H. Kisara

ผู้เขียน : H. Kisara

อัพเดท: 14 มี.ค. 2008 07.59 น. บทความนี้มีผู้ชม: 136514 ครั้ง

เนื่องจากเป็นบันทึกในญี่ปุ่นที่ไล่มาจากในอดีต อาจทำให้มีเนื้อหาบางส่วนไม่อัพเดตและไม่ตรงตามฤดูกาลไปบ้างค่ะ m(_ _)m


ถึงญี่ปุ่น.. แล้วทำไงต่อ?? @_@;

หลายคนคิดว่าสมัครเรียนเรียบร้อย ได้รับการตอบรับเรียบร้อย เงินก็จ่ายเรียบร้อย รอแต่วันไปอย่างเดียวแล้วจะมีความสุข... พ่อแม่ก็ซื้อของให้ขนไปเป็นกระตั๊กด้วยความเป็นห่วง... จนอาจจะลืมนึกไปว่า

หอที่จะไปอยู่ไม่ได้อยู่ติดกับสนามบินนะ... (^_^;)

จะบอกว่าวันไปถึงที่ญี่ปุ่นวันแรก.. บางมหาวิทยาลัยเขาก็มีคนมารับ แต่บางมหาวิทยาลัยเขาก็ไม่มารับ เขามีแผนที่ให้เราหาทางไปเอง... (-_-;) ดูแล้วช่างไร้เยื่อใยกับเราสิ้นดี อายุอย่างเราๆนี่ถือว่าโตแล้ว... มันต้องหาทางไปได้เองสิ.. -_-;

แต่ถึงจะมีคนมารับก็ยากที่เขาจะพาขึ้นแท็กซี่หรือขับรถลิมูซีนหรูหรา อาจจะขึ้นรถบัสหรือรถไฟกันไป ดังนั้นเวลาจัดของ อย่าลืมคิดด้วยค่ะว่าอาจจะต้องลากอีกระเป๋านี่ขึ้นรถไฟขึ้นลงบันไดแล้วต้องเดินอีกสิบนาทีก็ได้... (บางที่เดินขึ้นเนินด้วยเอ้า..) คือพยายามคิดถึงสภาพที่เลวร้ายไว้ด้วย เพราะพ่อแม่คนไทยมักจะอัดของเกินจำเป็นไปเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงลูกหลาน หารู้ไม่ว่าเกือบตายกว่าจะลากเข้าห้องไปได้ หอบางหอมีสามสี่ชั้นแต่ไม่มีลิฟท์ (^_^;) (เช็คให้ดีก่อนกระเป๋าจะหล่นไปทับใครตายตอนลากผ่านชั้นใดชั้นหนึ่ง)

ส่วนคนที่ต้องไปเอง... พยายามเลือกไฟลท์ที่ไปถึงกลางวัน.. มีเพื่อนคนนึงไปถึงญี่ปุ่นตอน 5 ทุ่ม ไม่มีใครมารับด้วย ถามทางแล้วก็ขึ้นรถไฟถูก แต่รถไฟไปหมดกลางทาง.. (ก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว) นั่งแท็กซี่ไปต่อ พูดกับเขาไม่รู้เรื่อง แท็กซี่ก็ไม่รู้จักทาง จะโทรไปมหาลัยก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครอยู่แล้ว กว่าจะไปถึงหอ ปลุกติวเตอร์หัวยุ่งๆมาเปิดห้องให้ก็เสียค่าแท็กซี่ไปเป็นหมื่น... (-_-;) ถึงญี่ปุ่นแบบไม่ค่อยประทับใจไป

โดยส่วนใหญ่แล้วแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีแผนกที่ชื่อ Kokusaika (国際課) เป็นแผนกที่คอยช่วยเหลือดูแลเด็กต่างชาติที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในแต่ละปี.. เหมือนเวลาเราเล่นเกม RPG อ่ะค่ะ.. (อ้าว.. เอ๊ะ.. ไม่ค่อยเล่นกันเหรอ??) เริ่มเกมปุ๊บต้องไปคุยกับที่นี่เป็นที่แรก ถามเค้าว่าต้องทำไรต่อ.. แต่ขอบอกก่อนว่าสตาฟแผนกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน (กรุณาอย่าคาดหวังว่าคนส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษกับเรารู้เรื่อง) จะมีคนสองคนพอพูดได้ เป็น rare item ของแผนกมาก ต้องหาเอาเอง (นี่ก็เหมือนเกมเหมือนกันนะ)

อธิบายคร่าวๆว่าโดยทั่วไป พวกเราชาวต่างชาติที่จะมาอยู่ญี่ปุ่นนานๆอย่างนี้ มีหน้าที่ต้องไปทำบัตรประจำตัวชาวต่างชาติที่เรียกว่า Gaikokujin touroku shoumei sho (外国人登録証明書) ซึ่งต้องไปทำที่อำเภอ (市役所 Shiyakusho) ที่เราอาศัยอยู่ค่ะ

ทว่าเราต้องแสดงตนว่าเป็นนักเรียนของที่ไหนยังไงด้วย ดังนั้นเราต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่เราจะเข้ามาก่อนค่ะ แต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกันจึงควรไปที่แผนกต่างชาติแล้วบอกเค้าว่าจะไปทำใบที่ว่า เค้าจะช่วยชี้ทางสว่างให้เราเองว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง

พอได้เอกสารมาแล้ว ก็ไปพร้อมพาสปอร์ตที่มีวีซ่า และเอารูปถ่ายขนาด 1 นิ้วหรือ 2 นิ้วไปด้วย (ปกติเค้าไม่ค่อยซีเรียสเรื่องขนาดหรือเสื้อผ้าเท่าไหร่ แต่ก็อย่าเพิ่งไปยกมือชูสองนิ้วตอนถ่ายเพราะคิดว่าคนญี่ปุ่นต้องชูสองนิ้วเสมอไปนะ) ไปที่อำเภอ หาแผนก Non-Japanese Registration แล้วก็ยื่นเค้าไป (แม้ว่าเค้าจะทำงานเกี่ยวกับชาวต่างชาติโดยตรงแต่ก็อย่าไปคาดหวังว่าเค้าจะพูดภาษาอังกฤษได้เช่นเคย) อย่างดีเค้าก็จะพูดภาษาญี่ปุ่นกับเราช้าๆ เพราะคิดว่ามันจะช่วยให้เรารู้เรื่องมากขึ้น (บอกตรงๆว่าไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่)

ตรงนี้สำคัญคือ เราจะไม่ได้บัตรทันที เขาจะมีใบรับรองออกให้ว่าเราอยู่ในระหว่างรอบัตร ซึ่งเขาจะไม่ให้เราโดยอัตโนมัติแล้วก็ไม่ถามด้วย เราต้องถามและขอเขาเอง บอกว่าขอใบ Shoumeisho ด้วย... ต้องเสียค้าใช้จ่ายนิดหน่อยนะ (หาอะไรฟรียากที่นี่)

ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าถ้าเราไม่มีใบรับรองตัวนี้ เราจะยังทำนิติกรรมอะไรไม่ได้เลย ต้องรอจนกว่าจะได้บัตรจริง

แต่นิติกรรมที่เราควรทำโดยเร็วก็คือ การไปเปิดบัญชีธนาคาร ในการจ่ายเงินค่าต่างๆกับทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะผ่านบัญชีทั้งหมด เราต้องไปเปิดบัญชีที่ธนาคารตามที่มหาวิทยาลัยระบุ อย่าไปเปิดมั่ว การไปเปิดบัญชีก็ต้องใช้ใบรับรองนี้ แล้วก็เหมือนเดิม เอาพวกพาสปอร์ตวีซ่าไป แล้วเค้าจะมีใบให้กรอก... (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว พระเจ้าก็ช่วยอะไรเราไม่ได้..)

ทีนี้มีกรณีที่ว่า การเปิดบัญชีํธนาคารบางธนาคารที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ตราประทับแบบญี่ปุ่นซึ่งประเทศเราไม่มีอ่ะค่ะ อันที่จริงใช้ลายเซ็นแทนก็น่าจะได้ แต่บางธนาคารไม่ยอม เคสของตัวเองคือเปิดไม่ได้ ต้องกลับไปเอาใบรับรองจากทางมหาวิทยาลัยว่า อีเด็กนี่ไม่มีตราประทับ แล้วจึงค่อยมาเปิดใหม่ T^T ถ้าบางที่เค้าอนุโลมก็ไม่มีปัญหา เปิดได้เลย ถือเป็นโชคที่ไม่ต้องเสียเวลา

เปิดบัญชีเสร็จแล้ว ค่อยมาซื้อมือถือ (ถ้าอยู่นานเกินปีก็แนะนำให้ซื้อ แต่บางที่บังคับทำสัญญาสองปี เวลายกเลิกต้องเสียเงิน ให้เช็คดีๆด้วยว่าเสียเงินเท่าไหร่ ยังไง) เพราะมือถือต้องใช้สมุดบัญชี เราจึงต้องเรียงลำดับขั้นตอนดีๆ โดยทั่วไปแล้วมือถือที่ญี่ปุ่นราคาไม่แพง รุ่นที่ตกไปแล้วราคา 1 เยนก็มี แจกฟรีก็มี แต่เอาไปเปลี่ยนซิมใช้ที่ไทยยังไม่ค่อยได้เพราะระบบต่างกัน อย่าเพิ่งเกิดความคิดชั่วร้ายว่าไม่มีทาง.. มาบุญครองทำได้.. (เอาตอนนี้ให้รอดก่อน)

ความยากในการซื้อมือถือก็คือเวลาเลือกบริษัทผู้ให้บริการและโปรโมชั่น เพื่อเป็นแนวทางจึงขอแนะนำบริษัทมือถือใหญ่ๆของญี่ปุ่นประมาณ 3 บริษัทอันได้แก่ au (เอ-ยู), Softbank และ Docomo แต่ละบริษัทก็จะมีโปรโมชั่นคล้ายๆกัน อันนี้แนะนำให้ถามรุ่นพี่จะดีกว่าเพราะบริษัทพวกนี้จะมีโปรโมชั่นดีๆออกมาใหม่เรื่อยๆ บอกของตอนนี้ไปก็อาจช่วยอะไรได้ไม่มาก (-_-;) อยู่ไปนานๆแล้วค่อยศึกษาไปอาจจะเปลี่ยนบริษัทก็ได้ เพราะยังไงก็เบอร์เดียวกันได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่มีมือถือแรกๆจะลำบากเหมือนกัน โทรศัพท์สาธารณะก็หาลำบากนิดนึง... จะโทรกลับบ้านทีก็ลำบากค่ะ m(_ _)m

นี่เป็นแนวทางคร่าวๆค่ะว่ามาถึงแล้วต้องไปทำอะไรก่อน อาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยในรายละเอียดของแต่ละที่ แต่คงพอเป็น guide ให้อิมเมจพออุ่นใจกันได้ไม่มากก็น้อยมั้งคะ...(^_^;)


Kisara

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที