สำหรับผู้ประกอบการโรงงาน นอกจากต้องควบคุมมลภาวะอย่างน้ำเสีย อากาศเสีย ที่เกิดจากกระบวนการผลิต และต้องควบคุมคุณภาพก่อนปลดปล่อยออกจากโรงงานตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว การสั่นสะเทือน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่มีการกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องควบคุมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ปฏิบัติงาน ชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ลองมาดูกันว่าเหตุใดแรงสั่นสะเทือนจึงส่งผลอันตรายต่อคน เครื่องจักร และสิ่งแวดล้อมได้ และจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร
การสั่นสะเทือนในโรงงาน คืออะไร
การสั่นสะเทือน หมายถึง แรงสั่นไหวหรือการเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็วของวัตถุในโรงงาน แรงสั่นสะเทือนมักเกิดจากการทำงานของเครื่องจักรกล เช่น มอเตอร์ พัดลม ปั๊ม สายพาน และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ทำไมการกำหนดแรงสั่นสะเทือนจึงมีความสำคัญ ?
อันตรายจากแรงสั่นสะเทือนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือน ความถี่ของแรงสั่นสะเทือน ระยะเวลาที่สัมผัสกับแรงสั่นสะเทือน และสุขภาพของบุคคล ดังนั้น การสั่นสะเทือนในโรงงาน อาจส่งผลเสียต่อคน เครื่องจักร สิ่งแวดล้อม และชุมชนรอบข้างได้ ดังนี้
อันตรายต่อคน
ความเสียหายต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ : การสัมผัสกับแรงสั่นสะเทือนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก นำไปสู่อาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคข้ออักเสบ และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
ปัญหาการได้ยิน : การสัมผัสกับเสียงดังจากเครื่องจักรและแรงสั่นสะเทือนอาจสร้างความเสียหายต่อหูชั้นใน ทำให้สูญเสียการได้ยิน
ความเครียด : แรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนในโรงงานอาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และนอนหลับยาก
อันตรายต่อเครื่องจักร
การสึกหรอ : แรงสั่นสะเทือนทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องจักรสึกหรอเร็วขึ้น ส่งผลต่ออายุการใช้งานและประสิทธิภาพการทำงานและการผลิตลดลง
ความเสียหาย : แรงสั่นสะเทือนรุนแรงอาจทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องจักรเกิดการหลวม หรือเสียหายได้ง่าย
การเสียสมดุล : แรงสั่นสะเทือนอาจทำให้เครื่องจักรเสียสมดุล ส่งผลต่อความแม่นยำและความปลอดภัย
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
มลพิษทางเสียง : เสียงดังจากเครื่องจักรและการสั่นสะเทือนอาจรบกวนชุมชนรอบข้าง
มลพิษทางอากาศ : การสั่นสะเทือนจากเครื่องจักรบางชนิดอาจปล่อยฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศอื่น ๆ
ดินทรุด : การสั่นสะเทือนอาจก่อให้เกิดเหตุดินทรุดได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นในดินสูง
อันตรายต่อชุมชนรอบข้าง
ความรำคาญ : เสียงดังและแรงสั่นสะเทือนจากโรงงานอาจรบกวนการนอนหลับ การทำงาน และคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน
ปัญหาสุขภาพ : การสัมผัสกับมลพิษทางเสียงและมลพิษทางอากาศเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนในชุมชน
ส่งผลต่อโครงสร้างอาคาร : การสั่นสะเทือนที่ไม่ได้ป้องกันให้ดี อาจก่อให้เกิดการทรุดตัวของดินในบริเวณชุมชนใกล้เคียงได้ ทำให้ส่งผลต่อโครงสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยของชาวชุมชน ซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้อง และภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของผู้ประกอบการโรงงาน
การจัดการการสั่นสะเทือนในโรงงาน
มีวิธีการจัดการการสั่นสะเทือนในโรงงานหลายประการ ดังนี้
ควบคุมที่ต้นเหตุ : เลือกเครื่องจักรที่มีการออกแบบเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ติดตั้งฐานรองรับเครื่องจักร บำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแรงสั่นสะเทือน
ควบคุมที่ตัวส่ง : ติดตั้งแผ่นยางหรือสปริงรองรับเครื่องจักร ติดตั้งฉนวนกันเสียงหรือแผ่นซับเสียงจะช่วยลดเสียงรบกวนจากแรงสั่นสะเทือน หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิต
ควบคุมที่ตัวรับ : จัดหาอุปกรณ์ป้องกันการสั่นสะเทือนให้แก่บุคลากร กำหนดระยะเวลาการทำงานที่เหมาะสม ตรวจสุขภาพบุคลากรเป็นประจำ
การกำหนดเขตปลอดภัย : ควรกำหนดเขตปลอดภัย ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้บริเวณที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง
การกำหนดมาตรฐานแรงสั่นสะเทือน
ควรปฏิบัติตามมาตรฐานแรงสั่นสะเทือนที่กำหนดโดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมสวัสดิการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รวมไปถึงมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน ISO 2372-1974 E. ISO 4866-2010 เป็นต้น
การตรวจวัดและควบคุมแรงสั่นสะเทือน
ควรมีการตรวจวัดและควบคุมแรงสั่นสะเทือนในโรงงานเป็นประจำ โดยมีเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนหลายประเภท เช่น เครื่องวัดความเร่ง (Accelerometer) เครื่องวัดความเร็ว (Velocimeter) เครื่องวัดการกระจัด (Displacement meter) และนำมาวิเคราะห์ผลการวัดเพื่อหาสาเหตุและแนวทางแก้ไข ตลอดจนต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง
การมีมาตรการป้องกันและควบคุมแรงสั่นสะเทือน
โรงงานควรมีแผนการจัดการการสั่นสะเทือน ที่มีการกำหนดตั้งแต่ระดับนโยบายการควบคุมแรงสั่นสะเทือน ขั้นตอนการตรวจสอบแรงสั่นสะเทือน มาตรการควบคุมแรงสั่นสะเทือน และแผนฉุกเฉินหากเกิดเหตุต่าง ๆ
จะเห็นได้ว่าการกำหนดแรงสั่นสะเทือนในโรงงานมีความสำคัญต่อสุขภาพของบุคลากร ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นผู้ประกอบการโรงงานควรมีมาตรการควบคุมและตรวจวัดการสั่นสะเทือนเป็นประจำ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อผู้ปฏิบัติงาน เครื่องจักร สิ่งแวดล้อม และชุมชนรอบข้าง เพื่อให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างไม่มีปัญหา
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที