ณัฎฐา

ผู้เขียน : ณัฎฐา

อัพเดท: 31 ม.ค. 2008 09.56 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3940 ครั้ง

...


ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี

ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี หลายปีมาแล้วที่ฉันจะงัวเงียตื่นขึ้นเพราะนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ หลังจากขยี้ตาและบิดขี้เกียจพอเป็นพิธี ฉันก็จะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ วันไหนอากาศหนาวหรือค่อนข้างเย็น(ซึ่งเป็นไปได้ยาก สำหรับเมืองฟ้าอมรแห่งนี้) ฉันก็จะเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น อาบน้ำสบายใจเฉิบ ไม่ยี่หระกับความเย็นยะเยือกของลมที่พัดผ่านช่องลมเข้ามา...เมื่อภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ฉันก็จะนั่งเล่นอินเทอร์เน็ต อ่านนิยายออนไลน์บ้าง เช็คอีเมลล์บ้าง พร้อมกันนั้นก็เปิดโทรทัศน์ฟังข่าวสารยามเช้าไปด้วย พอได้เวลาสมควรจะไปโรงเรียน ฉันจะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า เตรียมออกจากบ้าน โดยไม่ลืมหยิบนมกล่องในตู้เย็นมาดื่มรองท้อง เสร็จปั่นจักรยานเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ ....ตอนเช้า รถราวิ่งกันเต็มท้องถนน ความจริงมันก็เป็นอย่างนี้เกือบทั้งวันด้วยซ้ำไป จนบางทีฉันก็อดรำคาญใจกับปัญหารถติดและควันโขมงจากท่อไอเสียไม่ได้ ...ฉันยืนรอจนรถเมล์สายที่ผ่านหน้าโรงเรียนมาถึง ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถ วันไหนโชคดีคนน้อยก็ได้นั่ง สบายไป วันไหนโชคร้าย ก็ต้องยืนเมื่อยไปจนกว่าจะถึงโรงเรียน ฉันมักชอบมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์...ตึกรามบ้านช่องสูงใหญ่ปรากฏแก่สายตา ตึกบางแห่งสูงจนเวลาแหงนหน้าขึ้นไปมอง ฉันถึงกับเมื่อยคอ ฉันเห็นผู้คนมากมายในเมืองหลวงเดินขวักไขว่อยู่บนทางเท้า บางคนโทรศัพท์มือถือพูดคุย บางคนเดินอย่างเร่งรีบ แต่ที่หูมีหูฟังจากเครื่องเล่นเอ็มพีทรี เอ็มพีโฟร์ เสียบอยู่ ...เมื่อมองไปที่รถยนต์หลายคันที่จอดรอสัญญาณไฟจราจร ฉันเห็นรถบางคันทันสมัยสุดๆ คือมีโทรทัศน์อยู่ในรถด้วย บางคนหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานในขณะที่รถติด …ส่วนบนรถเมล์ที่ฉันนั่งอยู่ ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วของเพลงกับดีเจดังออกมาจากลำโพงที่ติดอยู่บนตัวรถ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันคิดว่า ชีวิตของมนุษย์เราในยุคนี้ ช่างผูกพันกับเทคโนโลยีเหลือเกิน...รวมทั้งตัวฉันเองก็เช่นกัน ประโยคที่ว่า “ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี” เป็นเรื่องที่น่าคิด ...เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ามนุษย์เราในยุคนี้ผูกพันกับเทคโนโลยีมาก ถ้าคิดอีกทีความจริงไม่เฉพาะแต่มนุษย์ยุคนี้เท่านั้น มนุษย์ยุคไหนๆ ก็ผูกพันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมานานแล้ว นานตั้งแต่สมัยเราเอาหินมาทำเป็นขวานล่าสัตว ์ ...ต่างกันแต่เพียงว่า “ลักษณะ” ของเทคโนโลยีในยุคนี้และยุคก่อน มันไม่เหมือนกันเท่านั้น เมื่อมนุษย์เรามีความผูกพันและจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี แน่นอนว่าเราก็ควรที่จะก้าวไปพร้อมกันมัน แต่การก้าวนี้ต้องเป็นการย่างก้าวที่มั่นคง !! ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมากๆ จนคนที่เกิดมาในยุคคาบเกี่ยวกันของยุคสมัยที่เรายังใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสารกับยุคที่คลิกเดียวจดหมายก็ถึงมือผู้รับอย่างแม่ของฉัน สับสนกับการใช้เทคโนโลยีเครื่องอำนวยความสะดวกไปตามๆ กัน แม้กระทั่งฉันบางทีก็งงๆ อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมใหม่ๆ ถูกคิดค้นและพัฒนาทุกวัน วันละสามเวลาหลังอาหาร ความก้าวหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีนี้เอง ที่อาจทำให้เราก้าวตามไม่ทัน เมื่อก้าวตามไม่ทันก็ต้องกระโดดเพื่อหวังจะตามให้ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้ตัวเองเป็นคนทันยุคหรือ “อินเทรนด์” แต่การกระโดตามเทคโนโลยี ถ้ากระโดดไม่ดีก็พลาดที่จะล้มได้ง่ายๆ เทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม เมื่อยามดีก็สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์มากมาย ...เทคโนโลยีช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทำให้โลกนี้แคบลง ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ทำให้เราห่างกันมากขึ้นเช่นกัน และอาจจะก่อให้เกิดโทษกับผู้ใช้ด้วยซ้ำ หากเราใช้เทคโนโลยีไม่ “เป็น” สิ่งเหล่านี้เรามักจะพบเห็นได้จากหนังสือพิมพ์หรือข่าวสารทางโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็น...การขายบริการทางเพศทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต, การติดเกมของเด็กวัยรุ่น, อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน, แม่น้ำเน่าเสียเพราะการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำลำคลองของโรงงานอุตสาหกรรม ....สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เพราะเราใช้เทคโนโลยีไม่ “เป็น” การใช้เทคโนโลยีเป็น หรือไม่เป็น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเปิดเครื่อง แล้วใช้ตามวิธีการระบุมา หากแต่การใช้เป็น คือการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดโทษน้อยที่สุดทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสิ่งแวดล้อม อีกเรื่องหนึ่งที่เรามักจะมองข้ามกันไป...เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี เราก็มักจะคิดถึงแต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ จนลืมไปว่าคำว่าเทคโนโลยีไม่ได้จำกัดความหมายอยู่เพียงแค่ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเอ็มพีทรี เอ็มพีโฟร์ ฯลฯ หรือเทคโนโลยีทันสมัยนานาชนิด... หากแต่รวมไปถึงเทคโนโลยีชาวบ้าน เทคโนโลยีท้องถิ่นซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษเราก็ถือว่าเป็นว่าเป็นเทคโนโลยีเหมือนกัน และเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่เราควรอนุรักษ์ไว้ พวกเราในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย เยาวชนรุ่นใหม่ ที่จะเติบใหญ่เป็นกำลังสำคัญของชาติจึงควรที่จะมีความเข้าใจอันดีกับการใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาดที่จะใช้ พร้อมทั้งก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี ก้าวทีละขั้น ก้าวอย่างมีจุดหมาย และก้าวอย่างมั่นคง เพื่อตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ทัน โดยไม่ทอดทิ้งเทคโนโลยีของบรรพบุรุษ หากแต่นำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ทุกวันนี้ฉันยังคงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเสียงนาฬิกาปลุก...ฉันใช้ประโยชน์จากเครื่องทำน้ำอุ่นในการอาบน้ำตอนหน้าหนาว...ฉันนั่งรถเมล์เพื่อไปโรงเรียน ...ฉันใช้คอมพิวเตอร์เวลาทำรายงาน ...ฉันใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ...แต่พร้อมกันนั้น ฉันยังคงใช้ครกในการตำน้ำพริก...ใส่ปุ๋ยต้นไม้โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ฉันใช้เทคโนโลยีหลายๆ อย่าง ในการดำรงชีวิต และทุกๆ วันฉันก็จะพยายามก้าวให้ทันเทคโนโลยี แต่จะก้าวไปอย่างช้าๆ ก้าวไปด้วยความเข้าใจ ก้าวอย่างมั่นคง เพื่อให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสูงสุดและเกิดโทษน้อยที่สุด ทั้งต่อตัวฉันเอง...คนรอบข้าง ....และสิ่งแวดล้อม เพื่อนๆ ละคะ? พร้อมจะก้าวไปพร้อมๆ กันหรือยัง? ผลงานโดย นางสาวณัฎฐา ทองมณี โรงเรียน หอวัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที