ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับ Technology!!
สำหรับข้าพเจ้าในตอนนี้นั้น นับว่าใกล้จะหมดเวลาของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายเข้าไปทุกนาที แต่อย่างไรก็ตาม แม้ข้าพเจ้าจะไม่ได้เป็นนักเรียน แต่ความประทับใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายทั้งดีทั้งร้าย อาจมาจากการนำพาของโชคชะตาหรือสิ่งอื่นใดก็ตาม ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดเป็นความทรงจำอันล้ำค่า ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าหลายๆคน ย่อมเคยมีช่วงเวลาดีๆเช่นนี้อยู่ในช่วงชีวิตของการเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และแน่นอนว่า ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ เรามีสิ่งที่เพิ่มสีสันให้กับประสบการณ์ดีๆของเรามากมาย ซึ่งมาจากผลของเทคโนโลยีนั่นเอง
ว่ากันว่าสูตรสำเร็จของชีวิตมัธยมปลายคือการหมั่นท่องจำหนังสือ เพื่อเตรียมตัวสอบแข่งขันสุดหฤโหด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของชีวิต นั่นคือ Entrance หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า Admission ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าและเพื่อน ได้ชมภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง คือ Final score เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตเด็กเตรียมสอบ Entrance ทำเอาพวกเราหวาดผวากันไปตามๆกัน และในช่วงขณะนั้น (2549-2550) เป็นช่วงที่ราคาของ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น Flash Drive ลดลง ทำให้หลายๆคนมีเจ้านี่ไว้ในครอบครอง แน่นอนว่ารวมถึงข้าพเจ้าด้วย และนั่นทำให้พวกเราเพลิดเพลินไปกับการเซฟภาพหรือเซฟเพลง รวมไปถึงงานต่างๆ เอาไว้แบ่งกันใช้แบ่งกันดู และปัญหาปวดสมองที่ตามมาคือ ไวรัส ซึ่งได้รับการพัฒนาจากบุคคลที่เราๆนั้นไม่ต้องประสงค์ โปรแกรมสแกนไวรัสหลายโปรแกรมก็ไม่สามารถจัดการกับตัวปัญหานี้ได้ สร้างความหนักอกหนักใจให้กับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ อย่างมาก แต่ที่สุดนั้นเพื่อนที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์ก็ทำให้เจ้าไวรัสวายร้าย พ่ายแพ้ต่อมันสมองของมนุษย์จนได้ ยังมีเรื่องที่ทำให้เพื่อนข้าพเจ้าหลายคนต้องร้องโอดโอย เมื่อราคาของ Flash Drive ลดลง เพื่อนหลายคนเดินมาพร้อมกับอวดของใหม่ที่ซื้อมา ราคาก็ถูก ความจุก็เยอะข้าพเจ้าได้แต่อิดฉาอยู่ในใจ เพราะของเก่าที่ได้มาจากแม่นั้น แพงแสนแพง แต่ความจุกระจิดริดนัก ที่สำคัญรูปร่างใหญ่อีกด้วย (ของเพื่อนอันเล็กนิดเดียว) แต่ยังไม่ทันไร เจ้าเครื่องที่เพื่อนๆซื้อมายังไม่ทันจะแกะกล่องดี ราคาของมันก็ลดวูบลงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ราคาถูกมากจนหลายคนได้ฤกษ์ซื้อเครื่องใหม่ และทำให้เพื่อนๆที่พึ่งจะซื้อมานั้น หน้าบูดไปอีกหลายวัน เรื่องนี่สอนให้รู้ว่า ช้าๆได้พร้าเล่มถูกกว่า แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะทำให้หลายๆคนสูญเสียก็ตาม แต่ก็เรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้มากเช่นกัน เมื่อนำมาเล่าสู่กันฟัง
หากข้าพเจ้ายังไม่ได้กล่าวก็ขอกล่าวเอาไว้ ณ ที่นี้ ว่าข้าพเจ้าเรียนอยู่โรงเรียนประจำ แน่นอนว่ามีเรื่องสนุกสนานไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะเมื่อโรงเรียนข้าพเจ้ามี ไวเลส หรืออินเตอร์เน็ตไร้สาย ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมาก ประโยชน์สำคัญของไวเลสคือ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการปั่นงานหลังจากหมกพอกหางหมูมานาน โดยปกติแล้วงานที่อาจารย์สั่งนั้น ข้าพเจ้าและเพื่อนมักจะทำมาจากที่บ้าน แต่ก็ลำบากเพราะต้องแบ่งๆกันทำแยกเป็นคนละส่วน ต้องโทรศัพท์เพื่อตกลงกันในการทำงาน แต่หลังจากมีไวเลสเราก็ได้มีโอกาสมุงกันทำงาน หรือจริงๆแล้วคือได้มีโอกาสช่วยเหลือกันทำงานมากยิ่งขึ้น ให้สมกับเป็นงานกลุ่ม แต่ที่สุดยอดไปกว่านั้น คือการที่ข้าพเจ้าและผองเพื่อนได้ร่วมกันใช้ประโยชน์ที่สนุกสนานของNotebook นั่นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการ ดูหนัง ใครมีเรื่องอะไรเด็ด สนุก ก็เอามาแบ่งกันดู มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่นักเรียนมัธยมปลายห้องหนึ่งกำลังมุงดูหนังญี่ปุ่น เป็นหนังที่สร้างมาจากการ์ตูน ขอให้ผู้อ่านคิดภาพตามไปด้วย นักเรียนราวๆ ยี่สิบกว่าๆชีวิต มุงรอบ Notebook บ้างนั่ง บ้างยืน นั่งเก้าอี้ นั่งพื้น บางคนเอียงคอดู น่ากลัวดูจบคอจะเคล็ด เอียงไปเป็นเดือนๆ และขณะนั้นเอง ขณะที่ทุกคนกำลังเมามัน อาจารย์คนหนึ่งก็เดินเข้ามา นี่พวกเธอดูหนังลามกกันอยู่หรือ เท่านั้นอาจารย์ได้ได้รับเสียงโห่ฮาจากพวกเราด้วยความเคารพ
ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าขอย้อนกลับมาที่ไวเลสอีกครั้ง จากวินาทีที่เราใช้ไวเลส ในการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยความสบายใจ ก็เปลี่ยนเป็นวินาทีระทึกใจที่พวกเราใช้อินเตอร์เน็ตในการดูประกาศผลสอบเข้าตามมหาวิทยาลัยต่างๆ บรรยากาศชวนให้อึดอัด ตื่นเต้น หรือหดหู่ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ถูก แผ่กระจายรอบๆตัวพวกเราทุกคน บางคนแอบมีเหงื่อซึมเล็กน้อย หลังจากลุ้นกับแทบหยุดหายใจ ปรากฏว่า เน็ตล่ม ไม่สามารถเปิดได้ในขณะนี้ ทำเอาทุกคนบ่นอุบอิบกันไปหลายนาที แต่เมื่อ Login ได้อีกครั้ง บรรยากาศเดิมก็หวนกลับคืนมา แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ดูผลสอบของตัวเองก็อดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ เมื่อไรที่บนหน้าจอ LCD เล็กๆ ปรากฏชื่อเพื่อนที่คุ้นเคยก็จะได้ยินเสียงตบมือโห่ร้องด้วยความยินดี แต่เมื่อไรที่เลื่อนดูจนครบแล้วไม่ปรากฏชื่อออกมา เสียงตบมือจะแปรเปลี่ยนมาเป็นตบหลังแทน จะอย่างไรข้าพเจ้ามีคำปลอบใจสวยหรูสำหรับเพื่อนเพียงประโยคเดียว ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยให้เพื่อนๆหายจากเศร้าได้บ้าง นั่นคือ ข้าพเจ้าจะพูดว่า เคยคิดบ้างไหม ว่าอะไรหลายๆอย่างที่เราคิดว่าบังเอิญนั้น อาจไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดมาให้เกิดขึ้นกับเรา ดังนั้นฉันคิดว่าการที่เธอไม่ติดนั้นเป็นเพราะพระเจ้าเห็นแล้วว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับเธอ มันอาจจะไม่ดีสำหรับอนาคตหรือปัจจุบันดังนั้น ขอให้เชื่อมั่นทำให้เต็มที่แล้วสิ่งที่เหมาะสมกับเราก็จะเดินทางมาหาเราเองโดยไม่ต้องร้องขอ ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนเรื่องเลยเพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกเครียดหรือหดหู่ตามบรรยากาศข้างต้น กลับมาที่ Notebook อีกครั้ง ครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้รับ E-book เกี่ยวกับชีวิตของในหลวง ดังนั้นจึงนำมาแบ่งปันกันดู เป็นอีกครั้งที่ความประทับใจแพร่กระจายไปพร้อมกับรอยยิ้มและความอบอุ่นในหัวใจ พร้อมกับความรู้สึกเดียวกันที่มีต่อมหาบุคคลในจอ LCD กลับมาที่ประสบการณ์ในการทำละครเวทีของระดับชั้นของข้าพเจ้าเอง เป็นโชคดีที่มีรุ่นพี่ที่ทางบ้านประกอบอาชีพให้เช่ายืมเวที ทำให้พวกเรามีเวทีงามๆไว้ใช้ในการแสดง ทั้งนี้รวมไปถึงไฟสีๆและไฟสีขาวดวงใหญ่ที่มักจะฉายกันตามงานใหญ่ เช่นเดียวกับที่เห็นในโทรทัศน์ ซึ่งเพิ่มความหรูหราให้กับเวทีได้อีกมาก และข้าพเจ้าเองก็ติดอกติดใจกับแผงวงจร การควบคุมไฟมาก เป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนแปลกใหม่สำหรับชีวิต วิธีการเปิดไฟสีขาวดวงใหญ่ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงทำ เพราะร้อนและต้องอยู่ที่สูง ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เล่น ไม่ใช่สิ ได้ควบคุมไฟสีๆร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่า วิธีการเปิดไฟนั้น บนแท่นเปิดเป็นระบบสัมผัส ไม่ใช่ปุ่มแข็งๆที่เวลากดเปิด ปิด มีเสียงดัง เพียงแค่พรมนิ้วไปมา คล้ายกับการเล่นเปียโน ไฟก็จะติดๆดับๆ แวบๆ เหมือนที่เห็นกันตามงานวัดหรือเวทีใหญ่ๆนั่นเอง และจากการร่วมมือกันของทุกๆคน ละครของเรานั้นก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้รับคำชมจนหน้าบานไปตามๆกัน อิ่มอกอิ่มใจกันยกระดับ หลังจากแสดงละครจบแล้ว ก็ได้เทคโนโลยีจากมอเตอร์ไซค์ หรือรถจักรยานยนต์ของอาจารย์ท่านใดไม่ทราบ ซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้รับประทานกันแก้หิว (แสดงรอบดึก) ตบท้ายด้วยการนั่งตากแอร์ บางคนลุกขึ้นมาเต้นตามเสียงเพลงที่เปิดคลอ เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ สร้างความอบอุ่นใจยิ่ง ทำให้นึกอยากเป็นนักเรียนมัธยมปลายต่อไปอีกเนิ่นนานตราบเท่าที่จะได้ แต่เวลาผ่านไปเร็วเสมอในเรียนโรงเรียนประจำ
หลายคนกล่าวว่าเทคโนโลยีเปรียบเสมือนดาบสองคม ข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่งและอยากเติมเข้าไปอีกว่าคมมากๆ เพราะยิ่งอำนวยความสะดวกให้กับเรามากเท่าไรมันก็จะสะท้อนผลเสียกับมาให้กับเรามากเท่านั้นหรืออาจมากกว่าเดิมอีกด้วย แต่จะอย่างไรข้าพเจ้านึกขอบคุณในคุณค่าของเทคโนโลยีเสมอ และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า ในชีวิตมัธยมปลายเทคโนโลยีก็เสมือนกระเป๋าสตางค์ที่ติดตัวตลอดเวลา หรืออันที่จริง อาจติดตัวข้าพเจ้ามาตั้งแต่เกิดแล้วก็เป็นได้ ข้าพเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน ข้าพเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ลุ้นผลการสอบร่วมกับเพื่อนๆ ดูหนังร่วมกันสนุกไปพร้อมๆกัน คงไม่มีโอกาสได้แสดงละครที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หรือแม้แต่อาจไม่มีภาพถ่าย ที่ระลึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก หากไม่มีเทคโนโลยี ชีวิตเข้าเจ้าคงไม่อาจสมบูรณ์เฉกเช่นทุกวันนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณทุกทฤษฎีบท และกระบวนการต่างๆ ที่นำมาซึ่งเทคโนโลยีอันล้ำค่า และสนุกสนาน ขอขอบคุณอีกครั้งและหวังว่าผู้อ่านจะรู้สึกเช่นเดียวกับข้าพเจ้า
My school. => Princess Chulabhorn 's College Chonburi.
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที