ในปัจจุบัน บัตรเครดิตได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสะดวก ปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการซื้อของที่มีราคาสูง นอกจากจะปลอดภัยที่ไม่ต้องมีเงินสดติดตัวเยอะแล้ว ยังช่วยในเรื่องการกู้ยืม เพื่อให้ผู้ใช้งานมีกำลังในการจับจ่ายสินค้ามากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีการผ่อน 0% จากผู้ขายเป็นจำนวนมาก ยิ่งเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ซื้ออีกด้วย
บัตรเครดิตในแต่ละปี ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ก็มักจะออกโปรโมชั่นในการสมัครบัตรให้เข้ากับเทรนด์ในแต่ละปี โดยในปี 2023 นี้ บัตรเครดิตใบไหนน่าสนใจบ้าง และสิ่งที่ควรรู้ก่อนทำบัตรเครดิต ข้อดีข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตมีอะไรบ้าง มาดูรายละเอียดไปพร้อมๆ กันเลยครับ
บัตรเครดิต (Credit Card) คือ บัตรเงินสดที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นผู้ออกให้กับผู้กู้ โดยไม่จำเป็นต้องค้ำประกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินด้วย การให้วงเงินบัตร ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้ว่ามีรายได้ต่อเดือนเท่าไร และมีพฤติกรรมในการใช้จ่ายอย่างไร สำหรับ KTC นั้นจะให้วงเงิน 1.5 เท่าจากเงินเดือน เช่น ถ้าผู้กู้มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาท ก็จะได้วงเงินบัตรเครดิต 30,000 บาท เป็นต้น
อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นบทความว่าบัตรเครดิตนั้นสะดวก และปลอดภัยต่อการใช้จ่าย อีกทั้งยังมีระบบผ่อนชำระที่ทำให้ผู้กู้สามารถซื้อสินค้าราคาสูงได้ง่ายขึ้น โดยผ่อนชำระต่อเดือนเพียงนิดเดียว อีกทั้งในยุคนี้เป็นยุคสังคมไร้เงินสด ใครที่ยังไม่มีบัตรเครดิตก็อาจถูกมองว่าตกเทรนด์ได้เลยนะ
ก่อนจะสมัครบัตรเครดิต ควรทำความเข้าใจเงื่อนไข และดูว่าใครบ้างที่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ สำหรับเงื่อนไขและเอกสารสำหรับการสมัครบัตรเครดิต มีรายละเอียดดังนี้
ผู้ที่สามารถสมัครเครดิตได้ ได้แก่ พนักงานงานประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือปรีแลนซ์ และเจ้าของกิจการ ซึ่งเงื่อนไขและเอกสารสำหรับการสมัครก็จะแตกต่างกัน
พนักงานประจำ
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance)
อาชีพอิสระจะรวมถึง พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ รับจ้างทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีสลิปเงินเดือน เพียงแค่แสดงเอกสารดังต่อไปนี้
เจ้าของกิจการ
สำหรับเจ้าของกิจการควรแสดงรายได้ที่แสดงถึงความมั่นคงของบริษัทหรือรายรับต่อเดือน เอกสารที่จำเป็นมีดังนี้
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าบัตรเครดิตให้ความสะดวกในการจับจ่ายสินค้า นอกจากนี้ บัตรเครดิตยังมีข้อดีอีกมากมาย ซึ่งวันนี้ขอยก 9 ข้อดีมาให้อ่านกัน รายละเอียดมีดังนี้
1. ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก
ลองคิดเล่นๆ ว่าหากอยากซื้อไอโฟน แต่ไม่มีบัตรเครดิตเลย เราอาจจะต้องนำเงินสดจำนวน 30,000 ถึง 40,000 บาท ไปวางตั้งในร้าน ซึ่งมีเความเสี่ยงที่จะหล่นหายระหว่างทางได้ ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตจะช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากไปซื้อของที่มีราคาสูง
2. ผ่อนชำระเป็นงวดได้
บางครั้ง สินค้าที่เราอยากได้ก็มีราคาสูงจนเกินไป ข้อดีของบัตรเครดิตคือสามารถผ่อนชำระเป็นงวดๆ ได้ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเก็บเงินก้อน แต่สามารถผ่อนจ่ายด้วยเงินจำนวนเล็กเป็นงวดๆ ซึ่งสะดวกมากๆ
3. เงินไม่พอใช้ ยืมก่อนได้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าบัตรเครดิตสามารถกดเงินสดได้ หากจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ก็สามารถกดเงินสดที่ตู้ ATM ได้ แต่ก็อย่าลืมคำนวณดอกเบี้ยและเงินต้นที่ต้องจ่ายคืนด้วยนะ
4. สิทธิประโยชน์มากมาย
บัตรเครดิตมีสิทธิพิเศษมากมายที่จะช่วยให้เราสนุกกับการใช้จ่ายมากขึ้น อาทิเช่น แต้มสะสม เงินคืนหรือ cash back และส่วนลดพิเศษ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานบัตรเครดิตได้รับประโยชน์มากกว่าการใช้จ่ายด้วยเงินสด
5. มีความปลอดภัยในการใช้จ่าย
การใช้บัตรเครดิตสามารถยกเลิกรายการใช้จ่ายได้ หากเปลี่ยนใจเมื่อไม่ต้องการสินค้าแล้ว ซึ่งขั้นตอนการคืนเงินนั้นจะง่ายกว่าการคืนด้วยเงินสด
6. ชำระออนไลน์สะดวก รวดเร็ว
ข้อดีอีกอย่างของบัตรเครดิตคือความรวดเร็วในการใช้จ่ายออนไลน์ และมีระบบความปลอดภัยที่สูง ซึ่งต้องใช้รหัสยืนยันตัวตนผ่าน OTP (One Time Password) ซึ่งจะช่วยลดการถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้
7. เป็นเครื่องมือสร้างเครดิตเพื่อใช้ในอนาคต
หากเรามีวินัยในการชำระหนี้คืน ก็สามารถนำไปเป็นเครดิตในการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายสำหรับอนาคตได้เช่น บ้าน รถ
8. นำไปลงทุนล่วงหน้าได้
การนำเงินในอนาคตมาใช้ นอกจากจะนำไปซื้อสินค้าแล้วยังสามารถนำไปลงทุนต่อยอดได้ เนื่องจากสามารถชำระหนี้ขั้นต่ำได้ และยังมีเงินก้อนติดตัวมากพอสำหรับการลงทุน เมื่อได้ผลตอบแทนคืนทุนแล้วสามารถนำกลับมาชำระหนี้ภายหลังได้
9. ใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศสะดวกกว่า
เพราะเราไม่จำเป็นต้องแลกเงินจำนวนมาก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในความผันผวนของค่าเงิน เช่น หากเราแลกเงินสดเป็นสกุลต่างประเทศ ในวันที่เราแลกเงินมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ $1 = 35 บาท แต่วันต่อมา $1 ได้ตกลงมาเหลือ 30 บาท เงินสกุลต่างประเทศที่ยังคงเหลืออยู่ก็จะมีมูลค่าลดลงไปด้วย
นอกจากข้อดีของบัตรเครดิตแล้ว ก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน ก่อนหน้านี้เราได้กล่าวไปแล้วว่าบัตรเครดิตให้ความสะดวกสบายในการใช้จ่าย แถมยังปลอดภัยอีกด้วย แล้วบัตรเครดิตมีข้อจำกัดอย่างไร มาดูรายละเอียดกัน
1. มีค่าธรรมเนียมรายปี
ค่าธรรมเนียมรายปีเป็นสิ่งที่ผู้ที่มีบัตรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 200-300 บาทต่อปี ซึ่งต้องเสียเปล่า ทางที่ดีควรสมัครบัตรที่ฟรีค่าธรรมเนียมยกตัวอย่างเช่น KTC หรือขอตัดค่าธรรมเนียม ซึ่งสามารถทำได้ หากเรามีพฤติกรรมใช้บัตรและจ่ายคืนตรงเวลาเสมอ
2. มีความเสี่ยงเป็นหนี้สะสม
การใช้บัตรเครดิตเป็นนำเงินในอนาคตมาใช้จ่าย ซึ่งบางครั้ง เราอยากจะซื้อของให้รางวัลตัวเองสักชิ้น แต่ของชิ้นนั้นมีราคาสูงมาก จึงเกิดพฤติกรรมผ่อนชำระเพลินจนลืมค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายคืนหรือติดนิสัยจ่ายขั้นต่ำเพราะมองว่าสะดวก แต่ความจริงแล้วนั้น พฤติกรรมทั้งสองอย่างนี้ทำให้เราเป็นหนี้ในระยะยาวและยังทำให้หนี้พอกพูนอีกด้วย
3. ทำให้เสียวินัยทางการเงิน
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อ 2 ว่า การใช้บัตรเครดิตนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้สะสม อีกทั้งยังทำให้เสียวินัยทางการเงิน เพราะเมื่อเป็นหนี้ เราก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะจ่าย หรือบางครั้งก็ใช้จ่ายจนเกินตัว ด้วยแนวคิดที่ว่า “ช้อปก่อน จ่ายทีหลัง”
4. หากข้อมูลรั่วไหล ภาระอาจตกอยู่ที่เรา
การใช้บัตรเครดิตที่ดี เจ้าของบัตรควรเป็นผู้ใช้จ่ายด้วยตนเองเท่านั้น ไม่ควรนำบัตรไปให้ผู้อื่นใช้หรือ ไม่ควรนำบัตรเครดิตไปใช้จ่ายออนไลน์บนเว็บไซต์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูล ซึ่งทั้งสองประการนี้อาจทำให้เราสูญเงินจำนวนมหาศาลได้
5. พกบัตรเครดิตอย่างเดียวไม่ได้สะดวกเสมอไป
เราไม่สามารถใช้บัตรเครดิตได้กับทุกร้านค้า ดังนั้นการมีเงินสดติดตัวไว้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำแม้จะมีบัตรเครดิตก็ตาม เพราะอย่าลืมว่าหากเรากดเงินสดจากบัตรเครดิตดอกเบี้ยก็จะวิ่งทันทีเลยนะ
6. ชำระหนี้คืนไม่ดี อาจมีผลต่อเครดิต
พฤติกรรมการใช้จ่ายบัตรเครดิตของเราอาจกำลังมีคนจับตามองเราอยู่ หากเราชำระหนี้คืนไม่ไหว หรือชำระขั้นต่ำเป็นประจำ ก็อาจส่งผลต่อการขอเครดิตในอนาคตได้
7. ต้องควบคุมรายจ่ายให้ดี
การใช้บัตรเครดิต เราไม่ได้จ่ายเงินออกไป ทำให้ pain of paying หรือความรู้สึกเจ็บปวดหลังจากการใช้จ่ายก็จะมีน้อย ผลที่เกิดตามมาก็คือเราจะไม่ค่อยตระหนักถึงเงินในกระเป๋า ซึ่งถ้าเราคิดแต่ว่าช้อปก่อน สุขก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยจ่าย ความคิดแบบนี้เสี่ยงเป็นหนี้ระยะยาวอย่างแน่นอน
8. เสี่ยงต่อการขาดรายได้ ทำให้ไม่สามารถชำระคืนได้
ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าวันนี้เรายังทำงานอย่างมีความสุขอยู่ แล้ววันต่อมาเราถูกบอสบอกเลิกจ้างเราอย่างกระทันหัน แม้ว่าจะได้เงินชดเชยก็ตาม แต่ถ้าเรามีหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินกว่าที่เราจะชำระคืน ก็อาจทำให้เราตกอยู่ในภาวะหนี้สะสมเนื่องจากไม่สามารถชำระคืนได้ ดังนั้น ควรควบคุมเรื่องการใช้จ่ายเพื่อป้องกันเรื่องความเสี่ยงในการชำระคืน
9. ทำให้เกิดความเครียด
หากเราใช้บัตรเครดิตจนเพลิน ไม่ได้คำนึงถึงเงินที่ต้องชำระคืน เมื่อถึงเวลาที่ต้องชำระคืนก็อาจจะตกใจหรือเครียดว่าจะหาเงินมาจ่ายอย่างไร หรือถ้าผ่อนชำระ ก็ต้องมานั่งกังวลว่าจะผ่อนชำระได้เต็มจำนวนตามงวดที่กำหนดไว้หรือไม่
เกณฑ์การพิจารณาให้วงเงินบัตรเครดิตนั้น โดยทั่วไปแล้วธนาคารหรือสถาบันการเงินจะดูรายได้ต่อเดือนเป็นหลัก ซึ่งจะให้วงเงินโดยเฉลี่ย 1.5 ถึง 3 เท่าของเงินเดือน
โดยทั่วไปแล้ว บัตรเครดิตมักจะมีค่าธรรมเนียมรายปี ขึ้นอยู่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตร ซึ่งบางที่ก็ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดปี การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 16% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก ยิ่งมีค่าใช้จ่ายมากเพียงใด ดอกเบี้ยก็จะยิ่งเยอะ
ในการเลือกสมัครบัตรเครดิตนั้น ควรศึกษาเงื่อนไขการสมัครและสิทธิประโยชน์ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจสมัคร สิ่งสำคัญที่ต้องเช็คกก่อนสมัครบัตรเครดิต มีดังนี้
1. เช็คค่าธรรมเนียมรายปี
ค่าธรรมเนียมรายปีคือค่าบริการบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายทุกปีเพื่อใช้งานบัตร โดยบางธนาคารก็ฟรีค่าธรรมเนียม ดังนั้นควรศึกษาและเปรียบเทียบแต่ละธนาคารให้ดี
2. เช็คดอกเบี้ย
โดยทั่วไปแล้ว การคิดดอกเบี้ยจะไม่เกิน 16% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย
3. เช็คสิทธิประโยชน์
แต่ละบัตร มีสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน บางใบเหมาะกับการช้อปปิ้ง บางใบก็เหมาะกับร้านอาหาร ดังนั้นควรศึกษาแต่ละบัตรให้ดี เพราะอาจมี cash back หรือสามารถแลกส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้า
4. เลือกบัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเรา
ดังข้อที่ 3 เรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของแต่ละบัตรนั้นต่างกัน ซึ่งแต่ละใบอาจมีค่าแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกบัตรเครดิตสักใบ ควรเลือกบัตรที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด เช่น หากเป็นคนชอบทานอาหารในห้าง บัตรเครดิต KTC ร่วมโปรกับร้านอาหารเยอะมาก เป็นต้น
บัตรเครดิต KTC มีหลายประเภท ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ แล้ว แต่ละบัตรร่วมโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน และดอกเบี้ยเริ่มต้นแค่ 0.74% เท่านั้น บัตรแต่ละประเภทมอบสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง มาดูรายละเอียดกัน
บัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ผ่อนชำระรายเดือนเพียงแค่ 0.74% หรือผ่อนชำระสินค้าที่ร่วมโปรโมชั่น 0% นานสูงสุด 10 เดือน และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายดังนี้
บัตรเครดิต KTC JCB ULTIMATE ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ผ่อนชำระรายเดือนเพียงแค่ 0.74% หรือผ่อนชำระสินค้าที่ร่วมโปรโมชั่น 0% นานสูงสุด 10 เดือน และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายดังนี้
บัตรเครดิต KTC VISA SIGNATURE ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ผ่อนชำระรายเดือนเพียงแค่ 0.74% หรือผ่อนชำระสินค้าที่ร่วมโปรโมชั่น 0% นานสูงสุด 10 เดือน และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายดังนี้
บัตรเครดิต KTC WORLD REWARDS MASTERCARD ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ผ่อนชำระรายเดือนเพียงแค่ 0.74% หรือผ่อนชำระสินค้าที่ร่วมโปรโมชั่น 0% นานสูงสุด 10 เดือน และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายดังนี้
การใช้บัตรเครดิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด มีข้อควรระวังและคำแนะนำการใช้บัตรเครดิตดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดของบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลต่อเงินในกระเป๋าของเรา ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดให้ดี โดยเฉพาะการคิดดอกเบี้ย หากไม่รู้วิธีคำนวณดอกเบี้ย อาจทำให้เป็นหนี้ในระยะยาวได้
2. กำหนดวงเงินก่อนใช้
การใช้บัตรเครดิตที่ดี ไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30% ของเงินเดือน หากเกินกว่านี้อาจทำให้ต้องจ่ายขั้นต่ำและเป็นหนี้ในระยะยาวได้
3. ใช้บัตรเครดิตผ่อน 0%
หนึ่งในข้อได้เปรียบของการมีบัตรเครดิตคือการผ่อนสินค้า โดยการผ่อนที่ดีนั้นควรปลอดดอกเบี้ยหรือ 0% เพื่อไม่ให้เราต้องเสียเงินส่วนเกินโดยใช่เหตุ แม้จะเป็นเงินเล็กน้อยก็ตาม
4. ไม่จ่ายขั้นต่ำ
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อ 2 ว่าไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30% ของเงินเดือน เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายขั้นต่ำ เนื่องจากการจ่ายขั้นต่ำจะคิดดอกเบี้ยเงินต้นที่เหลือคูณกับดอกเบี้ยรายวันที่ค้างจ่าย ยิ่งค้างจ่ายนานดอกเบี้ยยิ่งพอกพูน อาจนำไปสู่การจ่ายหนี้ไม่ไหว
5. ชำระตรงเวลาเสมอ
การผิดนัดชำระอาจมีดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถาม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการจ่ายเงินต้นคืน
6. วันครบกำหนดชำระนั้นสำคัญ ห้ามลืม
อย่างที่กล่าวไปในข้อ 5 ว่าควรชำระตรงเวลา ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระ ไม่ควรลืมวันครบกำหนดชำระ เพราะอาจมีดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถาม
7. ใช้สิทธิพิเศษอย่างสม่ำเสมอ
หนึ่งในข้อได้เปรียบอีกข้อของบัตรเครดิตคือการใช้สิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิต ได้แก่ ส่วนลดค่าสินค้าและบริการ รวมไปถึง cash back หรือเงินคืน
8. ไม่ควรกดเงินสดจากบัตรเครดิต ถ้าไม่จำเป็น
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยหากไม่จำเป็น เนื่องจากมีดอกเบี้ย หากกดมาแล้วต้องรีบใช้เงินต้นคืนให้ไวที่สุด หรือถ้าจำเป็นต้องกดเงินสดบ่อยๆ แนะนำให้สมัครบัตรกดเงินสด ซึ่ง KTC ก็มีบัตรกดเงินสด KTC Proud ซึ่งมีดอกเบี้ยน้อยกว่า
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตสามารถทำได้ โดยจะสามารถกดเงินได้ไม่เกินจำนวนวงเงินที่เหลืออยู่ในบัตร การคำนวณดอกเบี้ยจะคิดจาก เงินต้น x 16% x จำนวนวัน / 365 วัน
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ แต่สามารถกดได้เมื่อยามจำเป็นเช่น ต้องใช้เงินด่วนทันที และเมื่อกดแล้วควรรีบคืนเงินต้นให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยวิ่งจนไม่สามารถแบกรับหนี้ไหว
สำหรับผู้ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระและเจ้าของกิจการ เพียงแค่แสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมหน้าสมุดบัญชีที่มีชื่อของผู้สมัครและเลขที่บัญชีระบุไว้ และ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) โดยแสดงปีล่าสุด เพียงเท่านี้ก็สามารถสมัครบัตรเครดิตได้แล้ว
บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย ในปัจจุบัน มนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนก็มีบัตรเครดิตอย่างน้อยคนละใบ เพราะสมัครง่าย สะดวก และมีสิทธิประโยชน์มากมาย อย่างไรก็ตาม การใช้บัตรเครดิตนั้นจะมองแต่ข้อดีอย่างเดียวไม่ได้ ควรมองข้อเสียและข้อควรระวังเป็นหลัก
เนื่องจากการใช้บัตรเครดิตเกินกำลังในการชำระหนี้ของเรา ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เราเป็นหนี้ในระยะยาว และต้องชำระหนี้คืนไม่จบไม่สิ้น เนื่องจากมีดอกเบี้ยค้างชำระ และดอกเบี้ยขั้นต่ำ ดังนั้น ก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิตสักใบ อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องความสามารถในการชะระหนี้คืนด้วยนะครับ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที