เคยไหมที่คุณไปเข้าร่วมฟังประชุม หรืองานสัมมนา แต่มีปัญหาจับใจความสำคัญของงานประชุมนั้น ๆ ไม่ได้เลย เพราะเครื่องเสียงในห้องประชุมไม่ได้คุณภาพ ทำให้เสียงไม่ชัด เสียงเบาหรือดังจนเกินไป แถมยังขาด ๆ หาย ๆ หรือเสียงไมค์หอน จนพาลนึกหงุดหงิดมากกว่าจะได้รับสาระดี ๆ นั่นหมายความว่านอกจากคนจัดงานจะต้องคำนึงถึงคุณภาพไมโครโฟน ลำโพงแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับแอมป์ขยายเสียงด้วย ลองไปดูความสำคัญของสิ่งเหล่านี้กัน
สำหรับคนรับหน้าที่จัดงานอิเวนต์เกี่ยวกับการประชุมหรือสัมมนา ย่อมรู้ดีว่าการทดสอบหรือทดลองระบบเครื่องเสียงในสถานที่จัดงานนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แถมยังต้องปรับแต่ง ปรับจูน จนกว่าทุกพื้นที่ของห้องประชุมนั้นจะได้ยินเสียงที่คมชัด มีระดับความดังที่เหมาะสมที่สุดตลอดทั้งห้อง โดยไม่มีเสียงแทรกที่น่ารำคาญ ไม่ว่าไมโครโฟนของผู้พูดจะอยู่ที่ตำแหน่งไหนของห้องก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงอย่าง ไมโครโฟน แอมป์ขยายเสียง หรือลำโพง ต่างก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ลองมาดูกันว่าแต่ละอย่างสำคัญอย่างไร
ไมโครโฟน ตัดเสียงรบกวน เก็บเสียงคมชัด
ไมโครโฟนที่ดีสำหรับห้องประชุมหรือการสัมมนานั้น ควรเป็นไมค์ที่เก็บเสียงทุกการสนทนาได้อย่างชัดเจน คมชัด ทุกระดับคลื่นเสียง ขณะเดียวกันก็สามารถตัดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมได้ เช่น เสียงกระดาษ เสียงเลื่อนหรือลากเก้าอี้ เป็นต้น
แอมป์ขยายเสียง ปรับระดับความดัง ชัดเจน ทั่วถึง
หน้าที่ของแอมป์ขยายเสียงที่ดี คือการขยายเสียงจากแหล่งต้นเสียงให้ดังทั่วถึงทั้งห้องในระดับที่เหมาะสม ไม่ดังเกินไป หรือเบาเกินไป ขณะเดียวกันควรให้โทนเสียงที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับต้นเสียงมากที่สุด มีความคมชัด เสียงสะอาด เนื้อเสียงอิ่ม หนักแน่น ตอบสนองย่านความถี่เสียงได้ดี ทำให้ควบคุมคุณภาพเสียงได้ง่าย แม้จะขยายเสียงให้ดังมากหรือใช้งานนานแต่เสียงก็ยังไม่มีความผิดเพี้ยน
ลำโพง กระจายเสียงดี ทั้งใกล้ไกล
หน้าที่ของลำโพงที่ดี คือเมื่อต่อกับแอมป์ขยายเสียงแล้ว จะเปลี่ยนพลังงานสัญญาณคลื่นไฟฟ้าเป็นพลังงานคลื่นความถี่เสียงนั่นเอง โดยต้องได้คุณภาพเสียงที่ดี มีความคมชัดใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงที่ป้อนเข้าไปจากเครื่องขยายเสียงมากที่สุด และสามารถกระจายเสียงที่ราบเรียบตลอดย่านความถี่
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับของการติดตั้งเครื่องเสียงในห้องประชุมหรือห้องสัมมนาที่ดีอีกด้วย เช่น
หากไม่ต้องการให้ไมค์หอน ควรติดลำโพงไว้ด้านหน้าขอบเวที เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกลับมาเข้าไมค์จนหอน
หากเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง แนะนำให้ใช้เครื่อง Power Mixer หรือ แอมป์ขยายเสียงที่มีมิกเซอร์แบบสำเร็จรูป ที่สามารถนำเสียงจากแหล่งต้นทางต่าง ๆ เช่น เสียงจากไมค์ เสียงจากเครื่องเล่น DVD เสียงไฟล์พรีเซนต์จากคอมพิวเตอร์ ฯลฯ มารวมกันเสร็จในตัวเดียว
หรืออาจเลือกใช้เป็นมินิแอมป์ตัวเล็กที่สามารถอ่านไฟล์เสียง MP3 จาก USB Flash Drive และเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธกับโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยมีปุ่มปรับระดับเสียง ทุ้มแหลม และรองรับการต่อลำโพงแบบ High Voltage ทำให้เดินสายลำโพงได้ในระยะไกล
ที่สำคัญคือทุกครั้งที่มีการจัดงานประชุมสัมมนาหรืออบรม อย่าลืมทดสอบเครื่องเสียงให้มั่นใจสุด ๆ ก่อนเริ่มงานเสมอ เพราะเราเชื่อว่าไม่มีใครอยากเจอเสียงขลุกขลัก ขาดหาย ระหว่างงานแน่นอน และนั่นย่อมหมายถึงความน่าเชื่อถือของการจัดงานด้วยเช่นกัน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที