วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 30 มี.ค. 2024 23.41 น. บทความนี้มีผู้ชม: 57202 ครั้ง

ความรู้ทั่วไป การตลาด ประชาสัมพันธ์


Remarketing คืออะไร? ทำไมถึงต้องใช้? และสำคัญอย่างไรในการทำธุรกิจ?

Remarketing ตัวช่วยในการทำธุรกิจ

เคยสงสัยกันไหมครับว่าการที่เรามักพบโฆษณาอยู่บ่อยครั้งตาม Facebook Google หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้น พยายามจะนำเสนอสินค้าหรือบริการเพื่อกระตุ้นและดึงดูดความสนใจของพวกเราอยู่เสมอ จนนำไปสู่การพิจารณาและตัดสินเลือกซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ในทันที ซึ่งกลยุทธ์นั้นก็คือ Remarketing นั่นเอง แล้ว Remarketing คืออะไร? และ Retargeting คืออะไร? ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักเจ้ากลยุทธ์นี้ไปพร้อม ๆ กัน


Remarketing คืออะไร

Remarketing เปรียบเสมือนการพยายามเปลี่ยน “คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า” ให้เป็น “ลูกค้า” ให้ได้มากที่สุดโดยการใช้โฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Google Ads หรือเว็บไซต์ขายสินค้าบริการอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำการซื้อสินค้าในขณะนั้น แต่ก็มีโอกาสสูงมากที่กลุ่มเป้าหมายจะกลับมาเมื่อถูกกระตุ้นด้วยโฆษณาจนนำไปสู่การสร้าง Conversion (สั่งซื้อ) หรือการกลับมาซื้ออีกซ้ำ ๆ (Retention) ในอนาคตก็เป็นได้ 


Remarketing แตกต่างจาก Retargeting อย่างไร 

ถึงแม้หลาย ๆ คนจะบอกว่า Remarketing กับ Retargeting นั้นมีความหมายคล้ายคลึงกัน ทำงานเหมือนกัน ก็คือการเพิ่มโอกาสการขายให้แก่ธุรกิจมากขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว มีความแตกต่างระหว่างกันอยู่มากเลยทีเดียว เพราะ Retargeting คือการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยอ้างอิงจากคุกกี้ที่จะมีส่วนในการช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และในส่วนของ Remarketing คือการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อนำไปทำการตลาดและให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ


Remarketing สำคัญต่อการทำการตลาดอย่างไร 

Remarketing เป็นอีกวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณนั่นเอง ซึ่งความสำคัญของการทำกลยุทธ์นี้ จะส่งผลดีต่อแบรนด์หรือธุรกิจของคุณเพราะประโยชน์เหล่านี้

จากประโยชน์เหล่านี้ จึงทำให้บริษัทต่าง ๆ นำกลยุทธ์นี้มาใช้อย่างแพร่หลาย ช่วยเพิ่มยอดขายได้คุ้มค่าอย่างมากในปัจจุบัน


Remarketing กับ Marketing Funnel เกี่ยวข้องกันไหม?

Remarketing เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Funnel

การทำ Remarketing เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Marketing Funnel ที่นักการตลาดมักจะนำมาใช้ในทำการตลาดเพื่อ “ย้ำความสนใจ” หรือ “กระตุ้นให้เกิดความต้องการ” ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยการส่งโฆษณาไปตอกย้ำ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย นอกจากนี้ยังทำให้สามารถเก็บข้อมูล ติดตามกลุ่มเป้าหมาย หรือติดตามพฤติกรรมความสนใจของลูกค้าได้อีกด้วย


แคมเปญ Remarketing มีกี่ประเภท?

โดยในการทำ Remarketing ไม่ได้มีเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้น ซึ่งเราได้รวบรวมประเภทของกลยุทธ์นี้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรมาทั้ง 6 ประเภทดังนี้

1. Standard Remarketing

การทำ Standard Remarketing มีการใช้อย่างกว้างขวาง เราสามารถสร้างโฆษณาเพื่อแสดงให้กับคนที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเราแล้ว เมื่อใช้แพลตฟอร์มสร้างโฆษณาหลาย ๆ แบบ การใช้เงื่อนไขและตัวกรองบางอย่างทำให้คุณสามารถกำหนดเวลาและวิธีที่ผู้คนเห็นโฆษณาเหล่านี้ได้

2. Dynamic Remarketing

การทำ Dynamic Remarketing คือ การแสดงข้อมูลตามสินค้าหรือบริการในหน้าเว็บที่ลูกค้าได้ดูในขณะที่อยู่ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งจะนำเสนอโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณมากขึ้นซึ่งเมื่อคู่กับส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษมักทำให้เกิดการคลิกและอัตรา Conversion ที่สูงขึ้นตามแท็กที่คุณกำหนดเองในเว็บไซต์

3. Remarketing Lists for Search Ads

การทำ RLSA คือ การโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายในรูปแบบคุกกี้ มีรูปแบบการทำงานโดยการติดตามการเข้าชมหน้าเฉพาะบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งทั่วไปแล้วการทำ Remarketing ประเภทนี้จะแสดงอยู่เหนือการจัดอันดับทั่วไปทำให้มีประสิทธิภาพในการดึงดูดการคลิกที่สูงมาก

4. Video Remarketing 

การทำ Video Remarketing คือ แนวคิดที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เพราะอยู๋ในรูปแบบของเนื้อหาวิดีโอ โดยทั่วไปแล้ว YouTube ถือเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุดสำหรับการกำหนดเป้าหมายใหม่ประเภทนี้ ใน Google Ads คุณสามารถตั้งค่าโฆษณาวิดีโอด้วยวิธีเดียวกับที่คุณตั้งค่าโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาหรือแบบดิสเพลย์

5. Email Remarketing 

การทำ Email Remarketing คือ แนวคิดที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากการโฆษณารูปแบบนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะจะเป็นการทำการตลาดผ่านอีเมล ซึ่งคุณสามารถส่งโปรโมชั่นเพื่อแจ้งเตือนความจำและกระตุ้นให้เกิดความต้องการไปยังผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้ากับคุณ จนนำไปสู่ปิดการขายสินค้าหรือบริการในที่สุด


การทำ Remarketing ในแพลตฟอร์มต่างๆ 

ในการทำ Remarketing ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาจมีมีรายละเอียดและลักษณะที่แตกต่างกันไป โดยมีดังนี้

Remarketing ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ

Facebook Remarketing 

Facebook Remarketing คือ การทำโฆษณาซ้ำไปหากลุ่มเป้าหมายที่อาจเคยเข้าเว็บไซต์ของเรา เคยเห็นโพสต์บางประเภทของเราหรือทำอะไรบางอย่างเพื่อย้ำความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของร้าน รวมทั้งกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าที่ร้านผ่านคอนเทนต์ของร้าน ซึ่งได้แก่ เนื้อหา รูปภาพ และวิดีโอ เป็นต้น

Google Remarketing 

Google Remarketing คือ การแสดงโฆษณาแบบติดตามที่จะทำให้คนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณในทันที หรือผู้ใช้งานได้ออกจากเว็บไซต์โดยไม่ได้ซื้ออะไรเลย ซึ่งตัว Remarketing จะช่วยให้ลูกค้าที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเห็นการแสดงโฆษณา Banner ตามเว็บไซต์พันธมิตรต่าง ๆ ใน Google เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ


เครื่องมือติดตามการทำ Remarketing 

เครื่องมือติดตามการทำ Remarketing นั้น อาจไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการเลยในทันที แต่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วมและนึกถึงแบรนด์เป็นอันดับแรก โดยจะมี 2 แพลตฟอร์มหลัก ๆ ที่สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เลยทันที มีดังนี้

Google Adsense

Google Adsense

Google Remarketing คือ การนำเสนอวิธีที่ทำให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างรายได้จากเนื้อหาออนไลน์ของ Adsense ทำงานโดยการจับคู่โฆษณากับเว็บไซต์ของคุณ โดยพิจารณาจากเนื้อหาและผู้เข้าชมเว็บไซต์ ผู้ลงโฆษณาที่ต้องการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนจะเป็นผู้สร้างโฆษณาและจ่ายเงิน และเนื่องจากผู้ลงโฆษณาเหล่านี้จ่ายเงินไม่เท่ากันสำหรับโฆษณาแต่ละรายการ เงินที่คุณได้รับจึงแตกต่างกันออกไปด้วย

Facebook Ads

Facebook Ads

Facebook Ads นำเสนอวิธีที่ทำให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างรายได้จากเนื้อหาออนไลน์ เพื่อช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เช่น ช่วยเพิ่มการมองเห็นของสินค้าหรือบริการ การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และการเพิ่มช่องทางให้กับยอดขาย ซึ่งการทำโฆษณาผ่านช่องทาง Facebook นั้นยังรวมไปถึง Instagram และ Whatsapp ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแม่ไปเรียบร้อยแล้ว


ประโยชน์ของการทำ Remarketing

การ Remarketing เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้


ตัวอย่างการทำ Remarketing

การกำหนดเป้าหมายของการทำ Remarketing นั้น สามารถเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ เราจึงขอยกตัวอย่างที่เป็นรูปแบบหลัก ๆ ที่ใครอาจเคยพบเจอ มีดังนี้

  1. กลุ่มเป้าหมายหรือผู้เยี่ยมชมที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณมาแล้ว แต่ยังไม่ท่าทีที่จะซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมหลาย ๆ คนเห็นการลดราคาของสินค้าหรือบริการตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยจะมาในแบบรูปภาพหรือข้อความ
  2. กลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยเข้าเว็บไซต์เลย แต่กลยุทธ์นี้จะมาในรูปแบบการเห็นโฆษณาสินค้าแบบปกติ เมื่อเห็นโฆษณาไปแล้วจะสามารถมีการทำกลยุทธ์นี้ได้อีกครั้ง
  3. กลุ่มเป้าหมายหรือคนที่เคยซื้อสินค้าไปแล้ว แล้วจะมีการทำกลยุทธ์นี้ให้กลับไปโฆษณาให้เห็นสินค้าตัวใหม่ พร้อมส่วนลดที่ดึงดูดลูกค้าเก่า

ตัวอย่างการทำ Remarketing


เมื่อไหร่ธุรกิจควรใช้กลยุทธ์ Remarketing?

อย่างที่ผู้อ่านทุกท่านทราบกันดีว่าพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภคในปัจจุบันค่อนข้างหลากหลาย และแตกต่างกันออกไป ก็อาจทำให้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาไหนของธุรกิจที่ควรจะหันมาใช้กลยุทธ์ Remarketing มากที่สุดก็คือ ในจังหวะที่ธุรกิจของคุณต้องการที่จะปิดการขายสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยทำการยื่นข้อเสนอพิเศษให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อหรือใช้ของพวกเขา จนนำไปสู่การปิดขายหรือใช้บริการในที่สุด


ข้อสรุป 

หากธุรกิจของคุณต้องการเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้มากขึ้น การเลือกใช้กลยุทธ์อย่าง Remarketing อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำธุรกิจ แต่ทั้งนี้กลยุทธ์นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกลยุทธ์อื่น ๆ เพราะต้องอาศัยเวลาในการศึกษาทำความเข้าใจก่อนว่ามีการทำงานอย่างไร รูปแบบการจัดวางโฆษณาควรเป็นลักษณะไหนถึงจะเหมาะที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ธุรกิจได้ตั้งวางเอาไว้


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที