ธนงทวย

ผู้เขียน : ธนงทวย

อัพเดท: 15 มิ.ย. 2024 01.09 น. บทความนี้มีผู้ชม: 89 ครั้ง

วิธีรักษาสิวมีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งรักษาด้วยตัวเองหรือไปพบคุณหมอต่าง ๆ โดยหัวใจสำคัญสำหรับวิธีรักษาสิว คือการหมั่นดูแลผิวให้สะอาดและแข็งแรงอยู่เสมอ


วิธีรักษาสิวทำอย่างไรได้บ้าง พร้อมวิธีดูแลผิวหน้าตัวเองให้เนียนใสห่างไกลสิว

วิธีรักษาสิวมีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งรักษาด้วยตัวเองหรือไปพบคุณหมอต่าง ๆ โดยหัวใจสำคัญสำหรับวิธีรักษาสิว คือการหมั่นดูแลผิวให้สะอาดและแข็งแรงอยู่เสมอ


วิธีรักษาสิว

 

หนึ่งในปัญหากวนใจใครหลาย ๆ คนคงไม่พ้นเรื่องของ “สิว” เจ้าตุ่มนูนอักเสบสร้างความไม่มั่นใจให้แก่เจ้าของผิวหน้า ร้ายกว่านั้นยังลามไปยังบริเวณอื่นของร่างกายได้อีกด้วย กลุ่มคนที่เผชิญหรือต้องประสบปัญหาสิวจึงพยายามหาวิธีรักษาสิว แต่พอสิวเก่าหายไปสิวใหม่ก็กลับมาอยู่ดี แล้วจะมีวิธีรักษาสิวแบบไหนบ้างที่จัดการปัญหานี้ได้อย่างถาวร


สิว เกิดขึ้นได้จากอะไร พฤติกรรมใดบ้างที่ก่อให้เกิดสิวบนใบหน้า

สิว (Acne) คือปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมันตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่าง หน้า คอ แผ่นหลัง โดยส่วนใหญ่มักเกิดในช่วงวัยรุ่นอายุราว ๆ 14-19 ปีโดยประมาณ แต่เคสที่เป็นสิวจนกระทั่งอายุเข้าวัยเลข 4 แล้วยังต้องรักษาสิวอยู่ก็มีเช่นกัน


ปัจจัยในการเกิดสิวมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกันทั้งจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่พักผ่อนน้อย เครียดบ่อยทำความสะอาดร่างกายไม่ดีพอ หรือเกิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมอย่างฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน การรับประทานของมันของทอด รวมถึงน้ำตาลที่มากเกินไปก็เพิ่มโอกาสเป็นสิวได้ นอกจากนี้แล้วการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมรักษาสิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวจนก่อให้เกิดการอุดตัน รวมไปถึงฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เป็นอีกสาเหตุหลักของการเกิดสิว


สิวสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ สิวอักเสบ และสิวไม่อักเสบ

- สิวอักเสบ

ได้แก่ สิวอักเสบไม่มีหัว และสิวหัวช้าง โดย่วนมากสิวอักเสบเกิดจากต่อมไขมันทำงานผิดปกติ

- สิวไม่อักเสบ

ได้แก่ สิวอุดตัน, สิวผด, สิวหิน และสิวข้าวสาร โดยสิวอุดตันเกิดจากสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน


6 วิธีรักษาสิวแบบเห็นผล รวมวิธีการดูแลผิวหน้าและจัดการสิวตัวร้ายให้อยู่หมัด

วิธีลดสิว

 

1. รักษาสิวโดยวิธีการฉีดรักษา

วิธีการรักษาสิวโดยการฉีดรักษาเป็นวิธีที่เห็นผลได้เร็ว แต่ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น เนื่องจากวิธีการนี้จะใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ฉีดไปยังบริเวณใต้หัวสิวอักเสบต่าง ๆ อย่างสิวอักเสบแบบตุ่ม สิวอักเสบลึก สิวซีสต์ สิวหัวช้าง หรือสิวเป็นหนอง ซึ่งวิธีการนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยาไตรแอมซิโนโลน ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน เบาหวาน และความดันโลหิตสูงรุนแรง โดยอาจจะเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาอย่างรอยบุ๋ม อาการช้ำ หรือผิวหนังอักเสบได้หากรักษากับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ


นอกจากนี้แล้วการฉีดวิตามินผิวหรือการฉีดเมโสหน้าใสก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เห็นผลได้ไว แต่ควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ อีกทั้งผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวก็สามารถเลือกแก้ปัญหาหรือรักษาสิวได้ด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ซึ่งวิธีการนี้เหมาะอย่างมากกับผู้ที่ไม่ต้องการเสียเวลาพักหลังรักษา

2. รักษาสิวโดยวิธีการเลเซอร์

วิธีการรักษาสิวโดยการยิงเลเซอร์ ถือเป็นหัตถการรักษายอดนิยมวิธีหนึ่งในปัจจุบัน โดยเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาแต่ละตัวก็เหมาะกับลักษณะของสิวที่ต่างกันออกไป ซึ่งชื่อที่ใครหลายคนคงคุ้นเคยกันดีนั่นคือ พิโคเลเซอร์ (Picosecond Laser) ที่เป็นการใช้คลื่นพลังงานแตกตัวเม็ดสีในผิว เป็นวิธีรักษารอยดำจากสิวเร็วที่สุด วิธีการรักษาสิวโดยการยิงเลเซอร์ควรดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีที่สุดและลดการเกิดผลข้างเคียง

3. รักษาสิวโดยวิธีการการกดสิว

วิธีการรักษาสิวโดยการกดสิวดูแล้วให้ความรู้สึกคล้ายกันกับการบีบกดสิวออกด้วยตัวเอง แต่ความจริงแล้ว การกระทำดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคือการเกิดรอยดำ รอยแดง หลุมสิว หนักสุดคืออาจเป็นแผลได้ ซึ่งวิธีการรักษาสิวโดยการกดสิวนั้นจะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ให้การรักษา ใช้เครื่องมือกดสิวที่สะอาดผ่านการฆ่าเชื้อเรียบร้อยเพื่อนำสิวอุดตันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกก่อนที่จะเกิดอาการอักเสบมากขึ้น

4. รักษาสิวโดยวิธีการใช้ยารักษาสิว

วิธีการรักษาสิวโดยการใช้ยารักษาสิวมีทั้งแบบยาทาและยาทาน โดยการรักษาสิวแบบใช้ยาทาจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวไม่รุนแรงมากนัก ทำได้ง่ายเพียงแค่ทายาทิ้งไว้แต่ไม่ควรใช้ในปริมาณมาก เนื่องจากตัวยาที่ใช้เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียจากสิว กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและลดอาการระคายเคือง ซึ่งหากใช้เป็นระยะเวลานานเกินไปอาจเกิดอาการดื้อยาได้


สำหรับวิธีการรักษาสิวโดยการใช้ยารักษาแบบทานจะเหมาะกับผู้มีปัญหาสิวที่อยู่ในระยะอักเสบรุนแรงมากกว่าแบบทา ซึ่งวิธีนี้จะไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์เนื่องจากตัวยาปฏิชีวนะต่าง ๆ ที่ใช้ทานเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียอาจส่งผลร้ายแรงถึงทารกในครรภ์ได้ เรียกว่าเป็นวิธีรักษาสิวที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรหาซื้อมาทานเอง

5. รักษาสิวโดยวิธีการใช้แผ่นแปะรักษาสิว

วิธีการรักษาสิวโดยการโดยการใช้แผ่นแปะรักษาสิว ใครหลายคนอาจยังสงสัยว่าวิธีลดสิวนี้ช่วยรักษาสิวอุดตันได้จริงหรือ? ซึ่งวิธีการรักษาสิวอุดตันด้วยตัวเองโดยการโดยการใช้แผ่นแปะจะช่วยดูดของเหลวรวมถึงสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ออก ช่วยให้สิวยุบไว ลดการอักเสบ โดยแผ่นแปะจะมีลักษณะบางแนบสนิทไปกับผิว ติดแน่นติดทนหลุดยาก แถมวิธีการใช้ยังง่ายมาก ๆ  เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาเพราะติดงาน ต้องเดินทางและแต่งหน้าบ่อย

6. รักษาสิวโดยวิธีการผลัดเซลล์ผิว

วิธีการรักษาสิวรักษาสิวโดยการผลัดเซลล์ผิวที่เรียกว่า Chemical peeling เป็นวิธีการรักษาที่ใช้สารเคมีซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดมาทำให้ผิวหนังชั้นนอกหลุดออกเพื่อสร้างผิวหนังชั้นเดิมขึ้นมาใหม่ ซึ่งสารเคมีแต่ละตัวก็จะมีคุณสมบัติและความเข้มข้นที่ต่างกันไป โดยตัวที่นิยมใช้มีอย่างเช่น AHA, BHA และ TCA ผลลัพธ์ที่ได้ผิวจะมีความนุ่ม เรียบเนียน ไม่มีการอุดตันซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ต้องให้การดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงมากเท่านั้น


10 วิธีป้องกันผิวหน้าแข็งแรง รักษาสิวด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

  1. งดการบีบ แคะ แกะเกาสิว เพราะเสี่ยงต่อการเกิดสิวที่มากขึ้นแถมยังทิ้งปัญหาผิวไว้อีกด้วย อย่างรอยดำ รอยแดง หรือแม้กระทั่งหลุมสิว
  2. ผิวหน้าที่แข็งแรงจะยากต่อการเกิดสิว แต่ถ้าหากเป็นสิวบ่อยหรือเป็นอยู่ ควรรักษาสิวให้หายดีก่อนแล้วค่อยเริ่มบำรุงเพื่อป้องกันสิวเกิดใหม่
  3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวตนเอง เนื้อผลิตภัณฑ์อ่อนโยนกับผิว หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับรักษาสิว
  4. ล้างหน้าให้สะอาด ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้อง และไม่ล้างหน้าบ่อยจนเกินไป
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู
  6.  พยายามไม่เครียด หากิจกรรมที่ช่วยบรรเทาให้อารมณ์แจ่มใส
  7. หมั่นทำความสะอาดสิ่งของ ข้าวของเครื่องใช้ที่อาจสัมผัสกับผิวเป็นประจำ รวมถึงลดการใช้มือสัมผัสกับผิวหน้าโดยไม่จำเป็น เพื่อลดปัจจัยเกิดสิวจากแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกที่ติดมากับมือ
  8. หลีกเลี่ยงแสงแดดในชีวิตประจำวัน เพราะแสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ อย่าลืมทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิว
  9. เลือกการรับประทานอาหารโดยแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทของทอดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมที่จะกระตุ้นให้เกิดสิว
  10. ดื่มน้ำมาก ๆ โดยเฉพาะน้ำเปล่าเฉลี่ยราว ๆ 1.5 ลิตร/วัน เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักสำคัญของร่างกาย

สรุปวิธีการรักษาสิวให้ได้ประสิทธิภาพ

ถึงแม้สิวจะมีอยู่หลายประเภท แต่การรักษาสิวเองก็มีอยู่หลายวิธีด้วยเช่นกัน โดยสามารถดูแลตัวเองได้เริ่มตั้งแต่การรักษาสุขอนามัยส่วนตัว หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทำให้เกิดสิว อย่างเช่น นอนน้อย เครียด หาครีมรักษารอยสิวต่าง ๆ มาทารักษารอยแดงจากสิว หรือรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง


แต่สิวบางชนิดที่มีการอักเสบรุนแรง ไม่สามารถรักษาสิวด้วยตัวเองได้ การเลือกเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำรักษาสิวอักเสบ ปรึกษาลดสิว การรักษาสิวที่หลังอย่างถูกต้อง ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมั่นใจได้ในประสิทธิภาพของการรักษาว่าสิวตัวร้ายจะหายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำ ได้เวลาโชว์หน้าสวย อวดผิวเนียนใสได้อย่างมั่นใจ



 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที