ต่อความต้องการในข้อนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศจึงได้พัฒนาเครื่องมือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่จะเกิดแก่เด็กๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้เปิดให้ผู้ที่ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กๆ สามารถปรับแต่งเงื่อนไขต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่ปิดการเข้าถึงหน้าเว็บบางแห่งหรือข้อมูลที่เป็นอันตราย ไปจนถึงเฝ้าสังเกตการเข้าถึงไฟล์ เว็บบอร์ด โปรแกรมรับส่งข้อความ และอื่นๆ โดยจะแจ้งให้ผู้สอนได้รับทราบเกี่ยวกับเนื้อหาและหน้าเว็บที่เด็กๆ เข้าดู เครื่องมือเหล่านี้ยังเปิดให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมเวลาที่ใช้ในการออนไลน์ตลอดจนกำหนดการใช้งานของเด็กได้อย่างเหมาะสม เช่น สัปดาห์ละครั้งหรือวันเว้นวัน เป็นต้น
ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือนี้หรือไม่ พึงระลึกเสมอว่าข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากต้องแจ้งให้เยาวชนเข้าใจถึงข้อมูลที่พวกเขาสามารถค้นหาได้แล้ว เรายังควรแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ควรเปิดเผยบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนแปลกหน้า เด็กและเยาวชนของเราควรได้รับทราบว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของตน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รหัสประจำตัว หรือข้อมูลใดๆ ที่อาจนำผู้ปกครองของตนไปสู่ความเสี่ยง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลในการทำธุรกรรมธนาคาร)
ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการใช้งานเว็บกับเด็กๆ ในระยะแรก (เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างปลอดภัย) จนกระทั่งแน่ใจว่าพวกเขามีความรับผิดชอบพอ
ผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ในหัวข้อภัยคุกคามจากอินเทอร์เน็ตในเด็กค่อนข้างเป็นที่น่าตกใจ ข้อมูลดังกล่าวระบุว่าเด็กอาจถูกล่วงละเมิดหรือเข้าสู่เว็บที่มีความรุนแรงได้ในบางโอกาส อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการใช้อินเทอร์เน็ตก็มีข้อดีอยู่มากมายเช่นกัน เช่น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน รายงานจาก Universitat Oberta de Catalunya ( ประเทศสเปน ) ระบุว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรู้สึกตื่นตัวขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น และมีความกดดันน้อยลง
ที่เราตระหนักถึงภัยคุกคามจากอินเทอร์เน็ต และนั่นเป็นเหตุผลที่เราสนับสนุนให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบ ตลอดจนหาทางช่วยเหลือผู้ให้การศึกษาให้สามารถช่วยเหลือเด็กๆ ในการเรียนรู้และสัมผัสกับอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก |