อย่าให้เป็นไฟไหม้ฟาง
สินค้าที่ติดตาติดใจผู้บริโภคส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนด้านงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต เรียกได้ว่าสารพัดสื่อ สินค้านั้นหากดีจริงดังคำกล่าวอ้างชวนเชื่อแล้ว จะทำให้เกิดการบอกต่อ ปากต่อปากไปเป็นไฟลามทุ่ง สุดท้ายก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองมาจ่ายค่าโฆษณาสิ้นค้าชนิดนั้นๆอีกนาน ยกเว้นแต่จะฝื้นความทรงจำให้ลูกค้านิ๊ดหน่อยนานๆครั้ง คราวนั้นก็ไม่ได้บอกสรรพคุณอะไร เป็นลักษณะโฆษณาต้นทุนต่ำตอกย้ำลูกค้าไปเรื่อยๆ
และยิ่งไปกว่านั้น สินค้าที่มีบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องเป็นธรรม ไม่ทอดทิ้งลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความศรัทธาในตัวสินค้า ในเครื่องหมายสินค้าขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เวลานั้นลูกค้าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของ ความรักความศรัทธาในตัวสินค้าทำให้ลูกค้ายินดีบอกกล่าวในสิ่งดีๆที่เขาได้รับแล้วบอกต่อผู้อื่นซึ่งเกิดจากการพิสูจน์มาจริงๆด้วยตนเอง การพูดจึงออกจากใจเป็นสัจจะ ทั้งที่เขามิได้อะไรเลยเป็นสิ่งตอบแทนนอกจากอยากให้ผู้อื่นได้ใช้ในสิ่งดีๆเหมือนตนเท่านั้น จุดนี้แหละที่เป็นจุดสูงสุดของการตลาด
หันกลับมามองการร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่ผ่านไป จนในที่สุดได้รับเสียงการรับร่างเกินครึ่งตามกติกาและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไปแล้วนั้น
ระยะแรกๆประชาสัมพันธ์กันอย่างกว้างขวาง สร้างความตื่นตัวให้ประชาชนรับรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปในสังคมถึงหลายประเด็นในร่างรัฐธรรมนูญนั้น นับเป็นสิ่งดีที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องการให้เกิดมีในระบอบประชาธิปไตยของไทยเราอยู่แล้ว
ระยะนั้นถ้าเป็นการตลาดก็เป็นการรุกเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึงเป็นวงกว้าง ลูกค้าคือประชาชนกำลังรู้จัก และเริ่มรู้จักแต่ยังไม่คุ้นเคย แต่ก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมเกิดความรักและเริ่มจะผูกพันกับรัฐธรรมนูญขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่อยู่ๆอารมณ์ก็ค้างแบบหักมุมทันทีที่ผลการรับร่างประกาศหลังการลงประชามติวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านไป ทุกสิ่งหยุดสนิท สื่อที่ให้การเรียนรู้นิ่งเงียบคงเหลือไว้แต่หนังสือร่างสีเหลืองที่แจกปูพรมไปทั่วประเทศ แบบนี้ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า ทำให้อยากแล้วจากไป เพราะขณะนั้นประชาชนอยากจะเรียนรู้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยในอุณหภูมิที่เริ่มสูงแล้วแต่จู่ๆทุ่งสิ่งก็นิ่งเงียบไปประหนึ่งว่า ไฟไหม้ฟาง ไฟลามทุ่ง เหลือไว้แต่ควันที่ค่อยๆจางลง
ไม่สายครับเริ่มใหม่ได้ไหม่ ดำเนินต่อเนื่องต่อไปทุกสื่อรวมถึงอาสาสมัครต่างๆด้วย ตอกย้ำลงไปให้มากยิ่งขึ้นในเนื้อหาประเด็นทุกๆประเด็นทีละเล็กทีละน้อยทำน้อยๆแต่นานๆรับรองได้ผลดูแต่พุทธศาสนสุภาษิตที่ช่องเจ็ดทำซิครับใช้เวลาหลังข่าวไม่ถึงนาทีแต่สามารถเป็นแนวทางจุดประกายให้ชนชาวไทยยึดเป็นทางดำเนินชีวิตได้อย่างมากมาย
ถ้ารัฐธรรมนูญติดตาติดใจเกิดการรับรู้จากชนชาวไทยถ้วนทั่วแล้วก็จะเกิดการเรียนรู้ปากต่อปาก ถือเป็นการพัฒนาประชาธิปไตยแบบยั่งยืนได้อีกทางหนึ่งด้วย และต่อไปหากจะหยิบยกประเด็นใดขึ้นมารัฐบาลก็ไม่ต้องเหนื่อยไปอธิบายย้อนหลังถึงที่มาที่ไป บุคคลทุกคนจะรับรู้และต่อยอดได้ทันที โดยไม่ต้องโหมโฆษณามากมายนานๆตอกย้ำสักครั้งหนึ่งคงไม่เสียงบประมาณมากเท่าไร
ครับทุกกิจกรรมของการพัฒนาไม่ว่าจะกลุ่มเล็ก องค์กรใหญ่ ระดับชาติกิจกรรมนั้นต้อง รู้ด้วยกัน ทำด้วยกัน จึงจะประสบผลสำเร็จได้ ผมมั่นใจ แต่ถ้ารู้ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างทำ ไม่ประสบผลสำเร็จแน่นอน ข้อนี้ผมก็มั่นใจ
วิกูล โพธิ์นาง
๒๒ กันยายน ๒๕๕๐
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที