นอกจากนี้ สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ ยังได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ในการตรียมความพร้อมที่จะนำธุรกิจแฟรนไชส์ไปเปิดตลาดต่างประเทศกว่า 58 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีธุรกิจแฟรนไชส์ไทยทั้งหมด 48 แบรนด์ ที่ได้ขยายธุรกิจและก้าวออกไปเปิดตลาดในต่างประเทศแล้วใน 33 ประเทศ
ในปี 2563 ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแฟรนไชส์ซอร์ การทำแฟรนไชส์จะต้องนึกถึงความคุ้มค่าและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ เช่น ถ้าทำธุรกิจอาหาร ก็ต้องเป็นอาหารมื้ออิ่ม หรือทำการศึกษา ก็ต้องเน้นไปเรื่องการติวให้คะแนนดีขึ้น สอบเข้าเรียนต่อ สอบชิงทุนได้ ต้องโฟกัสและเน้นไปที่ความจำเป็น ถ้าเป็นสปาก็ต้องสปาที่เน้นไปที่การรักษาโรคและอื่นๆ โดยเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
สำหรับธุรกิจแนว Street Food ในปี 2563 ถ้าจะขายอาหารฟุ่มเฟือย อย่างเช่น สแนค ขนมขบเคี้ยวต่างๆ อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอย แต่ถ้าเป็นอาหารมื้ออิ่มจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบในปี 2563 เช่น ขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก ยังพอไปได้ แต่ถ้าขายขนมหวาน กาแฟราคาแพงๆ ที่ไม่ใช่แบรนด์แข็งแกร่ง จะลำบากได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
สำหรับคนที่จะทำธุรกิจแฟรนไชส์ Street Food ในปี 2563 อ.สุภัค มองว่า เป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการมากๆ เพราะไทยมีการส่งออกแบรนด์ไปต่างประเทศต่อเนื่อง ขณะที่ต่างประเทศก็จะมีการส่งแบรนด์เข้าประเทศไทยเช่นกัน คาดว่าน่าจะมีการเติบโตประมาณ 5-7% ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท และเทรนด์ Street Food จะหันมาให้บริการแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที