CXO.Asia

ผู้เขียน : CXO.Asia

อัพเดท: 07 ต.ค. 2006 12.56 น. บทความนี้มีผู้ชม: 9579 ครั้ง

ขณะนี้ประเทศของเรากำลังเจ็บป่วยเรื้อรัง จนอาการลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อรักษาชีวิตนั้น น่าจะต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ในจุดหลักๆ ก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดใหญ่ หรือการปฎิรูปนี้ื ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หรือสิ่งวิเศษ
สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ และทำให้ทุกอย่างๆ ดีขึ้น อย่างยั่งยืน ยาวนาน


ตอนที่ ๑ (เพิ่มเติม)

ขณะนี้ประเทศของเรากำลังเจ็บป่วยเรื้อรัง จนอาการลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

การแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อรักษาชีวิตนั้น น่าจะต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ในจุดหลักๆ ก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดใหญ่ หรือการปฎิรูป ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หรือสิ่งวิเศษ

สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ และทำให้ทุกอย่างๆ ดีขึ้น อย่างยั่งยืน ยาวนาน

 

เครื่องมือวินิจฉัยโรค อาการ เพื่อให้การผ่าตัดรักษา ได้ถูกต้อง กระชับ เข้าใจง่าย

ถูกจุดมากที่สุด มีสามอย่างคือ ความกล้าหาญ ความซื่อตรง และสติปัญญา

 

การรักษาต้องทำทั้งด้าน กายภาพ และด้านจิตใจ

การเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา ที่ได้กล่าวถึง เป็นส่วนที่เห็นชัดทางกายภาพ

 

ในด้านจิตใจนั้น ขอกล่าวถึงจุดที่เราต้องดูแลอย่างไกล้ชิด อย่างเอาใจใส่ และรักษาอย่างต่อเนื่อง

มีสามอย่างคือ ความกลัวและความเชื่อ ความศรัทธา ความงมงาย

 

อันดับแรก ความกลัวและความเชื่อ

เมื่อใช้เครื่องมือสามอย่าง วินิจฉัยอาการของความกลัวและความเชื่อ แล้วเราจะพบว่า

 

มนุษย์เราทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน หรืออยู่ในยุคใด สมัยใด

ย่อมมีความกลัวอันลึกซึ้งในใจอันเฉพาะของตัวเอง อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น

โดยพื้นฐานแล้วความกลัวเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของสัตว์โลกทุกเผ่าพันธุ์

เป็นแรงกระตุ้นผลักดัน เพื่อความอยู่รอดจากภัยต่างๆตามธรรมชาติ

 

มนุษย์เราเริ่มใช้ไฟ เนื่องจากความกลัวความมืด จากภัยต่างๆตามธรรมชาติ

มนุษย์เราเริ่มนับถือไฟ นับถือปรากฎการณ์ต่างๆ และสิ่งต่างๆในธรรมชาติ

ตามประสบการณ์ของตนเอง ที่ได้พบ ได้เห็น นับเป็นจุดเริ่มของความเชื่อ และศาสนาต่างๆ

โดยหวังว่าสิ่งต่างๆ ความเชื่อต่างๆ จะช่วยให้รู้สึกมั่นคง อยู่รอด ปลอดภัยได้

 

จะเห็นได้ว่า มนุษย์เรานั้นจะเชื่อตามประสบการณ์ของตนเอง ที่ได้พบ ที่ได้เห็น                                                                         

มนุษย์เราย่อมมีหลากหลาย ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย

เป็นผลให้ประสบการณ์ของมนุษย์เรานั้น แตกต่าง หลากหลาย อย่างมากมาย

เป็นผลต่อเนื่องให้ความเชื่อในสิ่งต่างๆ แตกต่าง หลากหลาย อย่างมากมาย เช่นกัน

 

เมื่อมนุษย์เราเชื่อในสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมกลายเป็นความจริงสำหรับเรา

เมื่อมนุษย์เราเชื่อในสิ่งเดียวกันต่างกัน ความจริงในสิ่งเดียวกันย่อมต่างกัน

 

ความเชื่อที่มนุษย์เรา ถือเอาเป็นความจริงของตนนั้น ย่อมเป็นทิศทาง เป็นหนทางแห่งชีวิตของมนุษย์เรา

เราเชื่อในสิ่งใด ชีวิตเราย่อมหันหน้า มุ่งหน้าไปทิศนั้น เราย่อมทำทุกอย่างเพื่อไปยังทิศนั้น

เป็นเหตุเป็นผลว่า เมื่อเราเชื่อในสิ่งใด เราย่อมเป็นในสิ่งนั้น เราย่อมได้รับในสิ่งนั้น

เป็นเหตุเป็นผล เป็นกฎแห่งการกระทำ เป็นความเป็นไป ในทุกยุค ทุกสมัย ของมนุษย์เรา

 

ถ้าความเชื่อเป็นทิศที่ถูกต้อง ชีวิตคนเราย่อมถูกต้อง สามารถสร้างคุณงามความดี อย่างมากมายได้

ถ้าความเชื่อเป็นทิศที่ผิด ชีวิตคนเราย่อมหลงผิด  สามารถสร้างโทษ หายนะ อย่างมากมาย เช่นกัน

 

ลองพิจารณาดูว่า ถ้ามนุษย์มัวแต่มัวเมา งมงาย ศรัธทาในความเชื่อ หรือมุมความจริง

ของตนเองโดยไม่ตรวจสอบด้วยสติปํญญา จะมีผลร้ายแรงเพียงใด จะเิกิดความขัดแย้ง

แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เชื้อชาติ ศาสนา สุดท้ายจะเกิดโทษ หายนะมากสักปานใด

 

อันดับสอง ศรัทธา

ความเชื่อที่แรงกล้า ย่อมกลายเป็นศรัทธา คือเชื่ออย่างลึกซึ้งโดยไม่มีข้อสงสัย

 

ศรัทธาเป็นความเชื่อที่แรงกล้า ย่อมประกอบไปด้วยความกล้าหาญอันแรงกล้าของมนุษย์เรา

ศรัทธานั้นย่อมแรงกล้า เด็ดเดี่ยวมั่นคง มีอำนาจ มีพลัง อย่างมากมาย

เหมือนพลังปรมาณู หากใช้ในทางที่ดี มีคุณมหาศาล สามารถผลิตพลังงานได้มากมาย อย่างมีประสิทธิภาพสูงยิ่ง

เหมือนระเบิดปรมาณู หากใช้ในทางที่ผิด มีโทษมหาศาลเช่นกัน สามารถทำลายล้างอย่างไม่มีอาวุธใดเทียบเท่า

 

ศรัทธานั้นไม่สามารถ มาแบบเดี่ยวๆได้ เหมือนกับพลังปรมาณู เราไม่สามารถปลดปล่อยโดยไร้ทิศทางได้

ต้องมีระบบที่ดี มีการควบคุมที่ดี มีการตรวจสอบที่ดีสม่ำเสมอ ด้วยความซื่อตรง และสติปัญญา

หาไม่แล้ว มนุษย์เราอาจประสบหายนะ แบบโรงงานปรมาณูเชอร์โนบิล ของอดีตสหภาพโซเวียต ได้อย่างง่ายดาย

 

ศรัทธาในทิศทางที่ถูก มีการตรวจสอบที่ดีสม่ำเสมอ  มีคุณมาก สามารถสร้างโลกให้ดีขึ้นได้ ไม่มีสิ้นสุด

ศรัทธาในทิศทางที่ผิด เพราะขาดการตรวจสอบที่ดีสม่ำเสมอ มีโทษมาก สามารถทำลายล้างโลกได้ ไม่มีสิ้นสุด

 

หากลองพิจารณา จะเห็นว่าศรัธทาอันแรงกล้านั้น มีคุณมหาศาล แต่ก็อาจกลายเป็นโทษมหาศาล เช่นกัน

จุดอันเปราะบางที่สุดของศรัทธา คือ ถ้ามีการใช้ศรัทธา แฝงจุดมุ่งหมายซ่อนเร้น แยบยล

เพื่อชักนำ ให้ขัดแย้ง แตกแยก เพื่อประโยชน์ซ่อนเร้นส่วนตัว จะมีโทษมหันต์ สร้างความหายนะ ไม่มีสิ้นสุด

หากลองพิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามีตัวอย่างมากมาย ทั้งอดีต ปัีจจุบัน และต่อเนื่องไปอีกมากในอนาคต ของลูกหลานเราเอง

 

การแก้ไขย่อมต้องอาศัย สติอันหนักแน่น มั่นคง รู้ตัว รู้ตน เป็นอย่างดี ของเราทุกคน

ประกอบด้วย ปัญญาอันรู้รอบ รู้ทัน กระแสการเปลี่ยนแปลงที่ไหลบ่า อย่างเชี่ยวกราด

อาศัยความกล้าหาญในทางที่ถูกต้องอย่างยิ่ง อาศัยความซื่อตรงต่อตนเองและต่อผู้อื่นอย่างยิ่ง

 

อาศัยการฝึกฝน การปฎิบัติ การพัฒนา ทั้งด้านกายและจิตใจ อย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด

เพื่อดำรงตนอย่างแยบยลเหนือ กระแสความเปลี่ยนแปลง ที่ต่อเนื่อง ไม่มีสิ้นสุด

 

 

อันดับสาม ความงมงาย

ความเชื่อที่เชื่อแบบมัวเมา เป็นที่มาของความงมงาย คือมัวเมาโดยไม่ตรวจสอบ

 

หากศรัทธาเป็นความเชื่ออย่างแรงกล้า มีอำนาจ มีพลังมาก คล้ายกับ ไม้แข็ง

ความงมงาย มีลักษณะนุ่มนวลกว่า คล้ายกับ ไม้นวม ที่โทษนั้น ไม่ได้นุ่มนวลไปด้วย

มีโทษมาก แต่กลับเงียบ นุ่มนวล คล้ายกับ เวลาที่เอากบ ใส่ไว้ในหม้อต้ม

หากน้ำร้อนทันที กบย่อมรู้ตัว และกระโดดเอาตัวรอดไปได้

หา่กน้ำค่อยๆร้อนขึ้นอย่างนุ่มนวล กบเคยขิน เคยตัวกับความร้อน อาจจะตาย แบบไม่รู้ทัน รู้ตัว

 

จะเห็นได้ว่า หากไม่รู้เท่าทัน ความงมงาย จะมัวเมาโดยไม่รู้ตัว เป็นมัจุราชอันเงียบกริบ

 

ความงมงายนั้น อาศัยอยู่บนความเฉื่อยชา ความเกียจคร้าน ความรักสบาย ความรักสนุกของตัวเรา

และในความมัวเมา ความสนุก ความสบายของมนุษยชาตินั้น สามารถล่มสลายอาณาจักร อารยธรรมอันเข้มแ็ข็ง ยิ่งใหญ่ ได้ตลอดมา

 

ชีวิตอันเปราะบาง ไม่ยาวนาน และสิ้นสุดลงได้ง่ายดาย ของมนุษย์เรานั้น

จะให้โอกาสเรา มีความเชื่อ ศรัทธา งมงาย ในทิศทางที่ผิด ได้นานหรือไม่

จะให้โอกาสเรา หลุดพ้น รอดพ้น จากการล่มสลายในยุคใหม่นี้ได้หรือไม่

จะให้โอกาส ครอบครัว สังคมและประเทศชาติของเรา รอดพ้นจากล่มสลายแบบใหม่ ของยุคใหม่ได้หรือไม่

 

หากท่านได้มีโอกาสอ่านถึงตรงนี้ ท่านถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสมากกว่า ผู้คนที่ด้อยโอกาสที่มีอยู่มากมาย

ผู้ด้อยโอกาสที่เป็นคนส่วนใหญ่ ของประเทศ ของพื้นแผ่นดินแม่ อันมีพระคุณของเรานี้

 

ขอทุกท่านจงตระหนักถึงบทบาท ความรับผิดชอบของตัวเอง ในยุคนี้อย่างถ่องแท้

ขอจงกล้าหาญ ไปในทางที่ถูกต้อง กล้านำพาตัวเรา ครอบครัว สังคม ประเทศของเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ขอจงกล้าหาญ ตรวจสอบความเชื่อ ศรัทธา ความงมงายทั้งหลาย ในตัวเรา ครอบครัว สังคม ประเทศของเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ด้วยสติปัญญาอันบริบรูณ์ ด้วยความซื่อตรงต่อใจตัวเองและผู้ื่อื่น

 

ขอจงเชิดชู ความกล้าหาญในทิศทางที่ถูกต้อง ความซื่อตรง และส่งเสริมให้ตรวจสอบด้วยสติปัญญา

ขอจงกล้าหาญ ขอจงโชคดี

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที