DBZ

ผู้เขียน : DBZ

อัพเดท: 29 ก.ค. 2007 01.16 น. บทความนี้มีผู้ชม: 22122 ครั้ง

กาลเวลา
เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง
มีหลายคนพยายามที่จะรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้
พวกเราก็เช่นกัน... ถึงจะไม่อาจบังคับกาลเวลาได้ แต่เราก็จะพยายามให้มากที่สุด


ตัดสินใจ

นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่สวย รูปนี้ก็ไม่โดน

โอ๊ย!!! ยังไงดีล่ะนี่  ผมนั่งทะเลาะกับตัวเองอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือใกล้เตียงนอนอันอบอุ่นของผม                 ทั้งยังวุ่นอยู่กับรูปถ่ายหลายใบที่กองอยู่เพื่อให้โคมไฟสีส้มอ่อนดูเล่น    เนื่องจากอีกสัปดาห์เดียวการเทรนจะจบลงแล้ว ผมพยายามเลือกรูปที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำไปรวบรวมกับเพื่อนเพื่อทำเป็นของขวัญ ซึ่งมันจะเป็น “ตัวแทนของพวกเรา”

ก่อนที่จะจากบริษัทนี้ไป และผู้ที่จะรับมอบ “ตัวแทนของพวกเรา”  คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก

“คุณครู”

ของพวกเราเอง

 

ตอนที่1 ตัดสินใจ

 

ผมกับเพื่อนอีกสองคน ได้รวบรวมความคิด เพื่อที่จะทำของขวัญมอบให้คุณครู โดยตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะนำรูปของพวกเราทั้งสามคนที่มีทิวทัศน์ด้านหลังสวยๆแห่งฤดูใบไม้ร่วง คนละใบ มาใส่กรอบรูป แล้วเขียนคำประทับใจนิดๆหน่อยๆติดไว้ด้วย เผื่อสักวันนึงที่พวกเรากลับมายังบ้านเกิดแล้ว รูปทั้งสามใบนี้จะทำให้ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งส่งความคิดถึงข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาพวกเราบ้าง



 

ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วในค่ำคืนวันศุกร์อันหนาวเย็นของฤดูใบไม่ร่วง ท้องฟ้าดูเดียวดายและมืดสนิทไม่มีดวงดาวแม้สักดวงเฉกเช่นเดียวกับผมซึ่งยังคงนั่งเหงาอยู่กับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก พร้อมกับความมืดสลัวที่มีแสงไฟเพียงดวงเดียวเป็นแหล่งกำเนิด 

 

“ผมแทบจะไม่มีรูปถ่ายตัวเองเลย”

 

ผมมาอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ประมาณสองเดือนแล้ว แต่แทบจะไม่มีรูปถ่ายตัวเองเลย ครั้นจะหยิบกล้องคู่ใจแล้วตั้งมันถ่ายตัวเองในห้องนอนที่มีแต่เตียง กับโต๊ะเขียนหนังสือแบบนี้ ผมถ่ายมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านเกิดเลยก็ได้ ผมจึงพยายามรวบรวมคลื่นความคิดทุกลูกที่ไหลผ่านไปมาในสมอง โดยหวังว่ามันจะสกัดความคิดอะไรดีๆออกมาบ้าง ผมจะทำอย่างไร ให้ได้รูปถ่ายที่น่าประทับใจและสวยงามเพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของผมได้



 

รุ่งขึ้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมก็สว่างขึ้นเพราะเสียงเรียกเข้าจากเพื่อนผม ผมงัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์ทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ เสียงจากปลายสายเหมือนกับจะมาตอบโจทย์ปัญหาที่ผมมี เพราะว่าวันอาทิตย์นี้ หมู่เพื่อนคนไทยมีทริปไปดูใบไม้แดงที่ โครังเค กัน  ในใจผมได้แต่คิดว่า จะได้ถ่ายภาพงามๆแล้ว
 

19715_Autumn.jpg

 

โครังเค เป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องใบเมเปิลสีแดง เป็นสถานที่ที่ทำรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศญี่ปุ่นไม่น้อยทีเดียวโดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ ต้นเมเปิลกว่าพันต้นถูกแต้มสีสันจากธรรมชาติให้กลายเป็นสีเหลืองบ้าง สีน้ำตาลบ้าง สีแดงบ้าง ดูราวกับว่าต้นเมเปิลเหล่านั้นไม่รู้จักสีเขียวของคลอโรฟิลด์เลยทีเดียว ความจริงแล้วมีสถานที่มากมายที่จะให้ผู้คนพาตัวเองไปยลโฉมของใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง แต่ที่โครังเคนี้ เป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าถ้าชอบบรรยากาศอันน่าอัศจรรย์แห่งใบไม้แดงแล้ว มันเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

ผมสนทนากับเพื่อนเรียบร้อยก่อนที่จะวางโทรศัพท์ไป ไม่ทันที่โทรศัพท์เครื่องนั้นจะไปนอนนิ่งอยู่ที่หัวเตียง มันก็ถูกเรียกเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเพื่อนอีกคน โทรมาบอกว่า ชาวญีปุ่นที่บริษัทนัดกันไปเล่น “ซอฟท์บอล” ในวันอาทิตย์ แต่เสียดาย ที่ไม่มีชาวไทยไปเลยสักคนเดียว

 

19715_IMG_99.jpg

 

ซอฟท์บอลและเบสบอลนับได้ว่าเป็นกีฬาที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมากชนิดหนึ่ง และยังมีการตั้งสมาคมซอฟท์บอลแห่งญี่ปุ่นด้วย ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาก็ยังมีการจัดตั้งสโมสรเพื่อเป็นกิจกรรมให้นักเรียนทำในยามว่างหลังเลิกเรียน ทำให้นักเรียนมีสิ่งที่อยากทำ ไม่ล่องลอยแบบไร้จุดหมาย ไม่ต้องใช้เวลาว่างไปในทางที่ผิด เช่นติดยาเสพย์ติด


ซอฟท์บอลที่จะเล่นกันในครั้งนี้จะแตกต่างไปจากกติกาจริงอยู่สักหน่อย เพื่อปรับให้เหมาะสมกับผู้เล่นและอุปกรณ์ที่มี ซอฟท์บอลเป็นกีฬาประเภททีมที่ใช้ลูกบอลและไม้ตี ทีมหนึ่งมี 10 คน วิธีการเล่นคล้ายกับกีฬาเบสบอลที่หลายๆคนรู้จัก แต่ซอฟท์บอลจะใช้ลูกบอลที่มีขนาดใหญ่กว่า และการขว้างก็จะไม่แรงเท่ากับเบสบอล ซึ่งนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมอยากเล่นซอฟท์บอล เพราะว่าไม่ต้องกลัวลูกบอลที่ขว้างมาแรงๆเหมือนเบสบอล และโอกาสตีโดนลูกบอล ก็มีมากกว่าเบสบอลด้วยเพราะลูกใหญ่กว่า

 

หลังจากรับข่าวสารทางโทรศัพท์จากเพื่อนเสร็จ ผมแทบจะไม่ต้องใช้ความรู้อันน้อยนิดของผมเดาเลยว่า เจ้าเพื่อนผมคนนั้นจะเลือกไปที่ไหน เพราะว่าพวกเราพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งราวกับทารกแรกเกิด การจะเล่นกีฬากับชาวต่างชาติก็คงจะลำบากไปสักหน่อย



 

ผมจึงเปลี่ยนการทะเลาะกับตัวเองเรื่องรูปเมื่อคืนนี้เป็นการทะเลาะกับตัวเองว่า จะไปทริปไหนดีระหว่าง “โครังเค” กับ “ซอฟท์บอล”

 

“ถ้าเราเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเราได้อะไรจากมันบ้างนะ” นั่นเป็นคำถามที่ผมใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจว่าจะเลือกสิ่งไหนดี

 

                 ถ้าผมเลือกที่จะไปโครังเค
ผมก็จะได้ภาพประทับใจโดยมีตัวผมในชุดกันหนาวที่ดูอบอุ่นถูกโอบล้อมด้วยใบไม้แดงราวกับว่าผมเป็นแขกคนสำคัญจากประเทศไทย ได้ชมความงามของใบไม้ที่ถูกแต้มสีด้วยความหนาวเย็น ได้ชมวิถีการท่องเที่ยวของชาวไทยและญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง และที่สำคัญที่สุด ผมจะได้เก็บภาพลงแผ่นความทรงจำแล้วนำมาทำเป็นของขวัญมอบให้คุณครูได้อย่างไม่น้อยหน้าเพื่อนๆคนใด

 

ถ้าผมเลือกที่จะไปเล่นซอฟท์บอล

กีฬาที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้เล่นนับตั้งแต่จำความได้ กีฬาที่ไม่เคยมีใครชวนเล่น ไม่เคยมีเพื่อนเล่นกีฬาแบบนี้ ไม่เคยเห็นภาพข่าวกีฬานี้ทางทีวี ผมจะได้เล่นมันเป็นครั้งแรก ผมจะได้ลองฝึกภาษาญี่ปุ่นแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง หรืออาจจะได้นั่งเงียบๆ มองชาวญี่ปุ่นเล่นกีฬาที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน และที่สำคัญที่สุด อาจจะไม่ได้ภาพถ่ายงามๆที่มีตัวผมเป็นแบบ เพื่อนำมาทำเป็นของขวัญให้กับคุณครูของผม


               
สองตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่หัวใจผมยากที่จะตอบจริงๆ อยากเที่ยวกับเพื่อนๆก็อยากเที่ยว อยากเล่นกีฬาที่ไม่เคยเล่นก็อยากเล่น ท้ายที่สุดแล้ว คำตอบมีเพียงหนึ่ง แต่… ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง
มันแล่นอย่างรวดเร็วเข้ามาในหัวของผม ทางเลือกนั้นก็คือ

 

            “นอนเล่นอยู่ในห้อง ไม่-ต้อง-ไป-ไหน”

 

To be continued…


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที