Supachai

ผู้เขียน : Supachai

อัพเดท: 18 ม.ค. 2023 10.53 น. บทความนี้มีผู้ชม: 467 ครั้ง

สิวหัวช้าง ฟังดูอาจน่ากลัวและทุกคนคงไม่อยากให้สิวหัวช้างเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะสิวหัวช้างเป็นอะไรที่รักษายากมาก


สิวหัวช้าง ทำอย่างไรให้กลายเป็นเรื่องเล็ก

สิวหัวช้าง คืออะไร

สิวหัวช้าง คือ สิวอักเสบชนิดรุนแรงเกิดจาก เกิดขึ้นจากการอุดตันของเชื้อแบคทีเรีย น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายเข้าไปอุดตันในรูขุมขน มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงมีขนาดใหญ่กว่าสิวชนิดอื่น อาจมีหัวหรือไม่มีก็ได้ จะมีอาการปวดบริเวณที่เป็นสิวและเป็นสิวที่รักษายากมาก มักจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้

 

บริเวณที่มักเกิดสิวหัวช้าง

บริเวณที่มักจะเกิดสิวหัวช้าง มีดังนี้

 

สิวที่คาง

สิวที่จมูก

สิวที่หลัง

สิวที่แก้ม

สิวที่หน้าอก


 

สาเหตุทำให้เกิดสิวหัวช้าง

สิวหัวช้าง มักจะเกิดจากการอักเสบเป็นหลัก และมีอีกปัจจัยหลายๆ อย่างที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบจนเกิดเป็นสิวหัวช้าง 

ฮอร์โมนในร่างกาย  

สิวหัวช้าง เกิดขึ้นได้จากการที่ต่อมไขมันในรูขุมขนถูกกระตุ้นจากฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนแอนโดรเจน เทสโทสเตอโรน เอสโตรเจน และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยจนทำให้เกิดสิวหัวช้างได้ อาจจะเข้าใจว่าเป็น สิวฮอร์โมน ก็ได้

เชื้อแบคทีเรีย C.acne 

เป็นแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง รูขุมขน และในต่อมไขมันหากมีจำนวนมากเกินไป ก็ทำให้เกิดสิวได้

ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum production) 

ทำให้ผิวหรือรูขุมขนมีไขมันมากเกินไป ทำให้ผิวมันและเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดการอักเสบได้

การอักเสบ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Inflammation and immune response) 

เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในชั้นผิว และเกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด 

กรรมพันธุ์ 

ผู้ที่มีพ่อ แม่ หรือญาติเป็นสิวหัวช้าง มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวหัวช้างได้มากกว่าปกติ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด 

เช่น ลิเทียม กลุ่มยาคอร์ติโคสเตียรอยด์

มลพิษทางอากาศ 

ฝุ่นควันต่างๆ ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว

 

  1. พฤติกรรม
  2. ล้างหน้าไม่สะอาด 

  3. ดื่มน้ำน้อย 

  4. พักผ่อนไม่เพียงพอ 

  5. ใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว

  6. ใช้มือสัมผัสหน้าบ่อยๆ 

  7. รับประทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน ของทอด ผลิตภัณฑ์จากนมและช็อกโกแลต เป็นต้น

  8. การเสียดสี เช่น การสวมหน้ากากอนามัย


 

วิธีรักษา สิวหัวช้าง

 

ไม่แคะ แกะ หรือบีบสิว

เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ห้าม แคะ แกะ หริอบีบสิวหัวช้างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ ควรปล่อยให้สิวค่อยๆ ยุบหรือแตกไปเอง หากเรา แคะ แกะ หรือบีบสิว อาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวลึกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษายากกว่าสิวอีก

ล้างหน้าให้สะอาด

การล้างหน้าให้สะอาดจะช่วยลดการอุดตันและลดโอกาสการเกิดสิวได้ ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพราะถ้าล้างหน้าบ่อยเกินไป จะทำให้ผิวหน้าแห้งและขาดความชุ่มชื้นได้

ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่มีประสิทธิภาพ

อาจใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิว เพื่อช่วยลดการอักเสบของสิวและให้สิวยุบลงได้ไวขึ้น แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ

ปรึกษาแพทย์ 

หากมีการอักเสบมากแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

เห็นไหมว่า สิวหัวช้าง งานไม่ช้างอย่างที่คิด หากเรารู้จักรักษาอย่างถูกวิธี สิวหัวช้างก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง

 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที