editor

ผู้เขียน : editor

อัพเดท: 05 มี.ค. 2008 10.33 น. บทความนี้มีผู้ชม: 85068 ครั้ง

เจ้าของ tarad.com, thaisecondhand.com และอีกหลายๆ เว็บไซด์

ผู้มีความรู้ และเชียวชาญ พิเศษด้าน e-commerce คนหนึ่งของเมืองไทย โดยเฉพาะด้านการปฏิบัติ


เมื่อ E-Commerce กระโดดเข้าสู่ยุค เว็บ 2.0 (ตอนที่ 2)

ครั้งก่อนผมได้เกริ่นไปถึง เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับ เว็บยุค 2.0 โดยมีหลายๆ เทคโนโลยีที่สำคัญ แต่สำหรับอาทิตย์นี้ เราจะมีดูในด้าน โมเดลทางธุรกิจ และ คอนเซปต์ของการทำเว็บไซต์ในยุค เว็บ 2.0 กันว่ามีรูปแบบการค้าขายเปลี่ยนไปในหลายๆ รูปแบบ ได้แก่


Affilate Marketing และ Contextual Marketing

จากรูปแบบการค้าขายสินค้าแบบเดิมที่ส่วนใหญ่เว็บไซต์ขายสินค้ากันเอง เริ่มมีการปรับเปลี่ยนไปขายผ่านตัวแทน หรือเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการหาผู้ขายสินค้าให้ หรือเราเรียกการขายสินค้าลักษณะนี้ว่า "การตลาดผ่านตัวแทน หรือ Affiliate Marketing" โดยตอนนี้มีผู้ให้บริการตัวกลางในการ รับขายสินค้าให้กับผู้ผลิตหลายๆ รายเช่น www.CJ.com, www.Linkshare.com เป็นต้น โดยการขายผ่านการตลาดรูปแบบนี้ จะเป็นเหมือนกับ มีตัวแทนที่มาช่วยนำเสนอขายสินค้าและบริการมากมายเลยทีเดียว โดยผู้ที่ขายได้จะได้ผลตอบแทน จากคอมมิชชั่นจากการขายสินค้านั้นๆ โดยเฉพาะยิ่งมีการนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต และการตลาดแบบกิ่งก่า หรือ Contextual Advertising ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีในการนำเสนอข้อมูลสินค้า ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างอัตโนมัติ เช่น มีเว็บ Blog พูดถึงเรื่องดอกไม้ สินค้าที่ถูกดึงไปนำเสนอขายผ่านเว็บ Blog นั้นก็จะเป็นดอกไม้ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บหน้านั้นอย่างแนบเนียน ซึ่งรูปแบบการตลาดผ่าน Affiliate และ Contextual Marketing จะช่วยทำให้การนำเสนอสินค้าและบริการ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงกลุ่ม แบบ หนึ่ง ต่อ หนึ่ง (one to one marketing) และได้ผลตอบรับกลับมาดีมากจนน่าตกใจเลยทีเดียว


Blog และ Social Network

เดียวนี้ คนทั่วไปก็สามารถมีเว็บไซต์หรือ Blog ของตัวเองได้ไม่ยาก และมีหลายๆ คนเริ่มเปลี่ยนหน้าเว็บบล๊อกของตัวเอง นอกเหนือจากการนำเสนอของข้อมูลของตัวเอง ได้มีการนำสินค้าหรือบริการ ผ่านผู้ให้บริการ Affiliate หรือนายหน้าต่างๆ มานำเสนอขายผ่านหน้าเว็บบล๊อกของตัวเองด้วย โดยเป้าหมายลูกค้าก็คือ คนที่เข้ามาอ่านภายในบล๊อกของคนๆ นั้น และเชื่อมโยงต่อไปยังเว็บอื่นๆ ผ่านระบบการรู้จักเป็นเน็ตเวิร์ก (Social Network) ที่จะช่วยเป็นช่องทางในการดึงคนที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันเข้ามาสู่ เว็บไซต์ของตน ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีเว็บบล๊อกหลายพันล้านเว็บ ที่ขายสินค้าผ่านระบบ Affiliate ต่าง ๆมากมายในปัจจุบัน โดยที่เจ้าของเว็บไม่มีสินค้าเองเลยซักชิ้น ก็สามารถสร้างรายได้จากการเป็นตัวแทนขายสินค้าได้อย่างมากมาย บางรายสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากการขายผ่านช่องทางนี้ นี้คือรูปแบบการค้าขาย E-Commerce รูปแบบใหม่ ที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้นในยุคเว็บ 2.0 นี้เอง

ด้วยการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี การฝั่งข้อมูล (Embeded Content & Service) และโมเดลการขายผ่านนายหน้า (Affiliate Marketing) จึงทำให้การนำเสนอขายสินค้าผ่านหน้าเว็บบล๊อกต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ง่าย เพราะสามารถ นำสินค้าจากเว็บอื่นๆ มาติดประกาศ และขายได้ในเว็บไซต์ของตนได้ไม่ยาก ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ www.widgetbucks.com ที่จะสามารถนำเสนอสินค้าจากเว็บนี้ได้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งหากมีการคลิกสั่งซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ คุณก็จะได้คอมมิชชั่นจากการขายสินค้าเหล่านี้ ซึ่งตอนนี้เป็นที่นิยมมาก ของหลายๆ เว็บบล๊อกที่เปิดให้บริการอยู่ในตอนนี้

Long Tail Marketing ขายได้ไม่ได้เยอะแต่จำนวนมากยาวเป็นหางว่าว

เมื่อเราก้าวเข้าสู่ ยุคที่เป็นสินค้าประเภทดิจิตอล สินค้าที่มีต้นทุนการเก็บสต๊อกน้อยมาก แต่สามารถเก็บสินค้าไว้ได้เป็นล้านๆ รายการ ในรูปแบบฟอร์แม็ตดิจิตอล และรูปแบบการนำเสนอขายที่สามารถ นำเสนอขายได้อย่างไม่อยากผ่านเว็บไซต์ หรือการค้นหาทางออนไลน์ ทำให้สินค้าที่ไม่ฮิตติดตลาด ก็สามารถสร้างยอดขายได้ เมื่อรวมๆกันแล้ว บางครั้งมีมูลค่ามากกว่า สินค้าที่ฮิตติดตลาดเลยทีเดียว นี้คือที่มาของการตลาดในยุค หางยาว หรือ Long Tail ที่จำลองมาจากภาพของกราฟการขายสินค้าที่ไม่ฮิตแต่ขายได้เป็นหลากหลาย ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์เริ่มมีการนำโมเดลของการตลาดรูปแบบนี้มาประยุกต์ใช้กับการค้าขาย ของตนแล้ว



ผู้ใช้เป็นผู้สร้างข้อมูล (User Generated Content)

เมื่อเข้าสู่ยุคของเว็บ 2.0 รูปแบบการได้มาซึ่งของข้อมูลก็เปลี่ยนแปลไป จากเดิมเจ้าของเว็บไซต์จะเป็นผู้นำข้อมูลต่างๆ มานำเสนอ แต่รูปแบบนี้เปลี่ยนแปลงไปในยุคของเว็บ 2.0 โดยผู้ใช้เว็บไซต์ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ผ่านหน้าเว็บไซต์ ซึ่งในรูปแบบของเมื่อมามองดูในธุรกิจ E-Commerce ก็มีหลายๆ อย่างที่เข้ามาสอดคล้องกับรูปแบบโมเดลนี้ เช่น



การนำเสนอข้อมูลสินค้าที่เชิงลึกมากขึ้น (In-Dept of information)

การซื้อสินค้าในปัจจุบัน ผู้ที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าในโลกออนไลน์ก็คือ ผู้ใช้บริการคนอื่นๆ โดยการก้าวเข้าสู่โลกของ เว็บ 2.0 ช่วยทำให้การแบ่งปันประสบการณ์ (Share Experience) ของผู้ใช้ในสินค้าหรือบริการแต่ละอย่างสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น ผ่านระบบที่หลายๆ เว็บ E-Commerce เริ่มนำเข้ามาผนวกกับเว็บไซต์ เช่น บริการ "รีวิวสินค้าจากผู้ใช้ (Member Review)" ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาให้ความคิดเห็น คำแนะนำ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้นๆ ผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที รวมถึงการให้คะแนนหรือดาว กับสินค้านั้นๆ ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ มีผลทางตรงกับผู้ที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์


นี้เป็นเพียงตัวอย่าง บางส่วนของโมเดลทางธุรกิจ และคอนเซปต์ของการทำ E-Commerce ในยุคเว็บ 2.0 ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเว็บยุคเว็บ 1.0 มาก ซึ่งจะเห็นได้ว่า ยุคนี้เปิดโอกาสการค้าขายผ่าน E-Commerce เพิ่มมากขึ้น โดยถึงแม้ คุณอาจจะไม่มีสินค้าเองเลยซักชิ้น คุณก็สามารถสร้างรายได้จาการขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่ยาก ยังไงอยากให้ลองดูและลองทำดูกันนะครับ


Pawoot P.

บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ หากต้องการนำไปใช้ที่อื่นๆ แจ้งนิดนึงนะครับที่ pawoot@tarad.com
หมายเหตุทาง เว็บไซด์ www.tpa.or.th ได้รับอนุญาติจากคุณภาวุธ ในการนำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นวิทยาทาน


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที