาผู้คน มีบริเวณที่จอดรถได้อย่างสะดวกสบาย 

 

เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง

ท่านสามารถตรวจสอบแพทย์ที่ทำการดูแลรักษาจากเว็บไซต์แพทยสภา การรับรองใบประกอบวิชาชีพ รวมทั้งสามารถยืนยันความชำนาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการทำหัตถการนี้หรือไม่ โดยมีชื่อ – สกุล ตรงตามที่ได้ระบุในแพทยสภาหรือไม่เพื่อให้ท่านได้รับความปลอดภัยต่อการเข้ารับการฉีดลดกรามนั้นเอง

 

ยี่ห้อโบท็อกได้มาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่

ก่อนการเข้ารับบริการฉีดโบท็อกกราม ท่านสามารถตรวจสอบยี่ห้อโบท็อกที่ใช้ ซึ่งสามารถตรวจสอบกับบริษัทที่นำเข้ามา รวมถึงขั้นตอนตั้งแต่การแกะกล่องบรรจุภัณฑ์ จนถึงการนำเข็มฉีดเข้าสู่ผิว จะต้องมีขั้นตอนที่มีความปลอดภัย

 

การติดต่อสื่อสาร

ท่านสามารถติดต่อกับสถานพยาบาล หรือคลินิกได้ตลอดเวลา สามารถให้คำปรึกษา การติดตามผลก่อน - หลังเข้าใช้บริการได้ โดยผ่านช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน

 

มีรีวิวจากผู้เคยใช้บริการจริง

นอกจากการเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานแล้วนั้น การศึกษาข้อมูล และจะต้องรีวิวฉีดโบลดกรามจากผู้เข้าใช้บริการตัวจริงที่ดูน่าเชื่อถือในด้านผลลัพธ์หลังการฉีด จะต้องไม่มีหน้าม้า หรือการรับจ้างรีวิวที่ดูเกินจริง


สรุปฉีดโบลดกรามดีไหม

จากข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโบท็อกกรามที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจให้ท่านได้พิจารณาเลือกใช้บริการโบท็อกกราม ราคาที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการแก้ปัญหาลดความกังวลจากตัวท่านได้อีกทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามการเข้ารับคำปรึกษา และขอคำแนะนำจากแพทย์ที่มากประสบการณ์เฉพาะด้านก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ท่านได้ตัดสินใจรวมทั้งยังช่วยให้ท่านได้วางใจกับความปลอดภัยในระยะยาวได้อีกด้วย

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที