อาการปวดคอ บ่า ไหล่ พบบ่อยๆในวัยคนทำงาน การรักษา การดูแล รวมถึงสาเหตุ มีให้อ่านอยู่ทั่วไป หรือแม้แต่ในสำนักงานเอง แต่ทำไงได้ยังต้องนั่งทำงานอยู่เหมือนเดิม มันก็ยังปวดอยู่ดี
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ของคนนั่งทำงาน office เราเรียก "ซินโดรมออฟฟิซ" (Office Syndrome) คือ คำพูดที่ใช้เรียกอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่พบบ่อยในที่ทำงานตามปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการใช้เวลานานในการนั่งทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์ และต้องนั่งเป็นส่วนใหญ่
ไม่มีการพักผ่อน ไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอ การวางแนวตัวไม่ถูกต้อง เก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางไม่ถูกต้อง และแสงสว่างที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น และแน่นอนว่าหากเราต้องนั่งทำงานทั้งวัน สมาธิจดจ่อกับการทำงาน ก็ต้องหลงลืมว่าต้องเปลี่ยนอริยาบทแล้วนะ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปวดตามตัวแล้ว
อาการปวดคอ บ่า ไหล่: เนื่องจากการทำงานตลอดเวลาที่ต้องเงยหน้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ตึงตัว เคลื่อนไหวได้ยาก
อาการปวดหลัง: เนื่องจากการนั่งทำงานตลอดเวลาทำให้เกิดการเคลื่อนไหวน้อยลง และทำให้กล้ามเนื้อหลังและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอ่อนแอและตึงตัว
อาการปวดข้อมือเป็นเรื้อรัง: เนื่องจากการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ในระยะเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อข้อมืออักเสบ
อาการตาพร่า: การทำงานตลอดเวลาที่มีการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ และการส่องสว่างที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ตาอ่อนเพลียและมีอาการตาพร่า
อาการหงุดหงิด และความเครียด: การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นประจำอาจส่งผลให้เกิดความเครียดและความรู้สึกไม่สบายใจ
การตรวจสอบตำแหน่งการทำงาน : ให้แน่ใจว่าโต๊ะทำงานและเก้าอี้มีความสมดุล รองรับร่างกายในท่าที่ถูกต้อง ควรเปลี่ยนแปลงตำแหน่งร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
การพักผ่อนและการเคลื่อนไหว: ควรให้เวลาพักผ่อนในช่วงเวลาทำงาน ควรยืดกล้ามเนื้อและเคลื่อนไหวตัวอย่างสม่ำเสมอ
การติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสม: เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระดับสายตาที่ถูกต้องและคีย์บอร์ดที่มีการรองรับสุขภาพของข้อมือ
การบริหารจัดการเวลาและการทำงาน: ควรทำการตั้งค่าเวลาและกำหนดการเพื่อให้มีการพักผ่อนอย่างเพียงพอระหว่างการทำงาน
หากคุณมีอาการที่รุนแรงหรือติดเชื้อเพียงพอ คุณควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
การรักษามีหลากหลายรูปแบบ การเลือกวิธีการรักษารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเป็นเรื่องขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาทางสุขภาพ และการตอบสนองของร่างกายในแต่ละบุคคล ดังนั้นการเลือกรูปแบบการรักษาที่เหมาะสม ควรพิจารณาถึงประสิทธิภาพของวิธีการรักษาในสภาวะที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเเช่น
การนวดกล้ามเนื้อ (Massage) มีประโยชน์ในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียด บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง และเพิ่มการไหลเวียนเลือด นวดกล้ามเนื้อสามารถปรับปรุงความผ่อนคลาย ส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกายได้ในบางกรณี
อีกทั้ง High laser (เครื่องแสงเลเซอร์) ก็เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้แสงเลเซอร์สูงสำหรับการรักษาอาการต่าง ๆ อาทิเช่น การบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง การบำบัดการบาดเจ็บ และการฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัด
การเลือกระหว่างนวดกล้ามเนื้อและเครื่อง High laser ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม สภาพ รวมถึงปัญหาทางสุขภาพของบุคคล คุณควรพูดคุยและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อการประเมิน และคำแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
การฝังเข็มกระตุ้น (Acupuncture) เป็นเทคนิคการรักษาทางการแพทย์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเชิงพุทธในอดีต การฝังเข็มกระตุ้นนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้เข็มที่ถูกฝังลงในจุดต่าง ๆ บนร่างกายเพื่อกระตุ้นและปรับสมดุลของพลังงานในระบบกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในร่างกาย
การฝังเข็มกระตุ้นอาจช่วยบรรเทาอาการและปัญหาทางสุขภาพบางประการ แต่ควรใช้เป็นวิธีการเสริม ที่มีความรับรู้ ความเชี่ยวชาญจากแพทย์ ที่ได้รับการอบรมและมีประสบการณ์ในการฝังเข็มอย่างถูกต้องปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการประเมิน และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสภาวะทของคุณเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณสนใจในการฝังเข็มกระตุ้น ควรพูดคุยและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ ความปลอดภัยของคุณเอง
การใช้เครื่อง U/S ร้อน คือ หนึ่งในวิธีการแก้ปวดที่ใช้ความร้อนเพื่อบรรเทาอาการปวด ระบบอัลตราซาวน์ดูดความร้อนจะส่งความร้อนลงในเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้เกิดผลกระตุ้นทางกล้ามเนื้อและเลือด ซึ่งสามารถช่วยลดการตึงเครียดและบรรเทาอาการปวดได้
การใช้เครื่อง U/S ร้อนนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำ และคำชี้แนะจากผู้ให้บริการทางการแพทย์ เนื่องจากการปรับความร้อนที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้เครื่องร้อนที่มากเกินไป อาจเป็นอันตราย
อย่างไรก็ตาม หากความเจ็บปวดไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อสภาวะของคุณ
สำหรับการใส่อุปกรณ์ support ช่วยในเรื่องของบรรเทาอาหารปวด ป้องกันการบวม ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ช่วย support สำเร็จรูป สวมใส่ง่ายและ ทำความสะอาดง่าย มีหลากหลายขนาดให้เหมาะกับอวัยวะที่ต้องการใช้
การใส่อุปกรณ์ support อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาโดยตรง เพียงแต่มีหน้าที่บรรเทาหรือช่วยให้อาการต่างๆแย่ไปกว่าเดิม เช่นถ้าปวดหลัง ที่เกิดจากการนั่งผิดท่าเกิดการอักเสบ หรือช่วงข้อต่อของกระดูกสันหลังมีการทุดตัวคุณก็สามารถใส่ ช่วยพยุงได้
อย่างไรก็ตาม การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น ดูจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากกว่าเพื่อแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
อีกทั้งยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่อาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ เช่น การประคบร้อนแบบเข้มข้นโดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณที่ปวด การใช้เครื่องประคบเย็นเช่น ถุงน้ำแข็งบริเวณที่ปวด การทายาและเจลแก้อาการปวด เป็นต้น สามารถทำได้โดยใช้แนวทางต่อไปนี้:
พักผ่อนและหยุดกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมากขึ้น: ให้ร่างกายมีเวลาพักผ่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือท่าทางที่อาจทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมากขึ้น
การประคบร้อนและการประคบเย็น: ใช้เทคนิคประคบร้อน เช่น การใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณกล้ามเนื้อที่ปวด หรือใช้เชื้อเพลิงอุ่น เช่น หมอนอุ่น เป็นต้น หรือการประคบเย็น เช่น การใช้ถุงน้ำแข็งบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวด
การทายาและเจลแก้ปวดกล้ามเนื้อ: ใช้ยาและเจลที่มีส่วนผสมเพื่อบรรเทาอาการปวด อาจเป็นยาแอนติอินฟลามมาทอยด์ (anti-inflammatory) เช่น พาราเซตามอล หรือเจลทาเสริมกันเพื่อบรรเทาการอักเสบ และปวด
การนวดกล้ามเนื้อ: การนวดกล้ามเนื้อโดยนักกายภาพบำบัด หรือนักเทคนิคการแพทย์สามารถช่วยลดการตึงเครียด เพิ่มการไหลเวียนเลือดในกล้ามเนื้อได้ อย่างไรก็ตามควรให้นักกายภาพบำบัด หรือนักเทคนิคการแพทย์ที่มีความรู้ ประสบการณ์ในการนวดกล้ามเนื้อดูแล เพื่อประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
การฝึกกล้ามเนื้อและเหยียดเส้นเอ็น: การฝึกกล้ามเนื้อและเหยียดเส้นเอ็นที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เช่น การทำแรงบีบเอียง (isometric exercises) หรือการเหยียดเส้นเอ็นตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด อย่างไรก็ตาม หากความเจ็บปวดไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อสภาวะของคุณ
การยกแขนด้านหน้าและการเหยียดคอ: ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปด้านหน้าเท่าที่ทำได้ พร้อมทั้งเหยียดคอย้อยหลัง ค้างไว้สักครู่ จากนั้นค่อย ๆ ลดแขนลงมา และคอให้กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
การบริหารกล้ามเนื้อไหล่ด้านหน้า: ใช้มือข้างเดียวจับก้นเก้าอี้ หรือพื้น หยิบน้ำหนักเบาๆ เลื่อนไปยังด้านหน้า ให้รู้สักตึงเพียงเล็กน้อย ค้างไว้สักครู่แล้วค่อย ๆ ปล่อยลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
การยืดกล้ามเนื้อคอด้านข้าง: หันหน้าไปด้านข้างที่ต้องการยืด จากนั้นงอและเอียงศีรษะไปทางด้านนั้นให้เหยียดกล้ามเนื้อคอด้านนั้นจนรู้สึกตึง ตามองใต้รักแร้ ค้างไว้สัก 20-30 วินาที แล้วค่อย ๆ คืนสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำด้านอีกข้างเช่นกัน ทำซ้ำ 3-5 ครั้งทั้งสองข้าง
การทำมือไขว้สองข้างด้านหลัง : ยืดแขนไปด้านหน้าในท่านั่งหรือยืน จากนั้นคาดแขนสองข้างไปด้านหลังของศีรษะ รักษาระยะเวลาประมาณ 30 วินาที แล้วปล่อยออก ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
โดยอย่าลืมใช้ท่าลดแรงกล้ามเนื้อและค่อยๆ เพิ่มความหน่วงของกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในกรณีที่บริเวณนั้นเป็นเนื้อเยื่ออ่อน หากคุณมีอาการปวดรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสภาวะของคุณ
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรืออาการปวดหลัง อาการต่างๆที่เกิดจากการทำงาน ส่วนใหญ่จะเรียกรวมกันว่า office syndrome อาการที่เกิดจากการบริหารจัดการเวลาทำงานและการพักผ่อนของร่างกายที่ยังไม่เพียงพอ
นอกจากการจัดอริยาบทต่างๆขณะทำงานเพื่อป้องกันแล้ว วิธีการรักษาก็มีมากมายตามความพึงพอใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นการนวด ฝังเข็มกระตุ้น การใส่ support หรือการกินยาแก้ปวด เหล่านี้ควรปรึกษารับคำแนะนำที่ถูกต้องต่อไป
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที