Big Data คือ การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากขนาดใหญ่ สามารถใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ได้ นำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโต
ในยุคที่ไม่ว่าที่ไหน ๆ ก็ขับเคลื่อนเต็มไปด้วยเทคโนโลยี การเก็บข้อมูลในรูปแบบเก่าที่จะต้องใช้กระดาษในการบันทึกก็ดูล้าหลังไปสักหน่อย จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถนำข้อมูลเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างระบบ Cloud แทน ซึ่ง Big Data คือ ข้อมูลจำนวนมากเก็บเอาไว้แล้วยังสามารถค้นหาได้ทุกที่ ทุกเวลาอย่างสะดวก ไม่ต้องค้นหาข้อมูลในลิ้นชักอีกต่อไป ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับ Big Data กันว่ามีข้อมูลอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนนำไปใช้จริง
มาเริ่มกันที่หัวข้อแรก Big Data คือการรวบรวมเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีทั้งหมดในองค์กร โดยมีข้อมูลเช่น
โดยข้อมูลที่เก็บขนาดใหญ่นี้สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ผล เพื่อศึกษาแนวทางการปรับปรุงเพื่อทำให้ธุรกิจของเราสามารถดึงดูดลูกค้าได้อย่างไรบ้าง ทำให้เปิดโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในเมื่อเราทำความรู้จักกับความหมายของ Big Data คืออะไรกันมาแล้ว ต่อไปเรามาทำความรู้จัดประเภทของ Big Data กันบ้าง ซึ่งการจัดประเภทของ Big Data จะแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่โดยจะเป็น Structured Data ที่แต่ละโครงสร้างจะมีการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน สามารถแบ่งประเภทของ Big Data ได้ดังนี้
ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง คือชุดข้อมูลที่ไม่มีความชัดเจนจัดเรียงกันอย่างไม่เป็นระบบ ซึ่งสามารถพบข้อมูลชุดนี้ในรูปแบบของ บทสนทนากับลูกค้า รูปภาพ วิดีโอ เป็นต้น
ข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน คือชุดข้อมูลที่มีการจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ในฐานข้อมูลได้ พร้อมใช้งานได้ทันที โดยข้อมูลชุดนี้จะประกอบไปด้วย ข้อมูลที่เป็นตัวเลขอย่างเช่น จำนวนการซื้อขายกับลูกค้า ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลลูกค้า
ข้อมูลกึ่งมีโครงสร้าง คือการรวมข้อมูลระหว่างข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจนกับข้อมูลไม่มีโครงสร้าง โดยจะมีโครงสร้างของข้อมูลคร่าว ๆ แต่ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนมากนัก ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะมาอยู่ในรูปแบบของการโต้ตอบบทสนทนากับลูกค้าทางโซเชียลมีเดีย
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลักษณะของ Big Data คืออะไร หัวข้อนี้พวกเราจะพาไปทำความรู้จักกับลักษณะของข้อมูลที่เป็น Big Data กันว่าควรมีลักษณะอย่างไรถึงจะเป็น Big Data และแต่ละคุณสมบัตินั้นมีความหมายอย่างไร โดยจะแบ่ง Big Data เป็น 5V สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
ขึ้นชื่อว่า Big Data ก็จะต้องมีข้อมูลที่เป็นจำนวนมาก มีขนาดใหญ่ ซึ่งการจัดเก็บแบบเดิมไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หมด ปริมาณของข้อมูลจะวัดได้เป็นหน่วย Terabyte ยกตัวอย่างเช่น จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตรายวัน จะเห็นได้ว่ามีจำนวนมาก ไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือแบบเก่า
คือข้อมูลที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการประมวลผลอยู่ตลอดเวลา ทำให้ประมวลผลเป็นแบบ Real-time ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูล GPS ที่จะต้องมีการคำนวณเส้นทางอยู่ตลอดเวลา
จะเป็นข้อมูล Big Data ต้องมีความหลากหลายของข้อมูล รวมถึงการมีรูปแบบข้อมูลที่เป็นโครงสร้าง อย่างข้อมูลที่มีโครงสร้าง ข้อมูลกึ่งโครงสร้าง และข้อมูลไม่มีโครงสร้าง ยกตัวอย่างข้อมูลง่าย ๆ เช่น
Big Data เป็นข้อมูลขนาดใหญ่รวบรวมข้อมูลอย่างมหาศาล ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องและชัดเจน ซึ่งมีความสำคัญที่จะต้องนำไปวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นประโยชน์ได้
ข้อมูลที่รวบรวมมาจาก Big Data สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาองค์กรได้ ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับองค์กรว่าจะไปทิศทางไหนได้เพิ่มให้องค์กรเติบโตอย่างมีคุณภาพ
จากการนำเข้าข้อมูลไปสู่ระบบนั้นข้อดีของ Big Data คืออะไรมีประโยชน์อย่างไรบ้างในส่วนต่าง ๆ ไม่ใช่แค่มีประโยชน์ต่อกับธุรกิจเท่านั้น องค์กรอื่น ๆ ก็สามารถนำเข้าข้อมูลสู่ระบบ Big Data ได้ เรามาดูในส่วนของข้อดีในการใช้ Big Data กัน โดยมี
ข้อมูลถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก หากมีการเก็บข้อมูลและสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ได้ จะทำให้องค์กรสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมาก การจัดเก็บข้อมูลแบบ Big Data คือ สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มของอนาคตได้ เรียกได้ว่าข้อมูลมีมูลค่ามหาศาลมากหากใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที