ชรา หรือ คนวัยชราหมายถึงบุคคลอันเป็นที่เคารพนับถือรักของบุตรหลาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของทุกคนในครอบครัว บุตรหลานควรจะเอาใจใส่ดูแลท่านด้วยความรักรวมทั้งความรู้ความเข้าใจ แม้ว่าสังคมไทยในขณะนี้จะเปลี่ยนเป็นสังคมเมือง ที่คนไม่ใช่น้อยจะต้องดำเนินชีวิตรีบร้อน แข่งกับเวลาโดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในช่วยของวัยที่กำลังทำงานอย่างลูกๆหลานๆอาจจะเป็นผลให้ไม่ค่อยได้โอกาสได้ดูแลคนวัยแก่ที่บ้าน แม้กระนั้นมีภาษิตหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สายน้ำไม่รออยู่ ยุคสมัยไม่รอคนใด” โดยเหตุนี้ บุตรหลานทุกคนควรจะตระหนักถึงค่าของเวลาแล้วก็หาจังหวะเอาใจใส่ท่านให้ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำเป็น เพื่อท่านมีสุขภาพร่างกายรวมทั้งสุขภาพหัวใจที่ดี สุขสบาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามวัย เพื่ออยู่กับบุตรหลานให้นานที่สุด
คนชรา ตามความหมายของหน่วยงานองค์การสหประชาชาติ คือ คนที่แก่ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สำหรับเมืองไทยได้ระบุนิยามคนแก่อย่างเป็นทางการตามพ.ร.บ.คนสูงอายุ พุทธศักราช2546 โดย “คนวัยชรา” คือ บุคคลซึ่งแก่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแล้วก็มีเชื้อชาติไทย ซึ่งตอนนี้สังคมไทยถือได้ว่าเป็น “สังคมคนสูงอายุ” แล้ว เหตุเพราะมีคนวัยชรามากยิ่งกว่าจำนวนร้อยละ 10 ตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ แล้วก็เว้นเสียแต่มวลชนคนวัยแก่จะมีปริมาณมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีลักษณะท่าทางอายุยืนยาวขึ้นด้วยเหมือนกัน
เพื่อเป็นการแสดงถึงค่าของคนวัยแก่และก็ให้คนสามัญได้ใส่ใจว่า ตลอดชีพก่อนหน้าที่ผ่านมาผู้สูงวัยได้สร้างคุณค่าและก็ความดีไว้มากกับสังคม องค์การสหประชาชาติก็เลยกำหนดให้วันแล้ววันเล่าที่ 1 เดือนตุลาคม ของทุกปี เป็น วันคนแก่สากล หรือ International Day of Older Persons สำหรับเมืองไทยพวกเรานั้น คณะรัฐมนตรีในยุครัฐบาล พล.อำเภอเปรม ติณสูลานนท์ ได้ลงความเห็นอนุมัติให้วันที่ 13 ม.ย. ของทุกปี เป็น วันคนชรา เพื่อรณรงค์ให้สังคมเห็นค่ารวมทั้งจุดสำคัญของคนแก่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย โดยเป็นวันที่ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งยังครอบครัว ได้ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน ดังเช่น ทำบุญทำทานใส่บาตร เข้าวัดฟังธรรม รดน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรจากคนแก่ เล่นน้ำวันสงกรานต์ อื่นๆอีกมากมาย เป็นการสืบต่อจารีตประเพณีอันดีเลิศของไทย
ความเป็น ผู้สูงวัย นั้นมีความไม่เหมือนกันระหว่างหญิงและก็ชาย ระหว่างเขตเมืองรวมทั้งบ้านนอก ดังเดิมได้ยินกันมาว่าสตรีจะแก่เร็วกว่าเพศชาย รวมทั้งยายในเมืองยังเปรี้ยวจี๊ดไม่ถูกกับยายบ้านนอกที่มักอยู่ติดบ้าน แม้กระนั้น คนสูงอายุนั้นสามารถใคร่ครวญจาก หลักเกณฑ์ตามอายุปฏิทิน, มองจากลักษณะข้างนอก ยกตัวอย่างเช่น เค้าหน้ามองแก่ ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมหงอก, มีความประพฤติเล็กๆน้อยๆ จู้จี้ ย้ำคิดย้ำทำ อารมณ์ไม่คงเดิม, สุขภาพแล้วก็ความจำไม่ดี จำต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆ แล้วก็มีการเปลี่ยนสถานภาพไปเป็น ปู่ คุณย่า ตายาย ทวด รวมทั้งเมื่ออายุ 60 ปีบริบูรณ์ คนวัยชรา จะได้รับผลประโยชน์แล้วก็สิทธิประโยชน์ต่างๆจากทางการ เป็นต้นว่า การได้รับเบี้ยเลี้ยงชีวิต ซึ่งเป็นผลประโยชน์การดูแลภายหลังจากการทำงาน หรือเป็นวัยเดียวกับวัยเกษียณอายุนั่นเอง
คนวัยชรา เป็นวัยที่จำต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็นช่วงๆวัยที่มีการเปลี่ยน ทรุดโทรมลดน้อยในด้านต่างๆล้นหลาม ทั้งกายและใจ อาจมีโรคเรื้อรังที่ปรารถนาการรักษา ดังเช่นว่า ความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคกระดูกพรุน โรคเกาต์ โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคหน้าจอประสาทตา ฯลฯ รวมทั้งความเคลื่อนไหวด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และก็เศรษฐกิจ ซึ่งคนสูงอายุบางรายบางทีอาจไม่อาจจะต่อกรกับความเคลื่อนไหวนี้ได้ และก็อาจจะก่อให้กำเนิดปัญหาต่างๆตามมาเยอะมาก โดยเหตุนี้ เป้าประสงค์หลักของ การดูแลคนวัยแก่ ก็คือวิธีการทำให้คนสูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างสุขสบาย มีอิสระ และก็มีคุณภาพ สามารถพึ่งตัวเองได้โดยพึ่งคนอื่นต่ำที่สุด แม้ร่างกายจะถดถอยหรือมีโรคประจำตัวอยู่ก็ตาม การฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที