ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี
ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี
หลายปีมาแล้วที่ฉันจะงัวเงียตื่นขึ้นเพราะนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ
หลังจากขยี้ตาและบิดขี้เกียจพอเป็นพิธี ฉันก็จะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
วันไหนอากาศหนาวหรือค่อนข้างเย็น(ซึ่งเป็นไปได้ยาก สำหรับเมืองฟ้าอมรแห่งนี้)
ฉันก็จะเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น อาบน้ำสบายใจเฉิบ
ไม่ยี่หระกับความเย็นยะเยือกของลมที่พัดผ่านช่องลมเข้ามา...เมื่อภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว
ฉันก็จะนั่งเล่นอินเทอร์เน็ต อ่านนิยายออนไลน์บ้าง เช็คอีเมลล์บ้าง
พร้อมกันนั้นก็เปิดโทรทัศน์ฟังข่าวสารยามเช้าไปด้วย
พอได้เวลาสมควรจะไปโรงเรียน ฉันจะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า
เตรียมออกจากบ้าน โดยไม่ลืมหยิบนมกล่องในตู้เย็นมาดื่มรองท้อง
เสร็จปั่นจักรยานเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ ....ตอนเช้า รถราวิ่งกันเต็มท้องถนน
ความจริงมันก็เป็นอย่างนี้เกือบทั้งวันด้วยซ้ำไป
จนบางทีฉันก็อดรำคาญใจกับปัญหารถติดและควันโขมงจากท่อไอเสียไม่ได้
...ฉันยืนรอจนรถเมล์สายที่ผ่านหน้าโรงเรียนมาถึง ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถ
วันไหนโชคดีคนน้อยก็ได้นั่ง สบายไป วันไหนโชคร้าย
ก็ต้องยืนเมื่อยไปจนกว่าจะถึงโรงเรียน
ฉันมักชอบมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์...ตึกรามบ้านช่องสูงใหญ่ปรากฏแก่สายตา
ตึกบางแห่งสูงจนเวลาแหงนหน้าขึ้นไปมอง ฉันถึงกับเมื่อยคอ
ฉันเห็นผู้คนมากมายในเมืองหลวงเดินขวักไขว่อยู่บนทางเท้า
บางคนโทรศัพท์มือถือพูดคุย บางคนเดินอย่างเร่งรีบ
แต่ที่หูมีหูฟังจากเครื่องเล่นเอ็มพีทรี เอ็มพีโฟร์ เสียบอยู่
...เมื่อมองไปที่รถยนต์หลายคันที่จอดรอสัญญาณไฟจราจร
ฉันเห็นรถบางคันทันสมัยสุดๆ คือมีโทรทัศน์อยู่ในรถด้วย
บางคนหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานในขณะที่รถติด
…ส่วนบนรถเมล์ที่ฉันนั่งอยู่
ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วของเพลงกับดีเจดังออกมาจากลำโพงที่ติดอยู่บนตัวรถ
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันคิดว่า ชีวิตของมนุษย์เราในยุคนี้
ช่างผูกพันกับเทคโนโลยีเหลือเกิน...รวมทั้งตัวฉันเองก็เช่นกัน
ประโยคที่ว่า “ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี” เป็นเรื่องที่น่าคิด
...เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ามนุษย์เราในยุคนี้ผูกพันกับเทคโนโลยีมาก
ถ้าคิดอีกทีความจริงไม่เฉพาะแต่มนุษย์ยุคนี้เท่านั้น มนุษย์ยุคไหนๆ
ก็ผูกพันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมานานแล้ว นานตั้งแต่สมัยเราเอาหินมาทำเป็นขวานล่าสัตว
์ ...ต่างกันแต่เพียงว่า “ลักษณะ” ของเทคโนโลยีในยุคนี้และยุคก่อน
มันไม่เหมือนกันเท่านั้น
เมื่อมนุษย์เรามีความผูกพันและจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
แน่นอนว่าเราก็ควรที่จะก้าวไปพร้อมกันมัน แต่การก้าวนี้ต้องเป็นการย่างก้าวที่มั่นคง
!!
ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมากๆ
จนคนที่เกิดมาในยุคคาบเกี่ยวกันของยุคสมัยที่เรายังใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสารกับยุคที่คลิกเดียวจดหมายก็ถึงมือผู้รับอย่างแม่ของฉัน
สับสนกับการใช้เทคโนโลยีเครื่องอำนวยความสะดวกไปตามๆ กัน
แม้กระทั่งฉันบางทีก็งงๆ อยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะเรื่องของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมใหม่ๆ ถูกคิดค้นและพัฒนาทุกวัน
วันละสามเวลาหลังอาหาร
ความก้าวหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีนี้เอง
ที่อาจทำให้เราก้าวตามไม่ทัน
เมื่อก้าวตามไม่ทันก็ต้องกระโดดเพื่อหวังจะตามให้ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่
ให้ตัวเองเป็นคนทันยุคหรือ “อินเทรนด์” แต่การกระโดตามเทคโนโลยี
ถ้ากระโดดไม่ดีก็พลาดที่จะล้มได้ง่ายๆ
เทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม
เมื่อยามดีก็สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์มากมาย
...เทคโนโลยีช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ทำให้โลกนี้แคบลง ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ทำให้เราห่างกันมากขึ้นเช่นกัน
และอาจจะก่อให้เกิดโทษกับผู้ใช้ด้วยซ้ำ หากเราใช้เทคโนโลยีไม่ “เป็น”
สิ่งเหล่านี้เรามักจะพบเห็นได้จากหนังสือพิมพ์หรือข่าวสารทางโทรทัศน์
ไม่ว่าจะเป็น...การขายบริการทางเพศทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต,
การติดเกมของเด็กวัยรุ่น, อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน,
แม่น้ำเน่าเสียเพราะการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำลำคลองของโรงงานอุตสาหกรรม
....สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เพราะเราใช้เทคโนโลยีไม่ “เป็น”
การใช้เทคโนโลยีเป็น หรือไม่เป็น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเปิดเครื่อง
แล้วใช้ตามวิธีการระบุมา หากแต่การใช้เป็น
คือการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดโทษน้อยที่สุดทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น
และต่อสิ่งแวดล้อม
อีกเรื่องหนึ่งที่เรามักจะมองข้ามกันไป...เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี
เราก็มักจะคิดถึงแต่เทคโนโลยีสมัยใหม่
จนลืมไปว่าคำว่าเทคโนโลยีไม่ได้จำกัดความหมายอยู่เพียงแค่ คอมพิวเตอร์
เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเอ็มพีทรี เอ็มพีโฟร์ ฯลฯ
หรือเทคโนโลยีทันสมัยนานาชนิด... หากแต่รวมไปถึงเทคโนโลยีชาวบ้าน
เทคโนโลยีท้องถิ่นซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของบรรพบุรุษเราก็ถือว่าเป็นว่าเป็นเทคโนโลยีเหมือนกัน
และเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่เราควรอนุรักษ์ไว้
พวกเราในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย เยาวชนรุ่นใหม่
ที่จะเติบใหญ่เป็นกำลังสำคัญของชาติจึงควรที่จะมีความเข้าใจอันดีกับการใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาดที่จะใช้
พร้อมทั้งก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี ก้าวทีละขั้น ก้าวอย่างมีจุดหมาย
และก้าวอย่างมั่นคง เพื่อตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ทัน
โดยไม่ทอดทิ้งเทคโนโลยีของบรรพบุรุษ
หากแต่นำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
ทุกวันนี้ฉันยังคงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
เพราะเสียงนาฬิกาปลุก...ฉันใช้ประโยชน์จากเครื่องทำน้ำอุ่นในการอาบน้ำตอนหน้าหนาว...ฉันนั่งรถเมล์เพื่อไปโรงเรียน
...ฉันใช้คอมพิวเตอร์เวลาทำรายงาน
...ฉันใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ...แต่พร้อมกันนั้น
ฉันยังคงใช้ครกในการตำน้ำพริก...ใส่ปุ๋ยต้นไม้โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ฉันใช้เทคโนโลยีหลายๆ อย่าง ในการดำรงชีวิต
และทุกๆ วันฉันก็จะพยายามก้าวให้ทันเทคโนโลยี แต่จะก้าวไปอย่างช้าๆ
ก้าวไปด้วยความเข้าใจ ก้าวอย่างมั่นคง
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสูงสุดและเกิดโทษน้อยที่สุด
ทั้งต่อตัวฉันเอง...คนรอบข้าง ....และสิ่งแวดล้อม
เพื่อนๆ ละคะ? พร้อมจะก้าวไปพร้อมๆ กันหรือยัง?
ผลงานโดย นางสาวณัฎฐา ทองมณี
โรงเรียน หอวัง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
- ตอนที่ 1 : ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี