เมืองแห่งตึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดินแดนแห่งความหรูหรา เมืองแห่งความร่ำรวย ที่นี่คือ ประเทศดูไบ แต่หารู้หรือไม่ว่า ดูไบจริงๆ แล้วไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นเพียงแค่เมืองใหญ่เมืองหนึ่งแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดิมทีเป็นเพียงแค่เมืองชาวประมงเล็กริมอ่าวเปอร์เซีย ที่ถูกล้อมด้วยทะเลทรายอันร้อนระอุแห่งความว่างเปล่า ปัจจุบันกลายมาเป็นเมืองใหญ่แห่งความร่ำรวยและหรูหราอลังการ ผลักดันตนเองจนกลายเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้าน บทความในวันนี้จะพามาทำความรู้จักประเทศดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
หลายๆ คนเรียกดูไบว่าเป็นประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่มีขนาดกว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากอัตราการเจริญเติบโตของเมืองที่สูงมาก เป็นเมืองที่มีทุกอย่างครบครัน รวมไปถึงการเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก ไม่แปลกใจถ้าจะมีคนเข้าใจผิดในเรื่องของประเทศ ประเทศจริงๆ คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีการแบ่งเขตรัฐในการปกครองทั้งหมด 7 รัฐ ซึ่งดูไบเป็นหนึ่งในนั้น เห็นความเจริญรุ่งเรืองหรูหรา แต่ดูไบนั้นก็หาใช่เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ แต่เป็นเมืองอาบูดาบี (Abu Dhabi)
คำว่าดูไบ (Dubai) มาจากคำว่า ดาบา (Daba) ซึ่งมีความหมายว่าคืบคลาน มาจากการไหลของน้ำในคลองดูไบ (Dubai Creek) เดิมทีดูไบเป็นเพียงแค่เมืองชาวประมงเล็กๆ ช่วงปี ค.ศ. 1833 ชนเผ่าบานียาสราวๆ 800 คน ซึ่งผู้นำของชนเผ่าคือตระกูลมักตูม (ผู้ปกครองรัฐในปัจจุบัน) ได้ทำการอพยพมาตั้งหลักที่เมืองแห่งนี้ เพราะเห็นว่าบริเวณนั้นเป็นท่าเรือที่มีความอุดมสมบูรณ์ และพัฒนาถิ่นฐานเรื่อยๆ จนกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าขายทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังทำประมงและฟาร์มไข่มุก เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ้านเมืองอีกด้วย หลังจากนั้น ประเทศดูไบก็ได้ขยับมาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญของโลก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ประเทศดูไบมีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และชาวอินเดีย มาตั้งถิ่นฐานเพิ่มเติม เพื่อให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่การปกครองของดูไบยังคงเป็นแค่รัฐในอาณานิคมอังกฤษ แต่เมื่อปี ค.ศ.1971 ทางอังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ทำให้ประเทศดูไบ และรัฐอื่นๆ รวมตัวกันก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ จนเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดหรูหราอลังการที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ประเทศดูไบ ถึงแม้จะเป็นเมืองการท่าติดทะเล แต่เป็นเมืองที่ติดทะเลทรายเช่นเดียวกัน ส่งผลให้อากาศมีความแห้งแล้ง และอากาศที่ร้อนมาก โดยเฉพาะหน้าร้อน มีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ตกกลางคืนถึงจะมีอุณหภูมิที่เย็นลงต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวอากาศจะเย็นสบาย อยู่ที่ 23 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนจะมีความหนาวเย็นเล็กน้อย ด้วยอุณหภูมิราวๆ 14 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้น สถิติที่ประเทศดูไบเคยบันทึกไว้เรื่องสภาพอากาศ คืออุณหภูมิที่สูงที่สุด อยู่ที่ราวๆ 47.3 องศาเซลเซียส และสถิติต่ำสุดอยู่ที่ 7 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากต้องการเดินทางมาเที่ยวโปรดเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางจริง จะได้เตรียมเครื่องแต่งกายได้อย่างถูกต้อง
ประเทศดูไบนั้นพยายามพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวนอกเหนือจากการเป็นเมืองท่าและการส่งออกสินค้าสำคัญของโลก ส่งผลให้ปัจจุบันมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นตัวเมืองเอง หรือจะเป็นเกาะที่สร้างขึ้นมา รวมไปถึงทะเลทรายเองก็เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปลอง ซึ่งจุดแลนด์มาร์คหลักๆ ในการท่องเที่ยวประเทศดูไบมีดังนี้
เมื่อรู้จักประเทศดูไบกันมากขึ้นแล้ว หากต้องการที่จะมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ก็สามารถวางแผนการเดินทางของคุณให้เรียบร้อย รวมถึงศึกษาข้อจำกัด หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ในการพักผ่อนที่ดูไบ เพื่อมาเที่ยวเมืองสุดหรูหราอลังการ และมีความงามทางสถาปัตยกรรมต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ให้คุณได้สนุก เร้าใจกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ และผ่อนคลายความเครียดไปกับสันทนาการ และการแสดงต่างๆ อันเลอค่าได้อย่างเต็ที่ที่ ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.gogodubai.net/20-places-to-visit-in-dubai
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
