เลเซอร์ ฝ้า คือ การรักษาฝ้าบนผิวหนังได้ด้วยเลเซอร์คลื่นแสง โดยเลเซอร์จะไปกำจัดเม็ดสีให้จางลง และช่วยให้ผิวหนังฟื้นฟูให้ผิวเรียบเนียน
แม้ว่าใบหน้ามีฝ้าที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนจะไม่ได้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่สูญเสียความมั่นใจจากปัญหาผิวนี้เนื่องจากความกังวลในสภาพผิวหน้า เพื่อรักษาฝ้าให้จางลงได้อย่างถูกจุด “เลเซอร์ฝ้า” จึงเป็นวิธีที่ช่วยรักษาฝ้าและปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ให้หายออกไปจากใบหน้าของเราได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เลเซอร์ ฝ้า คือ การนำพลังงานแสงยิงไปบริเวณผิวที่มีเม็ดสีเพื่อให้ตัวเลเซอร์ไปกระตุ้นคอลลาเจนให้ผลิตเซลล์ใหม่ไวมากขึ้น ซึ่งการเลเซอร์ฝ้าจะเห็นผลไวตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ที่ทำ โดยจะทำให้เม็ดสีบนผิวหนังอย่างฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ดูจางลง ทำให้สีผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ และมีความกระจ่างใสมากขึ้น
ในปัจจุบันนี้มีเลเซอร์รักษาฝ้าที่นิยมใช้อยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ Pico laser, Dual yellow laser และ Q-Switch ซึ่งเลเซอร์ฝ้าแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน
Pico Laser เป็นเลเซอร์รักษาฝ้าและปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น ร่องรอยจากสิว กระ จุดด่างดำ ได้โดยใช้พลังงานคลื่นแสงความถี่สูงที่ความเร็วสูงสุด 1 ต่อล้านล้านวินาที เมื่อยิงเลเซอร์แล้วเม็ดสีที่สะสมภายใต้ชั้นผิวแตกตัวทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถกำจัดเซลล์เม็ดสีได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนซึ่งจะไปช่วยทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยจะมีความยาวคลื่น 2 ระดับ คือ 532 nm และ 1,064 nm
dual yellow laser เป็นเลเซอร์รักษาฝ้าและปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างครอบคลุมโดยใช้พลังงานแสงในการรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ทำลายเซลล์ผิวรอบข้าง ซึ่งเลเซอร์มีแหล่งกำเนิดพลังงานจากสาร 2 ชนิด คือ สารโบรไมด์(Bromide) และสารทองแดง(Copper) ซึ่งทำให้ตัวเครื่องสามารถผลิตแสงได้ 2 ชนิด คือ คลื่นแสงสีเหลือง และคลื่นแสงสีเขียว โดยแต่ละคลื่นแสงก็จะมีคุณสมบัติต่างกัน ดังนี้
อีกทั้งตัวเครื่อง dual yellow laser ยังสามารถนำแสงเลเซอร์ทั้งสองสีมาผสมและปล่อยออกมาพร้อมกันเพื่อเน้นการรักษาปัญหาผิวเฉพาะจุดได้ เช่น
Q-Switch เป็นเลเซอร์ฝ้าที่มีการนำแสงพลังงานสูงที่มีคุณสมบัติปล่อยคลื่นแสงที่มีความเข้มและหนาแน่นสูงบริเวณแคบในระยะเวลาสั้น ๆ มาใช้ทำให้เม็ดสีแตกตัว จากนั้นเซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะไปกำจัดเม็ดสีที่แตกตัวออกไป ทำให้รอยฝ้าจางลงได้โดยไม่ทำลายเซลล์ผิวรอบข้าง
ด้วยความที่เลเซอร์ Q-Switch นี้เป็นเลเซอร์ชนิด Nd:YAG laser และสามารถปรับความยาวคลื่นได้ จึงเหมาะกับการรักษาและดูแลปัญหาผิวได้หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพสูง ดังนี้
สำหรับผู้ที่กำลังลังเลว่ารักษาฝ้าด้วยการทำเลเซอร์ฝ้าดีไหม? ในที่นี้จะมาพูดถึงข้อดีของการทำเลเซอร์รักษาฝ้าเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจรักษาฝ้า ดังนี้
หลังจากที่พูดถึงข้อดีของการทำเลเซอร์ฝ้าแล้ว ต่อมาก็จะมาพูดถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลเซอร์ฝ้ากันบ้าง ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้
อาการบวมแดง เป็นอาการที่มีโอกาสพบบ่อยจากการทำเลเซอร์รักษาฝ้า แต่อาการนี้จะสามารถบรรเทาและหายได้เองในระยะเวลา 24 ชั่วโมง
ผิวไหม้ เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานสูงเกินไป ซึ่งเป็นอาการที่สามารถหายได้โดยการเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการรุนแรงมากขึ้น อย่างเช่น การถูกแดด หรือใช้สารบำรุงผิวที่ไปทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
หลังจากทำเลเซอร์รักษาฝ้า มีโอกาสที่จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ยิงเลเซอร์มีสีเข้มขึ้น ซึ่งจะสามารถจางลงไปได้เอง
ในกรณีที่มีอาการนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น หรือมีอาการรุนแรงไม่ยอมทุเลา ผู้เข้ารับการทำเลเซอร์ฝ้าควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
เลเซอร์ฝ้าเจ็บหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ฝ้าที่เลือกใช้ในการรักษา ดังนี้
ทั้งนี้การใช้เลเซอร์รักษาฝ้าจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะรู้สึกเจ็บหรืออาจจะไม่รู้สึกเจ็บระหว่างฉายเลเซอร์เลย
เลเซอร์ฝ้าจะไม่ได้ทำให้ฝ้าตามบนผิวหน้าหายไปอย่างถาวรเพราะฝ้าเป็นภาวะความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดถาวร อีกทั้งยังมีโอกาสกลับขึ้นมาอีกขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และความเสื่อมถอยของเซลล์ผิว แต่การเลเซอร์รักษาฝ้าจะช่วยให้ฝ้าบนใบหน้าจางลง และช่วยควบคุมการสร้างเม็ดสีไม่ให้ฝ้าเข้มมากขึ้น
สำหรับผู้ที่อยากรักษาฝ้า แต่ก็กลัวว่าเลเซอร์ฝ้าชนิดต่าง ๆ จะเป็นตัวการทำให้ผิวหน้าบางลงนั้นต้องบอกว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ผิดสักทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าการทำเลเซอร์ฝ้าในช่วงแรกจะทำให้ผิวบอบบางลง แต่เลเซอร์ก็จะไปฟื้นฟูผิวหนัง ทำให้ผิวหนังกลับมามีความแข็งแรงอีกครั้งได้โดยที่เม็ดสีบนใบหน้าก็จะเลือนลางลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบันเครื่องเลเซอร์รักษาฝ้าถูกออกแบบสำหรับทำลายจุดที่มีเซลล์เม็ดสีโดยเฉพาะ ซึ่งเลเซอร์นั้น ๆ จะไม่ได้ไปทำลายพื้นผิวบริเวณใกล้เคียงให้ผิวบางลงหรือเกิดความเสียหายอื่น ๆ ดังนั้นหากต้องการเลเซอร์รักษาฝ้าก็สามารถทำได้อย่างไร้กังวล
โดยส่วนมากแล้วเลเซอร์รักษาฝ้าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณครั้งที่ 3-5 ขึ้นไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษา ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและคอยดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ดี โดยส่วนมากแล้วแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับทำเลเซอร์ฝ้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
เลเซอร์ฝ้า เป็นการรักษาที่จะช่วยทำให้ฝ้าที่ขึ้นตามผิวหนังจางลงได้โดยการใช้เลเซอร์พลังงานแสง และยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูกลับมาเรียบเนียนน่าสัมผัสได้อีกด้วย ซึ่งการทำเลเซอร์รักษาฝ้าจะได้รับผลที่น่าพึงพอใจได้นั้น นอกจากจะต้องได้รับความร่วมมือในการดูแลตนเองของผู้เข้ารับการรักษาแล้ว ยังควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะเกิดปัญหาหลังจากทำเลเซอร์
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที