ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจผันผวน การมีเงินสดสำรองไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกบ้าน แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงิน หันซ้ายหันขวาเจอรถที่ใช้งานอยู่ทุกวัน การนำรถคันเก่ง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ไปเปลี่ยนเป็นเงินก้อนมาใช้จ่ายกับเรื่องจำเป็น จึงเป็นทางออกที่หลายคนเลือก เพราะได้เงินสดมาหมุนโดยที่รถก็ยังอยู่ และปัจจุบันก็มีสินเชื่อรถยนต์เปิดให้เลือกใช้บริการมากมาย แต่จะเลือกสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี? อย่าเพิ่งตัดสินใจ หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความนี้
ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเลือกสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี เราต้องมาทำความรู้จักกับเบื้องลึกเบื้องหลังของสินเชื่อประเภทนี้กันเสียก่อน สินเชื่อรถแลกเงิน คือ การนำรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่ผ่อนหมดแล้วมาประเมินราคากับธนาคาร สถาบันการเงิน หรือเตนท์รถ เพื่อตีมูลค่าแล้วนำเงินก้อนออกไปใช้จ่ายตามความต้องการ และแบ่งผ่อนชำระรายเดือน โดยเจ้าของสามารถครอบครองและใช้งานรถได้ตามปกติ ไม่ต้องนำไปจอดทิ้งไว้เหมือนการจำนำ ส่วนเรื่องโอนเล่มทะเบียนหรือไม่ จะผ่อนสั้นผ่อนยาวแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสินเชื่อนั้น ๆ แต่อย่าลืมว่าหากผ่อนยาว จ่ายรายเดือนน้อย ก็อาจนำมาซึ่งดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ารถทุกคันจะสามารถนำมาแลกเป็นเงินสดได้ โดยสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะรับพิจารณารถมอเตอร์ไซค์ที่อายุไม่เกิน 15 ปี และรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าเป็นรถที่ทะเบียนขาดเป็นเวลานาน ก็อาจจะต้องขึ้นอยู่กับกฎของสถาบันการเงินและวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาเป็นหลัก
จะใช้บริการสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี ควรพิจารณาจากอะไร?
ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน
จะเลือกสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับแรกคือสถาบันการเงิน ต้องเลือกสถาบันการเงินที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีมาตรฐาน เช่น ธนาคาร หรือสถาบันสินเชื่อที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาตถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของเรา
อ่านสัญญาให้ละเอียด
ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะจัดสินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี ควรตรวจสอบข้อมูลของสัญญาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ระยะเวลาในการดำเนินการและแจ้งผลการอนุมัติ อัตราดอกเบี้ย การโอนเล่มทะเบียน และจำนวนงวดในการผ่อนชำระ
ตรวจเช็กค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย
หลัก ๆ แล้ว การจัดสินเชื่อรถแลกเงินจะต้องจ่ายค่าตรวจสภาพรถ ซึ่งปกติจะไม่เกิน 1,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ซึ่งผู้ใช้บริการต้องเช็กจากสถาบันการเงินอีกครั้ง ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการขออนุมัติสินเชื่อ ค่าธรรมเนียมการโอนเล่ม ค่าหนังสือทวงถามกรณีขาดส่งหลายงวด ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่จัดสินเชื่อนั่นเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที