ยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาริ้วรอยก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา และรอยย่นระหว่างคิ้ว มาป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรกันเถอะ
เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็เริ่มค่อย ๆ เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็เริ่มเกิดริ้วรอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ เนื่องจากผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดีเท่าที่ควร ก็จะยิ่งทำให้ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยใต้ตาและริ้วรอยบนใบหน้ามองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะการเกิดริ้วรอยไม่ได้หายไปได้เองตามธรรมชาติ หากเกิดแล้วก็ยากที่จะรักษา การดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอกจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ในปัจจุบันได้มีสถานเสริมความงามมากมายที่มีบริการดูแลผิวพรรณทั้งใบหน้าและลำตัว เพื่อคงสภาพผิวหนังให้เต่งตึงกลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง คอลัมน์นี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับริ้วรอย ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และมีวิธีลดริ้วรอยอย่างไรได้บ้าง
ริ้วรอย (Wrinkle) คือ ปัญหาผิวพรรณที่เกิดรอยย่น ยับเป็นริ้ว หน้ามีริ้วรอยเป็นเส้น กรณีที่เป็นมากจะมีร่องลึกลงไปในผิว ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยส่วนมากริ้วรอยจะเกิดขึ้นเมื่อมีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป และจะมองเห็นได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ซึ่งจะเกิดปัญหาด้านผิวหนังทั้งลำตัว แต่บริเวณที่พบเห็นได้ง่ายก็คือใบหน้า คอ มือ และแขน
โดยปกติแล้ว ผิวหนังของเราจะมีส่วนประกอบที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง 3 อย่างก็คือ คอลลาเจน (Collagen) หรือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ช่วยสร้างเนื้อเยื่อต่างในร่างกาย, อิลาสติน (Elastin) คือ ตัวช่วยที่ทำให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่นและคืนรูปได้เองตามธรรมชาติ และกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic) ที่ช่วยทำให้ผิวอิ่มน้ำ เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และเมื่ออายุมากขึ้นส่วนประกอบทั้งสามก็เริ่มลดลงไป นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยดังนี้
คุณจะมองเห็นริ้วรอยได้อย่างชัดเจน เมื่อคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม หรือไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง จะส่งผลให้ร่างกายขาดสาร Growth Hormones ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายที่สึกหรอ รวมถึงเซลล์ผิวหนัง ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าที่ไม่อาจซ่อมแซมได้
เมื่ออายุย่างก้าวเข้า 25 ปี ปัญหาริ้วรอยก็เริ่มเกิดขึ้น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างสารที่ทำให้ผิวหนังเต่งตึงได้เหมือนเดิม และจะยิ่งเสื่อมสภาพลงปีละประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยใต้ตา หน้าผากย่น ไม่เต่งตึงสวยงามเหมือนแต่ก่อน
การถูกแสงแดดมากจนเกินไปจะทำร้ายผิวพรรณ เนื่องจากแสงแดดมีแสงรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) สารรังสีเข้มข้นที่สามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนัง รังสี UV สามารถทำลายคอลลาเจน อิลาสติน และไฟเบอร์ต่าง ๆ ในชั้นผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ เสียความยืดหยุ่น และส่งผลให้เกิดริ้วรอยตามมา
ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าส่วนหนึ่งเกิดจากการขยับใบหน้าในลักษณะท่าทางต่าง ๆ เช่น หัวเราะ เลิกคิ้ว ขมวดคิ้ว หรือท่าทางอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวหนังบางส่วนถูกกดเข้าหากัน ทำให้เกิดริ้วรอย และหากยังขยับทำท่าเดิมซ้ำ ๆ ก็จะยิ่งทำให้เป็นร่องลึกมากขึ้น
หากคุณไม่อยากเกิดปัญหาริ้วรอยก็ควรละเว้นการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) และสารเคมีอื่น ๆ ที่สร้างสารอนุมูลอิสระ (Oxidant) ภายในร่างกาย ทำลายเซลล์ต่าง ๆ และคอลลาเจนในชั้นผิว ส่วนเหล้าก็มีผลทำให้ผิวขาดน้ำ ทำให้ใต้ตาเหี่ยว มีตีนกา และปัญหาความหมองคล้ำต่าง ๆ ตามมา
ร่างกายของแต่ละคนย่อมมีพันธุกรรมที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีอายุมากขึ้นก็ย่อมเกิดริ้วรอย เพียงแค่ความลึก ความรุนแรง ความยากง่ายของริ้วรอยบนใบหน้าจะแตกต่างกันไปตามลักษณะผิวพรรณของแต่ละบุคคล
สำหรับผู้มีผิวแห้ง หรือมีกรดไฮยาลูรอนในผิวน้อย ย่อมเกิดริ้วรอยได้ง่าย เพราะผิวขาดความชุ่มชื้น เซลล์กักเก็บน้ำในผิวน้อยลง ทำให้ผิวไม่ยืดหยุ่น และเต่งตึง เมื่อผิวมีการพับ ก็จะไม่สามารถคืนตัวกลับได้ ทำให้เกิดรอยย่น และริ้วรอยบนใบหน้า
หากคุณเครียดก็จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงการเกิดริ้วรอย เนื่องจากความเครียดจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีส่วนเข้าไปทำลายโครงสร้างของโปรตีนในผิวหนัง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่าย
ริ้วรอยร่องแก้มอาจเห็นได้ชัดแม้ว่าคุณจะยังไม่ได้ขยับใบหน้าเลย ทำให้คุณรู้สึกปวดใจจนอยากจะเอายางลบมาลบเลือนรอยย่นนั้น ๆ พฤติกรรมที่ทำให้คุณเกิดริ้วรอยได้แบบไม่รู้ตัวและควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนั้น ๆ ได้แก่ การขยี้ตาบ่อย ๆ, การเช็ดตาแรง ๆ, เลิกคิ้วหรือขมวดคิ้วอยู่เป็นประจำ, ยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ ตลอดจนนอนคว่ำหรือนอนตะแคง อันส่งผลให้เกิดปัญหาผิวพรรณ ชนิดของริ้วรอยมีอะไรบ้างไปดูกัน
เป็นริ้วรอยบนใบหน้าในระยะแรกเริ่มที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน มักเกิดจากผิวหนังขาดน้ำ อันเป็นสาเหตุจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ เช่น อยู่ในห้องปรับอากาศ หรือสถานที่ที่มีความเย็นตลอดทั้งวัน ซึ่งจะจางหายได้ง่ายกว่าริ้วรอยแบบร่องลึกเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ริ้วรอยแบบนี้จะเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้หนังแท้กับหนังกำพร้าดึงเข้าหากันจนเกิดรอยย่น มักพบได้มากในผู้มีผิวแห้ง และผิวมัน รวมถึงผู้ที่มีพฤติกรรมชอบแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว เลิกหน้าผาก เป็นเวลานาน ๆ อันส่งผลให้เกิดรอยย่น หรือร่องลึกได้เร็วขึ้น
การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หน้ามีริ้วรอยจะช่วยชะลอไม่ให้ริ้วรอยเกิดเพิ่มมากขึ้น เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด, นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ, ไม่ทำให้ผิวแห้ง, งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิธีลดริ้วรอยอย่างได้ผลอีกมากมายที่คุณสามารถพิจารณาได้ว่าวิธีไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุด
ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์ครีมลดริ้วรอยออกวางจำหน่ายอย่างมากมาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ดีจะต้องมีส่วนผสมของ AHA, Vitamin A acid, โคเอนไซม์ คิวเทน, Vitamin C และกรดไฮยาลูรอน เพื่อลดปัญหาริ้วรอยและยังสามารถฟื้นฟูผิวพรรณได้อย่างลึกถึงต้นตอ
วิธีลดริ้วรอยยอดนิยมที่มาแรงอย่างการฉีดโบท็อก (Botulinum toxin A) จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ริ้วรอยใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้อย่างเห็นผล นอกจากนี้ยังช่วยปรับรูปหน้า ทำให้หน้าเรียว ลดกราม ปรับหน้าได้รูปสวยงาม ช่วยลดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ และกระชับผิวได้อีกด้วย
การเลเซอร์ผิวหน้าช่วยกระตุ้นผิวให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน และลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี การเลเซอร์มีหลายวิธีด้วยกัน อาทิเช่น Nd:YAG, Fractional laser และ IPL ซึ่งจะเห็นผลเร็ว แต่อาจเจ็บบ้าง และใช้เวลานานกว่าผิวจะฟื้นฟู อีกทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วย
การทำทรีตเมนต์สามารถช่วยลดริ้วรอยได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การผลัดเซลล์ผิวใหม่ หรือการยกกระชับผิว ที่ช่วยทำให้หน้ากระชับเต่งตึง สามารถทำทรีตเมนต์ด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency therapy) เพื่อปล่อยคลื่นวิทยุกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินที่อยู่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้น
การบำรุงร่างกายด้วยการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมช่วยลดเลือนริ้วรอยจะสามารถต้านการเกิดอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, โคเอนไซม์คิวเท็น, แอลฟาไลโพอิกแอซิด, สารสกัดจากองุ่น, เรสเวอราทรอล, OPC และแอสตาแซนทิน เป็นต้น
ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม หากปล่อยไว้จะยิ่งทำให้ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกาลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ และรักษาได้ยาก ทีนี้เรามาดูกันว่าคำถามที่มักพบได้บ่อยเกี่ยวกับริ้วรอยมีอะไรบ้าง
การล้างหน้าไม่ได้ทำให้เกิดริ้วรอยเสมอไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่การล้างหน้ามากจนเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวชุ่มชื้นน้อยลง เกิดรอยพับได้ง่าย จึงควรทำความสะอาดหน้าวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอ
การแต่งหน้าเป็นประจำก็ไม่ได้ทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น แต่ไม่ควรทำความสะอาดใบหน้าที่รุนแรง และปล่อยให้ผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมรองพื้นหรือแป้งที่มีเนื้อบางเบาที่สุด เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิว และไม่ล้างหน้าบ่อยจนเกินไป ทั้งนี้ควรหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ
ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา เกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น และยิ่งมองเห็นได้ชัดเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป การที่ผิวขาดความอิ่มน้ำ ขาดคอลลาเจน และสารบำรุงผิวอื่น ๆ ทำให้โครงสร้างของผิวเริ่มอ่อนแอ และเสื่อมสภาพลง ไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม เพื่อยับยั้งการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร จึงควรดูแลร่างกายหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และหมั่นบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยยืดอายุผิว และลดริ้วรอยลงได้
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที