ยาทากลากเกลื้อนคือสิ่งที่คุณจะนึกถึงเป็นอันดับแรก เมื่อผิวหนังของคุณเริ่มส่งสัญญาณอาการของกลากเกลื้อน
กลากเกลื้อนคือชื่อกลุ่มของการติดเชื้อราที่ผิวหนังซึ่งมีผื่นคัน โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (CDC) กล่าวว่ามีเชื้อราหลายชนิดที่ทำให้เกิดกลากเกลื้อนได้ ซึ่งแพทย์ได้แบ่งประเภทตามบริเวณส่วนที่เกิดกลากเกลื้อนบนร่างกาย อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้สึกคันจนน่ารำคาญ แต่กลากเกลื้อนก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลขนาดนั้น เนื่องจากในปัจจุบันมียาทากลากเกลื้อน วางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป ให้ทุกคนสามารถซื้อมาทาได้อย่างสะดวก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อยาทากลากเกลื้อนควรพิจารณาฉลากดูก่อนว่ามีตัวยาจากลิสต์ในบทความนี้สักชนิดหรือไม่ เนื่องจากตัวยาดังต่อไปนี้มีเอกสารทางการแพทย์ยืนยันว่ามีฤทธิ์ช่วยบรรเทากลากเกลื้อนได้จริง
Clotrimazole
ยาทากลากเกลื้อนหรือโลชั่นโคลทรีมาโซลสามารถรักษาเกลื้อนประเภท Corporis, เกลื้อน Cruris และเกลื้อนเท้าได้ เนื่องจาก Clotrimazole (Lotrimin) มีฤทธิ์ในการหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของกลากเกลื้อน
เมื่อใช้ยาทากลากเกลื้อน Clotrimazole สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ผู้คนมักจะทาครีมหรือโลชั่นบริเวณที่เกิดกลากเกลื้อนวันละสองครั้ง คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคเกลื้อน Cruris พบว่าอาการของพวกเขาดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ แต่ผู้ที่เป็นเกลื้อน Pedis อาจไม่เห็นผลชัดเจนจนกว่าจะถึงประมาณ 4 สัปดาห์
Miconazole
ผู้คนนิยมใช้ยาทากลากเกลื้อน ผสม miconazole (Desenex, Micatin) เพื่อรักษากลาก อาการคันจ๊อค และเท้าของนักกีฬา มาในรูปแบบครีม แป้ง ทิงเจอร์ หรือสเปรย์ ซึ่งโดยปกติแล้ว ใช้ยาทากลากเกลื้อน Miconazole วันละสองครั้ง จะทำให้อาการกลากเกลื้อนหายไปภายใน 2-4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ดังนี้
- พุพอง
- ผิวลอก
- สีแดง
- ระคายเคือง
- ท้องเสียหรือคลื่นไส้
- หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์
Terbinafine
โดนส่วนใหญ่แล้วยาทากลากเกลื้อนที่มีตัวยา Terbinafine (Lamisil) จะมาในรูปแบบครีม สเปรย์ และเจล โดยสามารถใช้รักษากลากเกลื้อที่เกิดบริเวณเท้า อาการคันจุก และการติดเชื้อกลากบนผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพนเช่นกัน โดย CDC กล่าวว่า Terbinafine เป็นประเภทของยาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับการใช้รักษาเกลื้อน Pedis อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ดังนี้
- ผิวลอก
- คันผิวหนัง
- แผลพุพอง
- ลมพิษ
- ควรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์หากผลข้างเคียงรุนแรง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
