หากท่านกำลังทำการตลาดออนไลน์ คงจะรู้ว่า SEO คือ ส่วนสำคัญของการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มการมองเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เกี่ยวข้องกับการปรับองค์ประกอบต่างๆ ของเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Search Engine นั้นๆ
และทำให้ผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์ออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดออนไลน์ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาบอกว่า Seo คืออะไร บอกถึงประโยชน์ของการทำ SEO และมาดูกันว่าวิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลได้อย่างไรบ้าง
SEO ย่อมาจาก Search engine optimization คือ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มการมองเห็นในเครื่องมือค้นหา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และเนื้อหาออนไลน์ ธุรกิจสามารถปรับปรุงการจัดอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา(SERP) และดึงดูดการเข้าชมแบบออร์แกนิกมายังไซต์ของตนได้มากขึ้น
SEO คือ การรวมเทคนิคต่างๆ เช่น keyword research, on-page optimization, and link building เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา เป้าหมายสูงสุดของ SEO คือการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของ Serach Engine ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการมองเห็นและเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกมายังเว็บไซต์
ด้วยความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการตลาดออนไลน์ SEO จึงกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการลงทุนใน SEO ธุรกิจสามารถปรับปรุงสถานะออนไลน์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
SEM หรือ search engine marketing คือ กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการโปรโมตเว็บไซต์หรือธุรกิจผ่านการโฆษณาแบบชำระเงินบนเครื่องมือค้นหา SEM ครอบคลุมเทคนิคต่างๆ เช่น การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) โฆษณาแบบดิสเพลย์ และแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งต่างจาก SEO คือ การทำ Content, องค์ประกอบเว็บไซต์ และ Ink Building หากเราสามารถทำสองอย่างร่วมกันได้ ก็จะทำให้การทำ SEO เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ประโยชน์หลักๆ ของ SEM คือช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่กำลังค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะเจาะจง ด้วยการเสนอราคาสำหรับ Keyword ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจต่างๆ สามารถมั่นใจได้ว่าโฆษณาของตนจะปรากฏที่ด้านบนสุดของหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา เพิ่มการมองเห็นและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
ในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน การมีเว็บไซต์ไม่เพียงพอต่อความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ด้วยเว็บไซต์หลายล้านแห่ง จากการศึกษาพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องมือค้นหาจะคลิกเฉพาะผลการค้นหาที่ปรากฏในหน้าแรก โดยผลการค้นหา 3 อันดับแรกจะถูกคลิกมากที่สุด จากการศึกษาของ Advanced Web Ranking ผลลัพธ์แรกบนหน้าการค้นหาของ Google ได้รับการคลิกคือ ประมาณ 28.5% ในขณะที่ผลลัพธ์ที่สองและสามได้รับประมาณ 15% และ 11% ตามลำดับ
ซึ่งหมายความว่าหากเว็บไซต์ไม่ปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา มีแนวโน้มว่าจะได้รับการเข้าชมน้อยมากๆ จึงเป็นเหตุผลให้ SEO คือ ส่วนสำคัญก่อนการสร้างเว็บไซต์ ร่วมกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นกว่าคูแข่ง
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยปรับปรุงการแสดงผลของเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ได้ดีทีเดียว ส่วน SEO จะช่วยอะไรช่วยบ้าง ก็สามารถอ่านที่ 7 ประโยชน์ของการทำ SEO ที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) เป็นกระบวนการปรับปรุงการมองเห็นและการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาทั่วไปของเครื่องมือค้นหา เช่น Google และ Bing
ซึ่งการทำ SEO คือ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะกับเครื่องมือค้นหาที่ใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อกำหนดความเกี่ยวข้องและคุณภาพของหน้าเว็บสำหรับ Keyword นั้นๆ อัลกอริทึมเหล่านี้พิจารณาปัจจัยต่างๆ มากมาย รวมถึงเนื้อหาของหน้าเว็บ จำนวนและคุณภาพของ Backlink ที่ชี้ไปยัง Link ของเรา ประสบการณ์ของผู้ใช้โดยรวมของเว็บไซต์ และปัจจัยทางเทคนิคต่างๆ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์และความเข้ากันกับผู้ใช้มือถือ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับเครื่องมือค้นหา ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ต่างๆ ที่แบ่งออกเป็นสามประเภทหลักๆ ได้แก่ on-page, off-page และ technical SEO โดย SEO ในส่วนนี้หมายถึงการปรับเนื้อหาและโครงสร้างของหน้าเว็บแต่ละหน้าให้เหมาะสม รวมถึงการใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้อง รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูง และเนื้อหาที่มีการจัดระเบียบอย่างดี
ส่วนการทำ Off-page SEO คือ การสร้างลิงก์ภายนอกคุณภาพสูงที่ส่งมายังเว็บไซต์ของเรา จากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้อื่นๆ บนเว็บ ประการสุดท้าย SEO เชิงเทคนิคมุ่งเน้นไปที่การปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคของเว็บไซต์ให้เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่ารวดเร็ว ปลอดภัย และรวบรวมข้อมูลได้ง่ายโดยเครื่องมือค้นหา
ขอขอบคุณรูปภาพจาก techtarget.com
อัลกอริทึมของ Google เป็นสูตรที่ซับซ้อนที่กำหนดอันดับของหน้าเว็บในผลการค้นหาทั่วไปของเครื่องมือค้นหา อัลกอริทึมคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ นับร้อย รวมถึงคุณภาพและความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของหน้าเว็บ จำนวนและคุณภาพของลิงก์ภายนอกที่ชี้ไปยังหน้านั้นๆ และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมของเว็บไซต์
แม้ว่า Google จะไม่เปิดเผยรายละเอียดของอัลกอริทึม แต่บริษัทก็อัปเดตอัลกอริทึมอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลการค้นหาสำหรับผู้ใช้ การอัปเดตที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้แก่ การอัปเดต Panda ซึ่งลงโทษเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำหรือซ้ำซ้อน และการอัปเดต Penguin ซึ่งกำหนดเป้าหมายเว็บไซต์ที่มีโปรไฟล์ลิงก์ภายนอกที่เป็นสแปมหรือหลอกลวง
ทั้งนี้ หากท่านต้องการทำ SEO จำเป็นต้องติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมเสมอๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ของเรามีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ Google โดยการจัดลำดับความสำคัญของประสบการณ์ผู้ใช้ สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และสร้างลิงก์ภายนอกที่เชื่อถือได้ เว็บไซต์สามารถปรับปรุงการเปิดเผยและการจัดอันดับในผลการค้นหาทั่วไปของ Google ดึงดูดการเข้าชมและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามาที่ไซต์ให้มากขึ้น
หากคุณมีเว็บไซต์ คุณต้องการให้ผู้คนค้นหาได้ง่ายขึ้น การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา SEO คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยท่านได้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับเครื่องมือค้นหา ที่คุณสามารถปรับปรุงการเปิดเผยของคุณในผลการค้นหาและดึงดูดการเข้าชมไซต์ของคุณได้มากขึ้น SEO คือ สิ่งที่ดูยุ่งยากในตอนแรก แต่ด้วยเทคนิคและกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณจะสามารถเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น ซึ่งท่านสามารถเริ่มต้นและทำตามวิธีการทั้ง 5 ข้อนี้ได้เลย
เริ่มต้นด้วยการหา Keyword และวลีที่กลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา วิธีนี้ในด้าน SEO คือ ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของเว็บไซต์ให้ตรงกับคำค้นหา และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา รูปภาพ และข้อมูลเมต้าของเว็บไซต์ในด้าน SEO คือตัวเพิ่มความเป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหามากขึ้น ทำให้แน่ใจว่าเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้อง ชื่อหน้าและคำอธิบายของคุณสะท้อนถึงเนื้อหาของหน้าได้อย่างถูกต้อง
Technical SEO คือ เทคนิคเกี่ยวข้องกับการปรับด้านเทคนิคของเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสม เช่น ความเร็วเว็บไซต์ ความเหมาะกับมือถือ โครงสร้างเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่รวดเร็ว เป็นมิตรกับมือถือ และมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนมักจะได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา
การสร้างลิงก์คุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงสามารถปรับปรุงความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพซึ่งผู้อื่นจะต้องการเชื่อมโยงถึง การทำ Guest Posting บนเว็บไซต์อื่น และการร่วมมือกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดที่คุณสนใจ
ตรวจสอบการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณเป็นประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและหาจุดที่ต้องปรับปรุง ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics เพื่อติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ พฤติกรรมผู้ใช้ และอัตรา Conversion อยู่เสมออย่างน้อยเดือนละสองครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ทำมาจะได้ผล
การได้รับการจัดอันดับสูงของเครื่องมือค้นหาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ อย่างไรก็ตาม การขึ้นหน้าแรกของ Google โดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาเป็นจำนวนมากอาจเป็นเรื่องยาก แต่ยังโชคดีที่มีเทคนิค SEO หลายอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว โดนเทคนิคต่างๆ มีด้วยกันสามปัจจัย ดังนี้
Technical SEO คือ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบทางเทคนิคของเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับปรุงการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของโค้ดและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาเข้าใจและจัดทำ Index ได้ง่ายขึ้น ด้านล่างนี้คือ Technical SEO ที่คุณสามารถใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเองได้
On-page SEO เกี่ยวข้องกับการปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมเพื่อให้มีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายของคุณมากขึ้น ต่อไปนี้คือเทคนิค SEO บนหน้าเว็บที่คุณสามารถใช้ได้
Off-page SEO เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายนอกเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับปรุงอันดับของคุณ ต่อไปนี้เป็นเทคนิค SEO Off-page ที่คุณสามารถใช้ได้
ในขณะที่ SEO คือ การปรับปรุงของเว็บไซต์ แต่ยังมีหลายสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบ ต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรระวัง เพราะนอกจากจำทำให้ผู้ใช้งานไม่มาอ่านเนื้อหาของท่านแล้ว ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทำ SEO ของท่านไม่ประสบผลสำเร็จอีกด้วย และนี้เป็น 3 ข้อระวัง ที่คุณห้ามทำเด็ดขาด
เมื่อต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ผ่านการทำ SEO มีเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยในกระบวนการนี้ได้ เครื่องมือเหล่านี้มีตั้งแต่ปลั๊กอินธรรมดาไปจนถึงแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงเครื่องมือ SEO ยอดนิยมสองตัว ได้แก่ Google Analytics และ Yoast SEO กันครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก google analytic
Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์เว็บฟรีที่ให้บริการโดย Google ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถติดตามและวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ ของการเข้าชมเว็บไซต์ของตนได้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชม พวกเขามาจากที่ใด หน้าใดที่พวกเขากำลังดู และระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในเว็บไซต์ Google Analytics ให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เจ้าของเว็บไซต์ว่าผู้เข้าชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ของตนอย่างไร ซึ่งจะช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ SEO
ขอบคุณรูปภาพจาก Yoast SEO
Yoast SEO คือ ปลั๊กอินสำหรับ WordPress ที่ให้เจ้าของเว็บไซต์มีเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า ปลั๊กอินนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาของหน้าและให้ข้อเสนอแนะว่าเหมาะสมเพียงใดสำหรับเครื่องมือค้นหา Yoast SEO ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ Title, Meta Desciption และ URL slug ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ SEO ในหน้าได้ง่านขึ้น นอกจากนี้ Yoast SEO ยังมีการวิเคราะห์ที่สามารถอ่านได้เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหานั้นเข้าใจง่ายสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์
Search Engine Optimization หรือ SEO คือ กระบวนการปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ใน Search Engine เช่น Google ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกและดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้
SEO เกี่ยวข้องกับเทคนิคต่างๆ เช่น การวิจัยคีย์เวิร์ด การสร้างเนื้อหา การเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค และการสร้างลิงก์ หากคุณมีเว็บไซต์ สิ่งสำคัญคือต้องลงทุนเวลาและความพยายามไปกับ SEO เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์จะอยู่ในอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา แนะนำมากๆ สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที