วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 30 มี.ค. 2024 23.41 น. บทความนี้มีผู้ชม: 43884 ครั้ง

ความรู้ทั่วไป การตลาด ประชาสัมพันธ์


CPM คืออะไร รวมพื้นฐานสำหรับผู้ที่กำลังสนใจการตลาดดิจิทัล

รวบรวมข้อมูลพื้นฐานตั้งแต่ CPM คืออะไร สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจของได้อย่างไร รวมไปถึงมาดูกันว่า CPM CPA และ CPC แตกต่างกันอย่างไร

 

คุณเป็นคนที่กำลังมองหาทักษะการตลาดดิจิทัลอยู่หรือเปล่า ในบทความเราจะรวบรวมข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจพื้นฐานของต้นทุน CPM ที่เป็นส่วนสำคัญสำหรับนักการตลาดที่ต้องการความสำเร็จในแคมเปญต่างๆ 


แต่ CPM คืออะไรกันแน่ และส่งผลต่อกลยุทธ์การโฆษณาของเราอย่างไรบ้าง ในบทความนี้เราจะลงลึกถึงพื้นฐานว่า CPM คืออะไร คำนวณอย่างไร และคุณจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อเพิ่มยอดขายของการทำการตลาดดิจิทัลของคุณได้อย่างไรได้บ้าง มาเรียนรู้เพิ่มเติมที่ด้านล่างได้เลยครับ

 
ผู้คนกำลังวางแผนทำงานตลาด cpm

CPM คืออะไร 

CPM ย่อมาจาก Cost Per Thousand ต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณาพันครั้ง เป้นคำทางการตลาดที่ใช้เพื่อหาต้นทุนของราคาในการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้งบนหนึ่งหน้าเว็บ หากเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ เรียกเก็บเงิน 200 บาท CPM แสดงว่าผู้ที่ลงโฆษณาจำเป็นต้องจ่าย 200 บาท สำหรับการแสดงผลโฆษณาทุกๆ 1,000 ครั้ง 


โดยรวมแล้ว CPM คือวิธีการกำหนดราคาสำหรับโฆษณาบนเว็บในการตลาดดิจิทัลอย่างหนึ่ง โดยคำนวณราคาจากการแสดงผล ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ในการบอกว่าผู้ดูหรือมีส่วนร่วมกับโฆษณาว่ามีจำนวนกี่ครั้ง ก็ให้คิดเป็นการแสดงผลเป็นจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดงผลบนเว็บไซต์เลย


เนื่องจากผู้ลงโฆษณาจะต้องจ่ายเงินให้เจ้าของเว็บไซต์เป็นจำนวนที่กำหนดไว้ สำหรับการแสดงผลโฆษณาทุกๆ 1,000 ครั้ง เราขอเตือนว่าการแสดงผลจะวัดจากจำนวนที่โฆษณาแสดงผล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนคลิกหน้าโฆษณาของเราหรือเปล่า

คำนวณค่าใช้จ่ายแบบ CPM อย่างไร 

นี้เป็นการคำนวณเพื่อหาจำนวนเงินโฆษณา หรือ CRM calculation


CPM x (การแสดงผล / 1,000) = เงินโฆษณา


เมื่อเราทำตามสูตรเราจะได้ค่าโฆษณาที่คำนวณตาม CRM ได้ดังนี้


100 (CPM) x ( แสดงผล 2,000,000 ครั้ง / 1,000) = 200,000 บาท


การหาค่า CPM 


CPM = เงินค่าโฆษณา x 1,000 / การแสดงผล


ถ้าลองคิดตามสูตรเราจะได้ค่า CPM คือ 100 = 200,000 x 1,000 / 2,000,000


CPM CPA และ CPC แตกต่างกันอย่างไร

คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ CPM, CPD และ CPA ในการตลาดดิจิทัลหรือเปล่า และเคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าคำศัพท์พวกนี้หมายถึงอะไรในการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งในหัวนี้เราจะมาหาความสำคัญสามตัวนี้กันว่าช่วยให้เราลงโฆษณาและวัดความสำเร็จของแคมเปญของเราได้อย่างไรบ้าง โดยมาดูกันว่าแต่ละคำมีความหมายอย่างไรและแตกต่างกันอย่างไร 

รูปภาพแสดงถึงการตลาดที่ผ่านเครื่องมือต่างๆ

CPM (Cost Per Thousand)

เรามาเริ่มกันที่ CPM ซึ่งหมายถึงต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง พูดง่ายๆ ก็คือ CPM คือการวัดค่าใช้จ่ายในการแสดงโฆษณาของคุณ 1,000 ครั้ง ช่วยให้เราทราบจำนวนเงินที่คุณจ่ายสำหรับทุกๆ 1,000 ครั้งที่มีคนเห็นโฆษณาของเรา

CPA (Cost Per Acquisition)

CPA ย่อมาจาก Cost Per Action หรือ Cost Per Acquisitio เป็นรูปแบบการกำหนดราคาในการตลาดดิจิทัลที่ผู้ลงโฆษณาจะจ่ายค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่ผู้ใช้งานทำการบางอย่างเพื่อตอบสนองต่อโฆษณาของเรา อาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่การซื้อ การกรอกแบบฟอร์ม หรือแม้แต่การคลิกลิงก์ CPA ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่แม่นยำสำหรับแคมเปญโฆษณาดิจิทัล เนื่องจากจะคิดเฉพาะสำหรับ Conversion จริงเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับการแสดงผลหรือการคลิกเท่านั้น


CPA จะมีต้นทุนจากการได้รับผู้ใช้มา เป็นหน่วยที่วัดค่าใช้จ่ายในการหาผู้เข้าใช้ใหม่ ตัวอย่างจาก Cost Per Acquisition เช่นแคมเปญ 100 บาท เมื่อเริ่มแสดงผลโฆษณาแล้วเราได้ลูกค้าใหม่จากแคมเปญ 10 คน ค่า CPA จะได้เท่ากับ 10 บาท

CPC (Cost Per Click)

CPC หรือ Cost Per Click แปลไทยได้ง่ายๆ คือต้นทุนต่อคลิกเป็นวิธีการกำหนดราคาโฆษณาดิจิทัลที่เรียกเก็บเงินตามจำนวนคลิกที่โฆษณา คิดได้โดยทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณา เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ทำให้ CPC เป็นตัวเลือกอย่างหนึ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการติดตามความสำเร็จของโฆษณา


เนื่องจากแสดงว่าผู้คนมีส่วนร่วมกับโฆษณาของเราอย่างจริงจัง และส่วนที่ดีที่สุดคือ เราจะจ่ายสำหรับการคลิกเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงโฆษณาเท่านั้น ดังนั้นหากไม่มีใครคลิกโฆษณาของคุณ คุณก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ตรงไปตรงมาในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากค่าโฆษณา


ประโยชน์ของการยิงโฆษณาแบบ CPM 

การตลาดแบบ CPM คือทางเลือกที่คุ้มค่าแทนที่การโฆษณาแบบ CPA หรือ CPC อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณเลือกที่จะแสดงโฆษณา หากเราต้องการเข้าถึงผู้ใช้งานที่กว้างขึ้นหรือแสดงโฆษณาของคุณบนเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานเยอะๆ ให้เตรียมเสนอราคาโฆษณาให้สูงๆ 


ในทางกลับกันแพลตฟอร์มอย่าง Facebook ก็เป็นตัวเลือกสำหรับการโฆษณาที่ตรงเป้าหมายอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมเฉพาะกลุ่มด้วยต้นทุนที่ต่ำลงได้ 


ประโยชน์จากแคมเปญ CPM ยังรวมไปถึง

  • การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและบริการ

เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มเป้าหมาย สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์คือการสร้างตัวตน แคมเปญ CPM คือตัวช่วยที่สร้างการรับรู้และทำให้ลูกค้าคุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณ


  • การเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับบริการของเราได้

มีตัวเลือกการโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย แคมเปญ CPM ช่วยให้เราเข้าถึงเฉพาะลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับบริการของเรามากที่สุด สร้างแหล่งที่มาของการเข้าชมที่เป็นไปได้สำหรับธุรกิจของคุณ


  • สร้างความตื่นตัวของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อแบรนด์เรา

เนื้อหาคุณภาพสูงหรือโฆษณาแบบรูปภาพที่มากับแคมเปญ CPM สามารถสร้างกระแสเกี่ยวกับแบรนด์ของเราได้ ซึ่งทำให้การเข้าชมและการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น


สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อยิงโฆษณาแบบ CPM

Cost Per Mille หรือ CPM คือรูปแบบการแสดงโฆษณาที่นิยมในการตลาดดิจิทัลที่ทำงานโดยจะเรียกเก็บเงินจากผู้ลงโฆษณาตามการแสดงผลหรือจำนวนการดูโฆษณาที่ได้รับ วิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ อย่างไรก็ตามก็มีสิ่งสำคัญบางประการที่ควรทราบเมื่อสร้างและเรียกใช้โฆษณา CPM มีดังนี้
 

การทำงานร่วมกันในการวางแผนการตลาด cpm

 

ตำแหน่งโฆษณา

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แคมเปญของเราสำเร็จจากการทำ CPM คือตำแหน่งของโฆษณา ตำแหน่งของโฆษณาจะดูจากตำแหน่งที่วางบนเว็บไซต์หรือในแอพ เช่น โฆษณาที่วางในส่วนหัวหรือด้านบนของเว็บไซต์จะมีแนวโน้มที่จะเห็นมากกว่าโฆษณาที่อยู่ส่วนท้ายหรือด้านล่างของหน้า


เมื่อพูดถึงสิ่งสำคัญโฆษณาแบบ CPM คือต้องเลือกตำแหน่งที่จะทำให้โฆษณาของคุณได้รับการมองเห็นและการแสดงผลสูงสุด ผู้ลงโฆษณาอื่นมักจะเสนอราคาสูงขึ้นเพื่อแสดงให้ได้ตำแหน่งโฆษณาที่คนเห็นมากที่ แต่ก็คุ้มค่าหากคุณต้องการให้ผู้คนเห็นโฆษณาของคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

รูปแบบโฆษณา

สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการแสดงโฆษณา CPM คือ รูปของแบบโฆษณาของคุณ รูปแบบโฆษณาประกอบด้วยแบนเนอร์ ป๊อปอัป โฆษณาคั่นหน้า และอื่นๆ รูปแบบโฆษณาที่แตกต่างกันมีระดับการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับเป้าหมายแคมเปญจึงเป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง


ตัวอย่างเช่น แบนเนอร์โดยทั่วไปเป็นรูปแบบโฆษณาที่ไม่มีโต้ตอบ ในขณะที่โฆษณาคั่นระหว่างหน้าจะรบกวนผู้ใช้มากกว่าและต้องการการโต้ตอบจากผู้ใช้มากกว่า เมื่อเลือกรูปแบบโฆษณาให้พิจารณาจากประเภทของเนื้อหาที่เราต้องการโปรโมตและกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเข้าถึงสินค้าและบริการของเรา


ใช้ CPM เช็คคุณภาพการยิงแอดของเรา

การเช็กคุณภาพการยิง Ads ของ CPM คือส่วนสำคัญอย่างที่เรามองข้ามไม่ได้ ซึ่งผมได้ทำลิสต์เป็นข้อๆ เพื่อคุณเช็คได้ง่ายๆ ดังนี้
 

รูปภาพการทำงานการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ cpm

 


1.เมื่อพูดถึง CPM มีบางสิ่งที่เราต้องจำไว้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ค่า CPM ที่สูงอาจหมายความว่าเรากำหนดเป้าหมายที่เจาะจงมากเกินไป 

  • กำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ ตรวจสอบว่าคุณได้ตั้งค่าการกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์อย่างเจาะจงเกินไปหรือเปล่า
  • ยกเว้นกลุ่มประชากร ดูว่าคุณได้ยกเว้นกลุ่มประชากรมากเกินไปโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า โดยลดขนาดกลุ่มเป้าหมายลดลง
  • การยกเว้นเครือข่ายหรืออุปกรณ์ ดูว่าคุณได้ยกเว้นเครือข่ายหรืออุปกรณ์บางอย่างหรือเปล่า ทำให้แคมเปญของคุณใช้จ่ายกับสื่ออาจมีราคาที่แพงขึ้น
  • การเลือกกลุ่มเป้าหมาย ดูว่าคุณได้เลือกกลุ่มความสนใจที่เป็นเป้าหมายมากเกินไปบน Facebook หรือกำหนดเป้าหมายทั้งหัวข้อและ Keyword หรือเปล่า

2.เมื่อใช้งานแคมเปญ CPM บน Facebook สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าสื่อประเภทต่างๆ ส่งผลต่อต้นทุนได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีโฆษณาวิดีโอและภาพนิ่งผสมกันในชุดโฆษณาชุดเดียวที่กำหนดเป้าหมายหลายตำแหน่ง สิ่งสำคัญคือต้องดู Feedback เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่างบประมาณของเราได้รับการจัดสรรข้ามแพลตฟอร์มในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณ


3.ปัญหาของ CPM ในแคมเปญที่เป็นวิดีโออาจแสดงว่าเว็บไซต์หรือตำแหน่งโฆษณาของคุณมีปัญหา กับการค้นหาของ Google ที่มักจะมีปัญหากับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน้อย แต่มีพื้นที่โฆษณามากเว็บไซต์อื่น เว็บแบบนี้จะใช้บอทเพื่อคลิกโฆษณาและกรอกแบบฟอร์มในเว็บไซต์ ทำให้อัลกอริทึมของ Google เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์โกง โดยเว็บไซต์แบบนี้จะมี URL ที่มีตัวอักษรและตัวเลขผสมกันแปลกๆ 


4.เมื่อเราทำโฆษณา CPM บนมือถือและแท็บเล็ตผ่าน YouTube เราต้องนึงถึงตำแหน่งแคมเปญของเราเสมอ ในปัจจุบันผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของคุณอาจให้บุตรหลานดูวิดีโอ YouTube บนอุปกรณ์ของเขา ทำให้เรายิง Ads ต่างๆ ไปที่เด็กเล็ก ดังนั้นแก้ไขปัญหาโดยใช้ตัวเลือกการให้คะแนนวิดีโอผ่านข้อมูลประชากรหลัก หรือโดยการยกเว้น Ads ข้อที่เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัว


5.การติดตามประวัติ CPM อยู่เสมอ โดยสัมพันธ์กับคุณภาพของธุรกิจสามารถช่วยให้คุณระบุการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ง่าย


เทคนิคการเพิ่มอัตราส่วน CPM ROI 

เมื่อโฆษณาด้วย CPM บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook และ Google ให้ดูข้อมูลนี้อ้างอิงเพื่อเพิ่มกำไรให้กับคุณ


1.กำหนดเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 

ตรวจสอบและดูให้แน่ใจว่าเราเข้าถึงผู้ชมที่เหมาะสมโดยใช้กลยุทธ์ที่กำหนดเป้าหมายและยิง Ads ไปยังเป้าหมายที่ถูกจุดหรือเปล่า


2.ตรวจสอบความถี่ของโฆษณา 

หลีกเลี่ยงการเปิดเผยมากเกินไป ทำได้โดยจำกัดโฆษณาของคุณให้แสดงต่อคนเดิมซ้ำไม่เกิน 3 ครั้ง


3.สร้างความประทับใจที่น่าจดจำ 

ใช้ภาพที่สะดุดตาและสำเนาที่โน้มน้าวใจเพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อผู้ชมของคุณ


4.เพิ่มความยอมรับจากผู้ใช้

เพิ่มความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวผู้ชมของคุณด้วยการรับรองจากผู้มีอิทธิพลหรือคำรับรองจากลูกค้าที่พึงพอใจ


คำถามที่พบบ่อย 

CPM กับ Digital Marketing เกี่ยวข้องกันอย่างไร 

กลยุทธ์ CPM คือส่วนหนึ่งของ Digital Marketing ที่สามารถเพิ่มความเข้าถึงในด้านการตลาดดิจิทัลได้ โดยกลยุทธ์ CPM เป็นวิธีที่หนึ่งในการสร้างการรับรู้และการจดจำตราสินค้าได้ 


ถ้าค่า ?CPM แพงเกินไป ควรแก้ไขอย่างไร?


1.ประเมินการกำหนดเป้าหมายของคุณอีกครั้ง 

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเข้าถึงผู้ชมที่เหมาะสมและปรับเกณฑ์การกำหนดเป้าหมายของคุณ


2.ลดความถี่ของโฆษณา

หากคุณแสดงโฆษณาเดิมกับคนเดิมหลายๆ ครั้ง อาจต้องปรับลดความถี่ของโฆษณาลงมา


3.ปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ของคุณ


ใช้ภาพที่น่าดึงดูดเพื่อดึงดูดความสนใจเพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะจำโฆษณาของคุณได้


4.เพิ่มประสิทธิภาพหน้า Landing Page 

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้า Landing Page ของคุณมีความเกี่ยวข้องและมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้เพื่อเพิ่ม Conversion สูงสุดและลด CPM ของคุณ

การทำโฆษณาในรูปแบบ CPM เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?

การโฆษณาแบบ CPM คือตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงผู้ใช้ที่มองผ่านโฆษณาที่เป็นแบบรูปภาพหรือวิดีโอ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ หากเราต้องการเพิ่ม Conversion ให้สูงที่สุด เราอาจใช้รูปแบบการโฆษณาอื่น เช่น การโฆษณาแบบราคาต่อหนึ่งคลิก (Cost per Click)


ข้อสรุป 

ถ้าเราจะเริ่มทำการตลาดแบบ CPM ให้ดี มีสามสิ่งต่อไปนี้ที่เราควรสนใจได้แก่


  1. ทำความเข้าใจที่ถูกต้องที่เกี่ยวกับความหมายของ CPM และความหมายของ Lead การรับรู้ และการวัดค่าต่างๆของ CPM คือสิ่งช่วยธุรกิจของคุณได้
  2. แยกจากงบประมาณการตลาด CPM จากงบโดยรวม
  3. วางแผนสำหรับขั้นตอนต่อไปในการทำตลาดขั้นต่อไป

หากไม่มีพื้นฐานทั้งสามนี้ก่อนที่จะปรับใช้กลยุทธ์ CPM ก็จะยากที่จะเห็นความสำเร็จในแคมเปญที่ใช้เครื่องมือนี้

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที