โทรศัพท์มือถือ จัดว่าเป็นอุปกรณ์การสื่อสารที่มีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยให้การ ติดต่อสื่อสารต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แต่แน่นอนว่ามือถือแต่ละเครื่องนั้นก็มีราคาแตกต่างกันไป ตามการดีไซน์ ฟังก์ชั่น และปัจจัยอื่น ๆ
แน่นอนว่าฟังก์ชั่นที่หลาย ๆ คนชื่นชอบและมักจะใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกมือถือสักเครื่อง คือ กล้องที่ใช้ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ และความลื่นในการเล่นเกมนั่นเอง ถ้าคุณกำลังมองหา โทรศัพท์ราคาไม่เกิน 3000 ที่น่าสนใจ รวมฟังก์ชั่นจัดเต็มไว้ในเครื่องเดียว เราก็มีข้อมูลมาแนะนำให้ติดตามกันเช่นเคย
ถ้าหากต้องซื้อมือถือ หลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไมถึงควรหรือทำไมต้องซื้อโทรศัพท์ที่ไม่เกิน 3000 บาท เรามีข้อสรุปที่น่าสนใจ ดังนี้
- ราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ทุกคน
สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือมีงบในการซื้อโทรศัพท์อยู่จำกัด การเลือกซื้อโทรศัพท์แบบนี้ก็ถือว่ามีราคาย่อมเยา เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ซื้อได้ทุกคน
- ฟังก์ชั่นเข้าใจง่าย ใช้งานง่าย
โทรศัพท์ที่มีราคาไม่สูงมากนัก มักจะวางระบบมาอย่างเรียบง่าย ทำให้สามารถเข้าใจระบบได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลามาทำความเข้าใจระบบมาก ซื้อแล้วใช้งานได้เลย เมนูต่าง ๆ นั้นก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน แม้ผู้สูงอายุก็ใช้ได้
- ทนทาน ใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน
ใครที่ต้องการโทรศัพท์มือถือราคาถูก ๆ อาจจะเลือกจากความทนทานของตัวเครื่องและแบตเตอรี่ ว่าใช้งานได้ยาวนานทั้งวันหรือไม่ ซึ่งคุณสามารถเลือกได้จากวามจุของแบตเตอรี่ที่มีบอกไว้กับสเปคเครื่องของโทรศัพท์แต่ละยี่ห้อนั่นเอง
ถ้ารู้วัตถุประสงค์ในการเลือกซื้อมือถือแล้วว่า ต้องการมือถือที่ตอบโจทย์แบบไหน เช่น เล่นเกมไม่สะดุด แบตทน กล้องดี เป็นต้น เราก็มีเคล็ดลับในการเลือกซื้อ โทรศัพท์ vivo ราคา ไม่ เกิน 3 000 มาแนะนำ ดังนี้
ชิปเซ็ต: ชิปเซ็ตนั้นส่งผลต่อการประมวลผลของโทรศัพท์สมาร์ตโฟนอย่างมากเลยทีเดียว โดยชิปเซ็ตมาแรงยอดนิยมนั้นก็มีมากมาย เช่น Snapdragon Exynos MediaTex เป็นต้น แต่ราคามือถือนั้นก็สูงขึ้นได้ตามความแรงของชิปเซ็ตเช่นกัน
แรม: สำหรับหน่วยความจำ หรือ แรม ควรเลือกแรมที่ให้ 6 GB ขึ้นไป เพื่อให้จัดเก็บไฟล์และข้อมูลต่าง ๆ ได้ครบถ้วนตามที่คุณต้องการ
กล้องถ่ายรูป: ใครที่เป็นสายถ่ายรูป ชอบเซลฟี่ ก็ต้องเลือกกล้องหน้าและกล้องหลังที่มีความคมชัดค่อนข้างสูง เช่น 5 MP ขึ้นไป เพื่อให้ถ่ายรูปได้ชัดในระดับพื้นฐาน
แบตเตอรี่: แบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใช้งานมือถือได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คุณควรเลือกแบตเตอรี่ที่ทนทาน ใช้งานได้ทั้งวัน และความจุเยอะ อย่างแบตที่ให้ 3,000 mAh ขึ้นไป
หน้าจอ: ความละเอียดและคมชัดของหน้าจอเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้มือถือได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ควรเลือกหน้าจอมือถือสมาร์ตโฟนที่มีความชัดในระดับ HD+ ขึ้นไป เช่น ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล
โทรศัพท์ ไม่ เกิน 3000 นั้นเป็นมือถือที่เรียกได้ว่าราคาเกินคุ้ม เหมาะกับคนที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด แต่อยากได้สมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การสื่อสารและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ถ้าหากคุณกำลังมองหามือถือในงบ 3000 บาท แต่ไม่รู้จะมียี่ห้อไหนน่าสนใจบ้าง หรือรุ่นไหนที่ตอบโจทย์คุณ เรารวบรวม 10 รุ่นที่น่าสนใจให้คุณในที่เดียว มียี่ห้อไหนบ้าง มาดูกันเลย
เปิดด้วยมือถือที่หน้าตาน่ารัก น่าใช้ จากแบรนด์ iTel ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ โดยใช้ระบบ Android 10 (GO edition) หน้าจอมีความกว้างกำลังดี ขนาดพอดีมือ รุ่นนี้สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ ปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกขั้น เหมาะกับการใช้งานทั่ว ๆ ไป ไม่หนัก มีให้เลือกทั้งหมด 2 โทนสี สีม่วงพาสเทล (Light Purple) และเขียวพาสเทล (Gradation Green)
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (GO edition)
- หน่วยความจำ RAM 2 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 128 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 5.7 นิ้ว (แนวทแยง) ความละเอียด 720 x 1520 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 2 MP กล้องหลัง 5 MP
- แบตเตอรี่ ความจุ 3,020 mAh
- สแกนลายนิ้วมือได้ ปลดล็อกด้วยใบหน้าได้
โทรศัพท์ราคาไม่เกิน3000 ที่ขนาดค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ดีไซน์เท่ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1
หน้าจอกว้าง เห็นรายละเอียดชัดเจน ให้กล้องถ่ายรูปที่มีความชัดพื้นฐาน อย่างกล้องหน้า 5 MP และกล้องหลัง 13 MP พร้อมแฟลช LED โดยรุ่นนี้มีทั้งหมด 2 สีด้วยกัน คือ สีดำ (Black) และสีแดง (Red)
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1
- หน่วยความจำ RAM 3 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.22 นิ้ว (แนวทแยง) ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 13 MP พร้อมแฟลช LED
- แบตเตอรี่ ความจุ 3,260 mAh
- รองรับ 4G Wi – Fi และบลูทูธ
นี่เป็นมือถืออีกรุ่นที่เรียกได้ว่าราคาถูกมาก ๆ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป สามารถรองรับ Nano – Sim ได้ 2 ซิม รุ่นนี้มี 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และสีน้ำเงิน (Blue) ดีไซน์สีสันสะดุดตา โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของ Vivo หน้าจอขนาดใหญ่ กว้างถึง 6.22 นิ้ว มองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1
- หน่วยความจำ RAM 2 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.22 นิ้ว (แนวทแยง) ความละเอียด 720 x 1520 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 13 MP มาพร้อมไฟแฟลช LED
- แบตเตอรี่ ความจุ 4,030 mAh
- รองรับ 4G Wi – Fi และบลูทูธ
มือถืออีกรุ่นที่ถือว่าราคาถูกมาก ๆ หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สีเขียว (Gradation Green) และสีม่วง (Gradation Purple) สามารถเข้าถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้าได้ ใช้งานได้ปลอดภัย หายห่วงแน่นอน
- ระบบปฏิบัติการ Android 10
- หน่วยความจำ RAM 2 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 128 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1520 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 5 MP + QVGA
- แบตเตอรี่ ความจุ 3,000 mAh
- สแกนลายนิ้วมือ สแกนใบหน้าได้
มือถือรุ่นนี้พกฟังก์ชั่นมาแบบจัดเต็ม แต่ระบบปฏิบัติการอาจจะไม่ทันสมัย เพราะมาพร้อม Android 9 ให้หน่วยความจำ RAM 6 GB และ ROM มากถึง 128 GB ความจุแบตเตอรี่ 5000 mAh นอกจากนี้ยัง รองรับการชาร์จไว ถึง 18W อีกด้วย มี 2 สีให้เลือก คือ สีดำ (Magnetic Black) และสีขาว (Spring White) จัดเต็มทั้งแบต ทั้งกล้อง ในราคาไม่ถึง 2 พันแบบนี้ บอกเลยว่าคุ้มสุด ๆ
- ระบบปฏิบัติการ Android 9
- หน่วยความจำ RAM 6 GB ROM 128 GB รองรับ SD Card
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (Full HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 16 MP กล้องหลัง 16 MP พร้อมกล้องเลนส์กว้าง 8 MP และกล้องเลนส์ซูม 2 MP
- แบตเตอรี่ ความจุ 5,000 mAh
- รองรับระบบ 4G Wi – Fi บลูทูธ และรองรับการชาร์จไว (Fast Charging) ถึง 18W
มากันที่ โทรศัพท์ราคาไม่เกิน3000 รุ่นนี้กันบ้าง เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสามารถสแกนใบหน้าได้ เพิ่มความปลอดภัยให้การใช้งานไปอีกขั้น แถมหน้าจอยังมีความละเอียดแบบ HD+ มองเห็นสีสันชัด เต็มตา เต็มจอไปเลย ราคาน่ารักขนาดนี้ ต้องมีแล้ว
- ระบบปฏิบัติการ Android 11
- หน่วยความจำ RAM 3 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1560 x 720 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 13 MP (กล้องหลังมีแฟลช)
- แบตเตอรี่ ความจุ 3,600 mAh
- มีระบบสแกนใบหน้า
โทรศัพท์ มือ ถือ ราคา ไม่ เกิน 3000 ที่น่าซื้ออีกตัว ก็ต้องรุ่นนี้เลย มาพร้อมระบบ Android 11 หน้าจอไม่กว้างมากนักหากเทียบกับรุ่นอื่น ๆ แต่จัดเต็มเรื่องฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปอยู่พอสมควร ให้ กล้องหน้า 8 MP กล้องหลัง 13 MP พร้อมกล้องเลนส์ซูม 2 และยังรองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging) 10W อีกด้วย ถือว่าพกพาไปใช้งานได้แบบหายห่วง
มีให้คุณเลือก 2 สี คือ สี Mystic Blue และสี Wave Green
- ระบบปฏิบัติการ Android 11
- หน่วยความจำ RAM 3 GB ROM 32 GB รองรับ SD Card
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด 1600 x 720 (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 8 MP กล้องหลัง 13 MP พร้อมกล้องเลนส์ซูม 2 MP
- แบตเตอรี่ ความจุ 5,000 mAh
- รองรับ 4G Wi – Fi และบลูทูธ รองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging) 10W
ถ้ามองหาโทรศัพท์ที่ใช้งานพื้นฐานได้ และยังให้ฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์หลาย ๆ ด้าน ต้องรุ่นนี้เลย เพราะระบบเสียงดี มีระบบ Dolby Atmos ช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง ดูหนังได้มาก แต่ข้อเสียคือ มาพร้อมระบบ Android 7.1.1 (Nougat) ที่ได้รับความนิยมน้อยลงแล้ว หน้าจอค่อนข้างเล็ก แต่ในเรื่องความปลอดภัยก็ทำได้ดี เพราะมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง และรองรับการชาร์จไว (Fast Charging) 15W ใครงบน้อย รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจเลย
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat)
- หน่วยความจำ RAM 4 GB ROM 64 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 128 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (HD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 13 MP กล้องหลัง 5 MP (เลนส์คู่)
- แบตเตอรี่ ความจุ 4,000 mAh
- รองรับการชาร์จไว (Fast Charging) 15W สแกนลายนิ้วมือได้
โทรศัพท์จากค่ายมือถือใหญ่ อย่าง TRUE ก็เอาใจคนงบน้อยด้วย โทรศัพท์ราคาไม่เกิน3000 ที่ไม่ ได้มาเล่น ๆ เพราะรองรับ 5G Wi – Fi และยังใส่ได้ 2 ซิมอีกด้วย มาพร้อมระบบ Android 11 ให้ ROM 128 GB จัดเต็ม แถมเรื่องกล้องก็ไม่แพ้ใคร เพราะกล้องหน้ามีความละเอียด 8 MP และกล้องหลัง 13 MP ถือว่า คุ้มราคาสุด ๆ ตัวเครื่องสีเทา (Grey) สุดเท่ ให้คุณเป็นเจ้าของได้ ในราคาที่ดีต่อใจ
- ระบบปฏิบัติการ Android 11
- หน่วยความจำ RAM 5 GB ROM 128 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 128 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.5 นิ้ว
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 8 MP กล้องหลัง 13 MP
- แบตเตอรี่ ความจุ 4,000 mAh
- รองรับ 4G 5G Wi – Fi และรองรับการใส่ซิมการ์ด 2 ซิม
ปิดท้ายกันด้วยมือถือฝั่งจีนอย่าง Huawei ที่ออก โทรศัพท์ ราคา ไม่ เกิน 3000 เล่น เกม ลื่น มาให้สาย เกมเข้าถึงได้ โดยตัวเครื่องรองรับซิมการ์ดได้ 2 ซิม มาพร้อมระบบ Android 8.1 หน้าจอ Full HD+ ให้ ROM 128 GB ใช้เล่นเกมได้ยาว ๆ มองเห็นแบบคมชัด ไม่กระตุก นอกจากนี้ยังให้กล้องหน้า 24 MP และกล้อง หลัง 16 MP อีกด้วย จัดเต็มได้ในราคาไม่ถึง 2 พัน รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ (Black) ขาวมุก (Pearl White) และม่วง (Iris Purple) เด็ดแบบนี้ สายเกมต้องมีแล้วว
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1
- หน่วยความจำ RAM 4 GB ROM 128 GB รองรับ SD Card ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอแสดงผล ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (FHD+)
- กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า 24 MP กล้องหลัง 16 MP และกล้อง Depth 2 MP
- แบตเตอรี่ ความจุ 3,340 mAh
- รองรับ 4G และ Wi – Fi รองรับซิมการ์ดได้ 2 ซิม
หากคุณต้องการซื้อโทรศัพท์สมาร์ตโฟนสักเครื่อง คุณควรเลือกสิ่งที่เหมาะและคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มกับเงินที่จ่ายไป ถ้าใครอยากซื้อมือถือ แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวยังไงให้เลือกมือถือได้ปังที่สุด เรามีคำแนะนำสำหรับคุณ มาดูเคล็ดลับก่อนไปซื้อ โทรศัพท์ มือ ถือ ไม่ เกิน 3000 กันได้เลย
- เปรียบเทียบราคาและสเปคจากหลายร้านค้า
ก่อนที่จะเลือกซื้อมือถือรุ่นที่คุณเล็งไว้แล้วว่าถูกใจ เราแนะนำให้คุณเปรียบเทียบราคาและสเปคมือถือก่อน ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์ในการใช้เปรียบเทียบราคาที่น่าเชื่อถือมากมาย เมื่อได้ราคาที่ถูกที่สุด กับร้านที่น่าเชื่อถือที่สุด จึงตัดสินใจซื้อ ซึ่งทางเว็บไซต์ treemobile เป็นผู้จำหน่ายมือถือในราคาที่ถูกที่สุด ถ้าหากเปรียบเทียบกับร้านค้าบนเว็บไซต์แหล่งอื่น ๆ เรื่องมือถือ ไว้ใจเราได้เลย
- เลือกซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้
นอกจากจะเลือกมือถือที่ราคาดี ๆ แล้ว ความน่าเชื่อถือของร้านนั้นก็มีผลกระทบโดยตรงสำหรับลูกค้าเช่นคุณ ดังนั้น คุณควรเลือกสั่งซื้อสินค้าจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีรีวิวจากลูกค้าที่ซื้อจริง มีการอัพเดตข้อมูลและมีประสบการณ์ขายมายาวนาน
- ตรวจสอบสภาพเครื่องก่อนซื้อ
สิ่งที่ทำให้คนรับของหรือผู้ซื้อเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ สภาพของมือถือที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้น คุณควรสอบถามกับทางร้านว่ามือถือที่ขายนั้นมีสภาพเครื่องเป็นอย่างไร โดยเน้นบริเวณที่น่าจะมีความเสียหายได้ง่ายที่สุด เช่น รอยขีดข่วนบนเครื่อง หน้าจอมือถือ ด้านนอกตัวเครื่อง เป็นต้น
- ศึกษาข้อมูลการรับประกัน
เมื่อสั่งซื้อสินค้าพวกโทรศัพท์มือถือจากทางเว็บไซต์ออนไลน์ สิ่งที่ผู้ขายมักจะแจ้งให้ทราบหรือให้บริการคุณหลังการขาย ก็คือ “การประกันสินค้า” นั่นเองซึ่งคุณควรตัดสินใจจากระยะเวลาการให้รับประกัน ว่าสามารถเคลมได้ในช่วงระยะเวลาใด เช่น ภายใน 6 เดือน ภายใน 1 ปี เป็นต้น เท่านี้ก็ดูแลและใช้งานมือถือใหม่ของคุณได้อุ่นใจมากยิ่งขึ้นแล้ว
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที