CXO.Asia

ผู้เขียน : CXO.Asia

อัพเดท: 04 ต.ค. 2006 20.49 น. บทความนี้มีผู้ชม: 11751 ครั้ง

ในการบริหารการจัดการ แบบเชื่อมโยง เพื่อก้าวสู่ยุคแห่งปัญญานั้น มีความเป็นผู้นำ เป็นจุดเริ่ม

ความสำคัญของผู้นำ ก็เปรียบเสมือนชื่อ เป็นทิศทางที่ถูกต้อง เป็นดาวเหนือ เป็นประภาคาร สำหรับการจัดการ และการอื่นๆ ทุกอย่าง

หน้าที่อันแท้จริงของผู้นำ ก็คือ การนำไปในทางที่ถูกต้อง ประดุจ กัปตันเรือต้องหันหัวเรือไป ในทางที่ถูกต้องก่อนทำการอื่นใดเสมอๆ


ตอนที่ ๑ การบริหาร การจัดการ แบบเชื่อมโยง เพื่อก้าวสู่ยุคแห่งสติปัญญา

ตอนที่ ๑ ความเป็นผู้นำ แบบเชื่อมโยง เพื่อก้าวสู่ยุคแห่งปัญญา

 

ในการบริหารการจัดการ แบบเชื่อมโยง เพื่อก้าวสู่ยุคแห่งปัญญานั้น มีความเป็นผู้นำ เป็นจุดเริ่ม

 

ความสำคัญของผู้นำ ก็เปรียบเสมือนชื่อ เป็นทิศทางที่ถูกต้อง เป็นดาวเหนือ เป็นประภาคาร สำหรับการจัดการ และการอื่นๆ ทุกอย่าง

 

หน้าที่อันแท้จริงของผู้นำ ก็คือ การนำไปในทางที่ถูกต้อง ประดุจ กัปตันเรือต้องหันหัวเรือไป ในทางที่ถูกต้องก่อนทำการอื่นใดเสมอๆ

 

หลักพื้นฐานที่สุด หรือ ใบไม้เพียง ๓ ใบที่สำคัญที่สุด ของผู้นำ คือ

 

๑ ความกล้าหาญ

๒ ความซื่อตรงต่อตัวเองและผู้อื่น

๓ สติปัญญา ที่เชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่แตกแยก

 

อันดับแรก ความกล้าหาญ

ไม่ว่าจะเป็นยุคใดๆ มนุษย์ เราย่อมมีความกลัวเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานที่สุด เรามีความกลัว ความหวาดหวั่น อันลึกซึ้งอยู่ภายในใจ

มนุษย์ที่มีความกล้าหาญ มากกว่าผู้อื่นในกลุ่ม ย่อมทำให้ผู้คนอื่น รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เป็นดึงดูดผู้อื่นโดยอัตโนมัติ

เมื่อเจอกับอุปสรรค ความยากลำบาก วิกฤติต่างๆ ผู้นำที่มีความกล้าหาญในตัวอยู่มาก ย่อมไม่หวาดหวั่น หวาดกลัว เช่นคนทั่วไป

ย่อมอาศัยความกล้าหาญในใจ เป็นอาวุธอันเข้มแข็งที่สุด ฝันฝ่าอุปสรรค ความยากลำบาก วิกฤติต่างๆ ทั้งปวงได้

 

อันดับสอง ความซื่อตรงต่อตัวเองและผู้อื่น

ผู้นำที่มีความกล้าหาญ และสามารถเอาชนะตัวเอง โดยเอาชนะความกลัวอันลึกซึ้งภายในใจ ของตัวเองได้นั้น

ย่อมได้รับรางวัลเป็นจิตใจอันเข้มแข็ง มั่นคง ซื่อตรง ต่อทั้งตัวเองและผู้อื่น ไม่คดงอไปกับความกลัว และความอ่อนแอภายในใจ

กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ของตนเองและผู้อื่น

ความซื่อตรงต่อตัวเองและผู้อื่นนี้ ย่อมเป็นพื้นฐานอันเข้มแข็ง มั่นคง และซื่อตรง ของศีลธรรม คุณธรรม อันดีงามอื่นๆ ทั้งปวง

รัศมีและพลังของความดีงามที่เกิดขึ้น ย่อมดึงดูดผู้คนโดยอัตโนมัติ และเป็นแรงคอยเกื้อหนุนแ่ก่ผู้นำนั้นและผู้คนอื่นๆ ทั้งปวง

 

อันดับทีี่สาม สติปัญญาที่เชื่อมโยงสิ่งต่างๆได้โดยไม่แตกแยก

เป็นสติที่รู้ตัว ตื่นตัว รู้ตนเป็นอย่างดี ไม่หวั่นไหวไปกับ กระแสความเปลี่ยนแปลงที่ไหลเชี่ยว อยู่โดยรอบ

เป็นปัญญาที่รู้รอบ รู้ครบ รู้ทัน ทั้งที่ไปและที่มา(ประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน และอนาคต) ของสิ่งต่างๆ ในกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ไหลเชี่ยวได้

เป็นปัญญาที่รู้เพื่อเชื่อมโยง ทั้งข้อดีและข้อด้อย ของกระแสและสิ่งต่างๆ โดยไม่แตกแยก

 

ดังนั้นเมื่อมี หลักพื้นฐานที่สุด หรือ ใบไม้เพียง ๓ ใบที่สำคัญที่สุดนี้ ผู้นำนั้นก็จะสามารถ ทำหน้าที่ของผู้นำที่แท้จริงได้ อย่างดียิ่ง

 

ความเป็นผู้นำสามารถมีอยู่ และพัฒนาขึ้นได้ในมนุษย์ทุกคน แต่มีเพียงคนส่วนน้อยเหลือเกิน ที่สามารถปลดล็อก ความสามารถนี้ออกมาได้เต็มที่

 

ระดับหรือขั้นของผู้นำ มีดังนี้ คือ

 

ระดับแรก ผู้นำทางของตนเอง

ผู้นำจะต้องมี หลักพื้นฐานที่สุด หรือ ใบไม้เพียง ๓ ใบที่สำคัญที่สุดก่อน เพื่อที่จะนำและพัฒนาตัวเองให้แข้มเข็ง และเฉียบคม

เหมือนดาบชั้นดีที่ต้องหมั่นฝีกฝน พัฒนาและลับฝีมือคมอยู่เป็นประจำ ต่อเนื่อง เสมอๆ

 

ระดับแรก ผู้นำทางของครอบคัว

เมื่อผู้นำแข้มเข็ง เฉียบคมในตัวเองแล้ว ก็จะเป็นผู้นำที่ดียิ่งของคนในครอบครัว

ครอบครัวย่อมเป็นกำลังใจ เป็นแรกผลักดัน ให้พัฒนาความเป็นผู้นำให้ดี สมบรูณ์ ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

ครอบครัวย่อมเป็นขั้นการเติบโต และพัฒนาการตามธรรมชาติที่ดีที่สุด และสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในการพัฒนาความเป็นผู้นำ

ผู้นำที่แท้จริงจึงควรที่จะตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์อันยิ่งใหญ่นี้

ผู้นำครอบครัวที่ดียิ่ง ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับผู้นำในสังคม และประเทศชาติ

 

ระดับที่สอง ผู้นำทางของสังคม

การมีสังคมที่เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่ดี ย่อมเป็นคุณอันมหาศาลแก่ตัวเราและครอบครัวของเรา

ผู้นำที่แท้จริง จึงไม่ควรละเลยการมีส่วนร่วม ต่างๆ ในสังคม

สิ่งนี้เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ และสังคมเล็กๆ ที่เหนียวแน่น เน้นความมีส่วนร่วมของผู้คน

ย่อมเป็นสังคมที่คอยเหนี่ยวนำความเข็มแข้ง ภูมิคุ้มกันที่ดีต่อ สังคมหรือชุมชนอื่นๆ

และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญยิ่งของชาติที่เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่ดี

 

ระดับที่สาม ผู้นำทางของประเทศชาติ

ผู้นำทางประเทศชาติที่แท้จริงย่อมประกอบด้วยความเป็นผู้นำสามระดับแรก อย่างเข้มแข็ง และเฉียบคม

ผู้นำย่อมประกอบด้วย ความกล้าหาญ ความซื่อตรง สติปัญญาที่เชื่อมโยงโดยไม่แตกแยก

มีปัญญาที่รู้รอบ รู้ครบ รู้ทัน ทั้งที่ไปและที่มา(ประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน และอนาคต) ของสิ่งต่างๆ ในกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ไหลเชี่ยวได้

ตระหนักถึงความสำคัญและมองเห็นภาพที่ชัดเจนของ การสร้างชาติเพื่อคนรุ่นต่อไป ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ ๒๐ หรือ ๓๐ ปีขึ้นไป

หน้าที่หลักอย่างหนึ่ง คือการมองเห็นภาพโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับพัฒนาการ และการเติบโตของคนรุ่นต่อไปได้

หน้าที่นี้เป็นสิ่งที่ผู้นำรู้ดี แต่ในความเป็นจริงมีเพียงผู้นำส่วนน้อยที่สุด หรือผู้นำในผู้นำ เท่านั้นที่สามารถเชื่อมโยงภาพนั้น

ไปสู่การสร้างขึ้นมาให้สำเร็จในความเป็นจริงได้

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที