หากใครที่ทำงานเซล แล้วต้องประสบกับปัญหาคาราคาซังต่างๆนานา อย่างเช่น การวางแผนพิชิตยอดขายให้ได้ตามเป้า ทักษะการเจรจาต่อรอง ยันรูปแบบการเสนอการขายต่างๆ ที่ยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่า ผลไม่ออกมาเป็นไปตามที่หวังสักทีล่ะก็ เราอยากให้ทุกคนหันมาลองให้ความสำคัญกับคำว่า Sale Pipeline ดู แล้วจะรู้เลยว่า แท้จริงแล้ว เจ้า Sale Pipeline นี่แหละ มันจะช่วยให้เราพิชิตยอดขายได้ตรงตามเป้า แถมยังกลายเป็นฮีโร่ตัวสำคัญที่รู้ตัวอีกที เราก็ขาดมันไม่ได้ไปแล้วนั่นเอง
Sale Pipeline คือ ระบบการวางแผนขาย หรือเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการยอดขายได้และแบ่งออกเป็นแต่ละสเตจ ซึ่งการทำ Sale Pipeline จะช่วยให้เห็นภาพจากกระบวนการขายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังสามารถจูนความเข้าใจของทีมให้ตรงกัน โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงจากพฤติกรรมของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ความชอบ, การตัดสินใจ, การกระทำทุกๆอย่าง ซึ่งมีหลากหลายแบบแตกต่างกันไป ตรงจุดนี้นี่แหละที่จะทำให้เราสามารถคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าเราควรจะทำงานอย่างไรต่อ ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าติดอยู่ในสเตจใดๆ นานกว่าที่คาดไว้ ก็สามารถที่จะระบุสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไรในสเตจนั้นๆได้
หลังจากที่เรารู้จักกับ Sale Pipeline แล้ว เรามีอีกคำที่จะแนะนำให้รู้จักกับ Pipeline Management คือ เครื่องมือหรือตัวช่วยที่ช่วยจัดการระบบการขายภายในทีม ให้มองเห็น Sale Pipeline แบบเป็นขั้นตอนทีละสเต็ปเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเห็นภาพรวมว่าควรต้องปรับทีมขายอย่างไรเพื่อให้ได้ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะมีพวก Software ต่างๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยเสริมเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น เดี๋ยวเราจะแนะนำแต่ละ Stage หรือก็คือการวางหน้าที่ในแต่ละช่วงของหลักการ Pipeline ให้เห็นกันอย่างชัดเจน
ลองให้ทีมการตลาดหาโอกาสในการดึงดูดลูกค้า หรือติดต่อลูกค้าโดยตรง เพื่อให้ทราบว่าเรากำลังจะมีโปรเจกต์ใหม่หรือมีการอัปเดตในสินค้าตัวเก่าของเรา โดยสามารถใช้ได้หลากหลายวิธี เช่น การจัดแคมเปญ, การใช้โฆษณา และอย่าลืมเก็บข้อมูลลูกค้าด้วย เช่นชื่อและอีเมล เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเจาะกลุ่มให้ตรงได้มากยิ่งขึ้น
จะเป็นช่วงของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ว่าจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร และพยายามแสดงให้เห็นว่าเราเหนือกว่าบริษัทอื่นตรงไหน เพื่อแสดงจุดยืนของบริษัทและซื้อใจลูกค้า ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ดังนั้นจงงัดทุกกลเม็ดเทคนิค เพื่อให้ลูกค้าติดใจเราให้ได้
จะเป็นส่วนที่เราจะต้องพูดคุยกับลูกค้าโดยตรงเพื่อตกลงกัน ทั้งในส่วนของราคา ขอบเขตของงาน และปรับปรุงตัวผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
งัดทุกกลยุทธ์และเทคนิคการขายออกมา เพื่อให้เราสามารถปิดการขายได้
ด้วยความที่ธุรกิจแบบ B2B คือ การทำการค้าระหว่างธุรกิจด้วยกันเอง ดังนั้นการใช้ Sale Pipeline จะทำให้สามารถวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า และการมีระบบ CRM เข้ามาช่วยเหลือก็จะทำให้เราสามารถที่จะเก็บข้อมูลของกลุ่มลูกค้าไว้ได้ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อได้อีก ซึ่งจุดเด่นของการใช้ระบบ CRM ร่วมกับ Sale Pipeline ในการขายแบบ B2B ก็คือ
ใครที่กำลังสงสัยหรือเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่ ก็ลองนำ Sale Pipeline ไปปรับใช้กันดูได้นะคะ เพราะมีผลมากจริงๆ กับทั้ง Start-Up รายย่อย หรือแม้แต่บริษัทใหญ่ๆก็ตาม ต่างก็จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนเป็นลำดับขั้นตอนให้ดีอยู่เสมอ รวมไปถึงการใช้ Software ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทีมขายของเราได้อย่างมากมายเลยทีเดียว และสำหรับบริษัทไหนที่กำลังมองหาระบบ CRM ที่จะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทของคุณอยู่ล่ะก็ ลองนัดเดโม่กับทาง Wisible ของเราได้เสมอเลยนะคะ
อ่านต่อบทความ
รู้จักกับ Sale Pipeline เครื่องมือช่วยชีวิตเซลยุคใหม่
Pipeline Management และ Stage ของแต่ละช่วง
1. ติดต่อลูกค้า
2. นำเสนอ
3.การต่อรอง
4. ปิดการขาย
ใช้ระบบ CRM มาพัฒนาการขายแบบ B2B โดยการใช้ Sale Pipeline มาช่วย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที