การฝากไข่หรือ Egg freezing คืออะไร เหมือนกับการฝากสเปิร์มหรือไม่ แล้วมีความสำคัญอย่างไร จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องฝากไข่
การดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า นับตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องทำงาน จนไปถึงวางแผนมีชีวิตและสร้างครอบครัว มีสามีภรรยา มีลูก ซึ่งการมีลูกของผู้หญิงนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้ชีวิต การมีลูกจึงอาจต้องเลื่อนออกไป เทคโนโลยีฝากไข่ (Egg Freezing) จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถควบคุมแผนการมีลูกได้ดั่งใจ
การฝากไข่ (Egg Freezing) หรือ การแช่แข็งเซลล์ไข่ เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยเก็บรักษาไข่ของผู้หญิงไว้ โดยแพทย์จะกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่ นำไข่ออกมาเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำ -196 องศาเซลเซียส เมื่อต้องการมีลูก แพทย์จะนำไข่ที่เก็บไว้นั้นมาผสมกับน้ำเชื้ออสุจิ (IVF)
การฝากไข่ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีลูกในอนาคต เพราะช่วยให้ผู้หญิงสามารถควบคุมแผนการมีลูกได้ดั่งใจ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาภาวะมีบุตรยากที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ข้อดีของการฝากไข่ เช่น
การฝากไข่ เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถเก็บรักษาไข่ไว้ใช้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคต กระบวนการฝากไข่มี 5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ผู้หญิงจะต้องเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด ประเมินสุขภาพโดยรวม ตรวจเลือด ฮอร์โมน และอัลตราซาวด์รังไข่ แพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับสุขภาพ ประวัติการมีบุตร ยาที่ทาน และความเสี่ยงทางพันธุกรรม จากนั้นแพทย์จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการฝากไข่ ผลข้างเคียง และค่าใช้จ่ายของการฝากไข่ สามารถสอบถามข้อมูลและข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝากไข่กับแพทย์ได้ในทันที
แพทย์จะจ่ายยากระตุ้นรังไข่ผู้หญิงให้ฉีดเองที่บ้าน เป็นเวลา 9-12 วัน ยากระตุ้นรังไข่จะช่วยให้รังไข่ผลิตไข่หลายใบพร้อมกัน จากนั้นไปพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามผลการกระตุ้นรังไข่ด้วยอัลตราซาวด์และเจาะเลือดเป็นประจำ
แพทย์จะติดตามผลการกระตุ้นรังไข่ผู้หญิงด้วยอัลตราซาวด์และเจาะเลือด เพื่อดูขนาดและจำนวนของไข่ เมื่อไข่มีขนาดที่เหมาะสม แพทย์จะฉีดยา hCG เพื่อกระตุ้นให้ไข่ตก โดยฝ่ายหญิงจะต้องงดเพศสัมพันธ์หลังฉีดยา hCG 36 ชั่วโมง
แพทย์จะให้ยาสลบกับคนไข้ก่อนทำการเก็บไข่ แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กสอดผ่านช่องคลอดเข้าไปดูดไข่ออกจากรังไข่ โดยใช้เทคนิคการดูดไข่ด้วยอัลตราซาวด์ (Ultrasound-guided oocyte retrieval) กระบวนการเก็บไข่ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที คนไข้จะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ไข่ที่เก็บได้จะถูกนำไปปฏิสนธิกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ ตัวอ่อนที่ได้จะถูกแช่แข็งด้วยเทคนิคการแช่แข็งแบบผลึกแก้ว (Vitrification) ตัวอ่อนที่แช่แข็งจะถูกเก็บรักษาไว้ในไนโตรเจนเหลว ที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ไข่ที่แช่แข็งสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 10 ปี
อัตราความสำเร็จของการฝากไข่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สุขภาพ ฮอร์โมน จำนวนไข่ที่เก็บได้ คุณภาพไข่ เทคโนโลยีที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ และความพร้อมของมดลูก ตัวอย่างอายุเช่น
อัตราความสำเร็จในการฝากไข่อยู่ที่ประมาณ 20-30%
ผู้หญิงที่อายุ 35-37 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ 40%
ผู้หญิงที่อายุ 38-40 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ 30%
ผู้หญิงที่อายุ 41-42 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ 20%
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี จำเป็นต้องเก็บไข่จำนวนมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
อัตราความสำเร็จในการฝากไข่อยู่ที่ประมาณ 10-20%
ผู้หญิงที่อายุ 40-42 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ 15%
ผู้หญิงที่อายุ 43-44 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์ 10%
ผู้หญิงที่อายุ 45 ปีขึ้นไป มีโอกาสตั้งครรภ์ 5%
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จำเป็นต้องเก็บไข่จำนวนมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
การฝากไข่เป็นการเก็บรักษาแช่แข็งไข่เพื่อช่วยให้เซลล์ไข่เพศหญิงสามารถที่จะนำกลับมาใช้ในการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ ซึ่งอัตราการเก็บไข่และฝากไข่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ อายุ สุขภาพ ฮอร์โมน จำนวนไข่ที่เก็บได้ คุณภาพไข่ เทคโนโลยีที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ และความพร้อมของมดลูก เป็นต้น โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของอายุ ซึ่งหากอายุยิ่งการอัตราการฝากไข่สำเร็จก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที