การทำ ประกันผู้สูงอายุ เป็นการตกลงกันระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 50 - 70 ปีบริบูรณ์ (บางบริษัทถึง 75 ปี) โดยข้อตกลงผลประโยชน์ที่จะเอาประกันจะขึ้นอยู่กับแผนประกันผู้สูงวัย ความคุ้มครองที่ระบุในเงื่อนไขกรมธรรม์ของแต่ละบริษัท เช่น ด้านค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากการเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ การเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) หรือแบบผู้ป่วยใน (IPD) รวมถึงการจ่ายค่าชดเชยรายได้รายวัน เป็นต้น
ประกันผู้สูงอายุ คือ การประกันที่คุ้มครอง ประชากร ที่มีอายุระหว่าง 50 - 70 ปี โดยประมาณ
ซึ่งเป็นการจ่ายค่าคุ้มครอง ด้วยการจ่ายเงินชดเชย กรณีค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าห้องพัก ค่าธรรมเนียมในการรักษาของโรงพยาบาล ทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่ผู้ซื้อเลือกซื้อ ตามความประสงค์ โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านต่าง ๆ ของผู้เอาประกัน เช่น เลือกซื้อตามปัจจัยด้านอายุ ด้านสุขภาพ ด้านงบประมาณ หรือด้านเงินทุนประกัน เป็นต้น
ผู้สูงอายุ คือ กลุ่มประชากรที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ประกันผู้สูงอายุ มีความแตกต่างบางประการกับประกันทั่วไป อาทิ
1) ผู้เอาประกันไม่ต้องแถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกัน ซึ่งเป็นข้อดีของผู้เอาประกันที่ทำให้บริษัทประกันไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายเงินค่าเรียกร้อนสินไหมได้
2) ประกันผู้สูงอายุจะกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้เอาประกัน เช่น ต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และส่วนใหญ่ที่บริษัทต่าง ๆ ออกเงื่อนไขอายุสูงสุดของผู้เอาประกัน จะกำหนดไว้ที่ 75 ปี และมีผลในการคุ้มครองจนถึงอายุ 90 ปีบริบูรณ์ หรือตลอดชีพ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์ และ
3) ชื่อกรมธรรม์ จะถูกระบุข้อความ เพื่อผู้สูงอายุ ไว้กำกับแนบท้ายชื่อกรมธรรม์เสมอ
ผู้สูงอายุ เป็นวัยที่จะต้องเข้าสู่การมีปัญหาทางด้านสุขภาพ จึงจะต้องมีการเตรียมความพร้อม
ในการรับมือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้านค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย หรือจากการประสบอุบัติเหตุ
ดังนั้น การทำประกันผู้สูงอายุ จัดเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สูงอายุ หรือ บุตร หลาน จำเป็นต้องเตรียมความพร้อม และวางแผนในการรับมือปัญหาด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ยังรวมถึงวางแผนรับมือด้านอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้น เช่น การหกลืมที่มีผลมาจากปฏิสัมพันธ์ของร่างกายผู้สูงอายุทำงานช้าลง การกะประมาณระยะการก้าวขาเดิน การทรงตัวบกพร่อง ประสานสัมพันธ์มือและตาไม่สอดคล้องกัน มีโอกาสที่ทำให้ผู้สูงอายุจะหกล้มบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้ส่งผลถึงการเสียชีวิต
ในตอนนี้ประกันผู้สูงอายุ มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ผู้สูงอายุมักจะต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพในด้านต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้น เมื่อผู้สูงอายุเกิดการเจ็บป่วย มีปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงเกิดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุด้านต่าง ๆ ปัจจัยหลักที่ทำให้การทำประกันผู้สูงอายุมีความสำคัญ มีดังนี้
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันผู้สูงอายุ ควรต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายผลประโยชน์ ความคุ้มครอง การให้บริการ การขอเบิกค่าสินไหมของแต่ละแผนประกันของแต่ละบริษัทให้รอบคอบ ถี่ถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องนำมาวิเคราะห์และพิจารณา มีดังนี้
ประกันผู้สูงอายุ บริษัทต่าง ๆ ในปัจจุบันมีแผนความคุ้มครองให้เลือกซื้อหลากหลาย แบบไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ หลัก ๆ จะให้ความคุ้มครองครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1. คุ้มครองชีวิต โดยทายาทจะได้รับเงินทุนประกันเป็นเงินก้อน 2. คุ้มครองอุบัติเหตุ 3. คุ้มครองกรณีเจ็บป่วย เมื่อเกิดเหตุที่ผู้สูงวัยจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน (IPD) การรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และการรับเงินชดเชยรายวันตามเงื่อนไขที่กรมธรรม์กำหนด ทั้งในประเทศไทย และครอบคลุมความคุ้มครองในต่างประเทศ
ตัวอย่างความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตใน 2 ปีแรก
บริษัทจะจ่ายดังนี้
บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์จำนวนใดจำนวนหนึ่งที่มากกว่า ดังนี้
ตัวอย่างกรณีที่ผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่ตลอดสัญญา บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์จำนวนใดจำนวนหนึ่งที่มากกว่า ดังนี้
โรคภัยต่าง ๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ได้แก่
กล่าวโดยสรุป การทำประกันผู้สูงอายุ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตสำหรับผู้สูงอายุในยุคปัจจุบัน
ทั้งในด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ซึ่งผู้สูงอายุทุกคนไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงกับการเผชิญกับภาวะการเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ตามโรคที่ได้ยกตัวอย่างไว้ข้างต้น ซึ่งหากได้ทำประกันผู้สูงอายุไว้ให้อุ่นใจ หากอาการเจ็บป่วยเป็นไปตามเงื่อนไขตามที่กำหนดในกรมธรรม์ ผู้สูงวัยก็สามารถที่จะเบิกเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ทันที และหลายบริษัทสามารถเบิกค่าล้างไต การทำเคมีบำบัด การทำรังสีบำบัดได้อีกด้วย
ภาวะการบาดเจ็บอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ซึ่งการทำประกันผู้สูงอายุถือเป็นการลงทุนในค่าเบี้ยประกันที่เป็นการลงทุนน้อยแต่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนคืนมาได้อย่างคุ้มค่า ทั้งในขณะที่ผู้สูงวัยยังมีชีวิตอยู่ และกรณีผู้สูงวัยเสียชีวิต และจะกลายเป็นมรดกล้ำค่าให้แก่ทายาทได้อีกด้วย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที