ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี
มัธยมปลายกับเทคโนโลยี เทคโนโลยีกับมัธยมปลาย ก้าวเดินไปพร้อมกันจริงหรือ ต่างคนต่างความคิดไป บางคนบอก ใช่ แน่นอน บางคนบอก ไม่จริง แต่สำหรับดิฉัน ดิฉันว่าใช่แน่นอน อย่างโรงเรียนดิฉันมีการเรียนผ่านเครือข่าย E-learning ให้นักเรียนเข้าเรียนในห้องเรียนออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งนี้ก็เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่งที่ให้ความรู้ในการทำรายงานนักเรียนอย่างพวกเราต่างก็อาศัยเทคโนโลยี
นักเรียนมัธยมปลายก็ใช้เทคโนโลยีแทบจะทุกอย่าง แต่จะใช้คอมพิวเตอร์กับยานพาหนะมากที่สุดนักเรียนมัธยมปลายหลายคนนั้นในเวลาเรียนแทบจะทุกวิชาที่ต้องมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้อง ทั้งในการทำงานการหาข้อมูลเพิ่มเติมจากบทเรียน เช่นในการเรียนวิชา ดาราศาสตร์ ก็ใช้กล้องดูดาวในการศึกษากลุ่มดาวบนท้องฟ้า หรือจะเป็น วิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะก็ใช้เทคโนโลยีจากเครื่องมือทดลอง โรงเรียนมัธยมปลายในประเทศไทยหลายโรงเรียนที่มีความพร้อม สร้างห้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีไว้บริการนักเรียน เช่น ห้องปฏิบัติการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ แต่ละห้องที่นั้น หากเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมที่จะติดเครื่องปรับอากาศ มีคอมพิวเตอร์ประจำห้อง มีจอรับภาพที่หน้าห้องแทนกระดานดำ มีเครื่องมือที่ทันสมัย นั่นก็บ่งบอกได้แล้วว่าโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศไทยนั้นสนับสนุนให้นักเรียนก้าวเดินไปพร้อมกับเทคโนโลยี หากไม่เชื่อ ก็ลองสังเกตนักเรียนมัธยมปลายของแต่ละโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการมาโรงเรียนในตอนเช้า บางคนก็มีรถจักรยานยนต์ส่วนตัว บางคนนั่งรถไฟฟ้ามาโรงเรียน ตื่นเช้าก็มีนาฬิกาปลุก เข้าห้องน้ำก็มีเครื่องทำน้ำอุ่น ในห้องนอนก็มีเครื่องปรับอากาศ หรือในการทำรายงานส่ง , การหาความรู้ใหม่ๆ ก็อาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ , การใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสาร แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง นักเรียนมัธยมปลายที่ไม่มีความพร้อม เช่น ที่บ้านไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่โรงเรียนไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการ ก็สามารถที่จะมาหาความรู้ใหม่ๆ และใช้บริการคอมพิวเตอร์ได้ที่ร้านอินเทอร์เน็ต นักเรียนมัธยมปลายทุกโรงเรียนในประเทศไทย ใช้เทคโนโลยีกันทุกคน เช่น โทรศัพท์มือถือ,คอมพิวเตอร์,อินเทอร์เน็ต,เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด,ยานพาหนะ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนที่มีความพร้อมหรือไม่มีความพร้อมในการจัดหาสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย หรือสิ่งอำนวยความสะดวกให้ แต่นอกโรงเรียนก็มีไว้บริการ นักเรียนมัธยมปลายบางคนขาดเทคโนโลยีแทบจะไม่ได้เลย ไม่ว่าจะนั่งรถประจำทางมาก็เห็นนั่งฟัง mp3,mp4 กัน บางคนฟังวิทยุในโทรศัพท์มือถือ การหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ยืนยันว่า มัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี
โรงเรียนดิฉันก็เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่สนับสนุนให้นักเรียนก้าวเดินไปพร้อมกับเทคโนโลยี หากเป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามาเยี่ยมโรงเรียนของเรา ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโรงเรียน ทุกคนต่างก็สามารถรับรู้ได้ทันทีเลยว่าที่แห่งนี้เป็นโรงเรียนเทคโนโลยี ที่บอกว่าเป็นโรงเรียนเทคโนโลยีก็เพราะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ถูกเรียกว่าเทคโนโลยีทั้งนั้น มีอยู่ทั่วทั้งโรงเรียน ในห้องเรียนทุกๆห้องจะมีเครื่องขยายเสียงไว้สำหรับครู เพราะในเวลาสอนครูจะใช้เครื่องขยายเสียงช่วย ในห้องเรียนนั้นหากเป็นห้องพิเศษจะติดเครื่องปรับอากาศ และมีคอมพิวเตอร์กับจอรับภาพที่หน้าห้อง เช่น ห้อง E-classroom ห้องสมุดดิจิตอล, ห้องโสต, ห้องคณะกรรมการนักเรียน, ห้องประชาสัมพันธ์, ห้องสมุดหมวดวิชาภาษาต่างประเทศ, ห้องประชุมกับห้องสมุดติดเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ในการเรียนวิชาหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ดิฉันกับเพื่อนๆได้นั่งเรียนในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆที่ได้กล่าวมา เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ มีจอรับภาพหน้าห้อง เวลาครูสอนครูจะป้อนข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของครูไปที่จอรับภาพพร้อมอธิบายในบทเรียน โดยที่เราไม่ต้องมาจินตนาการภาพตามที่ครูอธิบายให้เสียเวลา
พี่ๆม.6ที่โรงเรียนก็ได้อาศัยคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนเพื่อดูประกาศผลสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ การสอบสัมภาษณ์ ADMISSION เป็นต้น นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ทุกห้องจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้บริการนักเรียนทุกวัน แต่เนื่องจากที่โรงเรียนดิฉันนั้นมีนักเรียนมากเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลุ่มสาระต่างๆไม่พอ ทางโรงเรียนจึงจัดให้มีคอมพิวเตอร์สาธารณะไว้บริการนักเรียน อาคารเรียนละ 2 เครื่องขึ้นไป และทางโรงเรียนไม่ต้องมาคอยวิตกกังวลว่าจะมีใครมาขโมยคอมพิวเตอร์ เพราะที่โรงเรียนนั้นได้ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้
มีนักเรียนมัธยมปลายหลายคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการประกวดคอมพิวเตอร์ การประกวด การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต การประกวดหุ่นยนต์ในระดับเยาวชน เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับทุกคนไม่ใช่เพียงนักเรียนมัธยมเท่านั้น มีตั้งแต่นักเรียนอนุบาลจนถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอก
ยิ่งเรียนสูงขึ้นไปก็ยิ่งได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ เทคโนโลยีสามารถให้ประโยชน์กับเรา เทคโนโลยีก็สามารถให้โทษเราได้เช่นกันถ้าหากว่าเยาวชนที่จะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นได้มาเจอกับเทคโนโลยีที่เป็นสิ่งยั่วยุ เช่น เกม Play station, เกมออนไลน์, เข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในทางที่ผิดก็อาจตกเป็นทาสของเทคโนโลยีจนทำให้เสียการเรียนได้ อยากจะถามเพื่อนๆเยาวชนทั้งหลายที่ได้อ่านบมทความนี้ ว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่ การที่เราจะนำเทคโนโลยีมาทำประโยชน์ให้กับเรา ไม่ใช่ให้เทคโนโลยีมาครอบงำจิตใจจนทำให้เสื่อมเสีย เทคโนโลยีนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้ไปในทางที่ดีหรือทางที่เสื่อมเสีย มันจะดีกว่าไหมการที่เราจะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศของเราซึ่งจะทำให้ประเทศของเรากลายเป็น ประเทศที่พัฒนาแล้ว
ไม่ใช่เพียง ประเทศที่กำลังพัฒนา
ไม่มีนักเรียนมัธยมปลายคนใดที่จะปฏิเสธว่า ชีวิตไม่ได้ก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยี ดูตัวอย่างง่ายๆ เช่น นักเรียนมัธยมปลายที่ส่งบทความเข้าประกวดนี้ ก็ใช้เทคโนโลยีไปแล้วอย่างน้อย 60% ดิฉันได้ทราบเรื่องการประกวดนี้จากเว็บไซด์ของโรงเรียนดิฉันเอง
ดิฉันนั้น ใช้เทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มงานจนจบงาน
ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง ดิฉันกล้าพูดได้เลยว่าไม่มีนักเรียนมัธยมปลายคนใดไม่ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น รวมถึงคนทุกคนด้วย หากพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาพบว่า เทคโนโลยีทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ อยู่ๆก็หายไป คงวุ่นวาย นักเรียนอย่างพวกเราก็คงวุ่นวายไปด้วย เพราะเทคโนโลยีนั้นสำคัญสำหรับเรา ขาดไม่ได้แล้วในขณะนี้ แต่อยากจะฝากถึงทุกๆคนที่ได้อ่านบทความนี้ว่า อย่าลืมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสอนในเรื่อง ความพอเพียง พออยู่ พอกิน คนบางคนถูกกระแสเทคโนโลยีครอบงำจนเกิดกิเลส คิดแต่ว่าอยากจะได้ อะไรที่มีอยู่ก็ไม่รู้จักพอ เทคโนโลยีมีประโยชน์มหาศาลก็จริง แต่หากมองอีกมุมหนึ่งเทคโนโลยีก็มีโทษมหาศาลเช่นกัน เพราะคนเราเมื่อเกิดความรู้สึกโลภมากขึ้นมาก็ต้องแสวงหาให้ได้ ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีใดก็ตาม ถ้าจนหนทางจริงๆก็เกิดการลักขโมยขึ้น และน่ากลัวที่สุดคือมีโจรคอยปล้น ฆ่า หรือแอบตามทางเปลี่ยว หากเราไม่ยอมให้ในสิ่งที่เขาต้องการก็อาจเป็นเหตุที่ส่งผลไปจนถึงชีวิตของเราได้ ตอนนี้มีข่าวที่ลักขโมย ฆ่า ที่เป็นเหตุมาจากเทคโนโลยีแทบทุกวัน เยาวชนและนักเรียนมัธยมที่จะก้าวมาสู่การเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าหากโดนกระแสเทคโนโลยีครอบงำจิตใจมากเกิน จะเป็นเหตุให้คนเราไม่มีคุณธรรม แต่หากดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริตามคำสอนของพ่อหลวง ดิฉันขอยืนยันว่า ประเทศไทยจะสงบ เป็นสุข น่าอยู่ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เยาวชนก็จะเติบโตมาเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ
อินเทอร์เน็ตทำได้ทุกอย่างก็จริง แต่อินเทอร์เน็ตไม่สามารถซื้ออนาคต จิตใจ หรือสร้างชีวิตคนขึ้นมาได้เทคโนโลยีนั้นเป็นได้ ทั้งเพื่อน ทั้งครู แต่อย่าลืมว่า เราเป็นเจ้านายเทคโนโลยี ไม่ใช่เทคโนโลยีเป็นเจ้านายเรา
ครูที่ปรึกษา ครูถนอมจิตต์ คำกันยา
โดย น.ส.สุกัญญา มาสาซ้าย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที